แค่เป็นคนดี คิดดี ทำดี ก็เพียงพอแล้ว จริงหรือไม่
อยากทราบว่า การที่คนส่วนใหญ่ พูดว่า แค่เป็นคนดี คิดดี ทำดี ก็เพียงพอแล้วจริงหรือไม่เจ้าค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระธรรมละเอียดลึกซึ้ง ถ้าไม่ได้ศึกษาพระธรรม ก็ไม่รู้จักแม้แต่คำว่าดีจริงๆ ที่ถูกต้องตามสัจจะ ก็เป็นการกล่าวคำที่เลื่อนลอย ไม่รู้จัก แค่คิดว่า พูดดี คิดดี ทำดีก็พอ เพราะยังไม่รู้เลยว่าดีคืออย่างไร และขณะไหนดีและขณะไหนชั่วไม่ดี ไม่เช่นนั้นก็ไม่ต้องมีการอุบัติของพระพุทธเจ้าที่ทรงตรัสรู้สัจจะในความที่มีแต่ธรรม ไม่ใช่เรา
เพราะไม่รู้ความจริง ก็ยึดถือว่าเราดี มีเรา ก็เข้าใจผิด ก็ไม่ดี และไม่รู้ว่าไม่ดี สำคัญว่าเป็นสิ่งที่ดี เพราะฉะนั้น พระพุทธองค์ทรงตรัสรู้เพื่อให้สัตว์โลกเกิดปัญญาความเข้าใจถูกเป็นสำคัญ ถ้าไม่มีปัญญาจะดีได้อย่างไรดีเท่าไหร่ก็ยังไม่พอ เพราะดีของปุถุชนก็ยังหวั่นไหว เพราะไม่ใช่ความดีที่มีกำลังที่จะถึงการดับกิเลสได้ ดีสูงสุด คือ ผู้ที่ไม่มีกิเลส ดับกิเลสหมดสิ้นแล้ว ครับ
และที่น่าพิจารณา คือ ความดี ที่ประเสริฐ และ บริสุทธิ์ คือ ดีด้วยปัญญา ที่เกิดจากการศึกษาพระธรรม เพราะปัญญาทีเกิดขึ้นจะค่อยๆ ละกิเลส ที่เป็นการสมมติว่าเป็นคนชั่วไปทีละน้อย จนถึง ดับกิเลสที่สุด ละความชั่วได้หมดสิ้น ครับ การศึกษาพระธรรม จึงเป็นการค่อยๆ เป็นคนดี ทีละน้อย ครับ ไม่มีใครที่จะมีความชั่ว เป็นคนชั่วตลอดเวลา แต่ความดี กุศลจิตก็มีได้บ้าง แต่ความดีจะบริสุทธิ์ได้ก็เพราะมีปัญญา ซึ่งจะเกิดขึ้นได้ก็ด้วยการฟังพระธรรมศึกษาพระธรรมเป็นสำคัญ ครับ
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
คนที่เป็นคนดี แต่ไม่เข้าใจพระธรรม ก็มีมาก, ตามความเป็นจริงแล้ว คนดี เพราะจิตเป็นกุศล กุศลจิตเป็นจิตใจที่ดีงาม จิตใจที่ดีงามเกิดขึ้นในขณะใด ขณะนั้นเป็นกุศล เมื่อเข้าใจและรู้แน่ชัดแล้วว่าอะไรเป็นสิ่งที่ดี อะไรเป็นสิ่งที่ไม่ดี ก็ควรที่จะอบรมเจริญความดีซึ่งเป็นธรรมฝ่ายกุศลให้มากขึ้น ให้มีกำลังพอที่จะขัดเกลาอกุศลของตนเองให้เบาบางลงได้ เพราะอกุศลมีมากมายเหลือเกิน
ถ้าไม่เริ่มขัดเกลา ก็ย่อมจะมีแต่พอกพูนหนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ โดยปกติในชีวิตประจำวัน อกุศลเกิดขึ้นมาก จากที่เป็นอกุศลบ่อยๆ เนืองๆ แล้วเริ่มเป็นกุศลที่เพิ่มขึ้นในชีวิตประจำวัน มีการคิดดี พูดดี ทำดีมากยิ่งขึ้น ก็ต้องอาศัยการอบรมเจริญปัญญาให้มากขึ้น ฟังพระธรรมให้เข้าใจ
เมื่อปัญญาเจริญขึ้นไปตามลำดับ ย่อมจะช่วยบรรเทาอกุศลจิตซึ่งเป็นจิตที่ไม่ดีให้ลดน้อยลง จนกว่าจะดับได้เมื่อรู้แจ้งอริยสัจจธรรมถึงความเป็นพระอริยบุคคลขั้นต่างๆ สูงสุด คือถึงความเป็นพระอรหันต์, บุคคลผู้ที่เห็นประโยชน์ของพระธรรมเท่านั้นที่จะเป็นผู้ได้ประโยชน์จากพระธรรม ซึงไม่ใช่ว่าทุกคนจะเป็นอย่างนี้ เพราะธรรมไม่ได้สาธารณะกับทุกคน ครับ.
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
เคยได้ยินท่าน อาจารย์สุจินต์ กล่าวว่า "ดีเท่าไหร่ ถึงจะพอ" เป็นคำที่ละเอียด ปราณึต ซึ่งกว่าจะไถ่ถอนอัธยาศัยเดิมๆ ยากมากครับ ยังต้องไถ่ถอนตัว ไถ่ถอนตนออกให้สิ้นซากอีกจนไม่ใช่เรา และกว่าสติจะเกิดระลึกสิ่งที่กำลังปรากฏ จนเห็นประจักษ์แจ้งความจริงที่โชว์และปรากฏอยู่เฉพาะหน้าเพราะมีกำลังมากขึ้นๆ จะต้องมุ่งมั่นเอาจริง มีวิริยะที่อบรมความเข้าใจถูกเห็นถูกคิดถูกต้องในธรรมให้บ่อยอย่างเต็มกำลัง จนมีอัธยาศัยใหม่แทนที่อัธยาศัยเก่า ไม่อย่างนั้นสังสารวัฎก็จะดำเนินต่อไป
จากคำถามว่า แค่เป็นคนดี คิดดี ทำดี ก็เพียงพอแล้วหรือไม่
คงไม่มีใครตอบท่านได้ครับ เพราะดีนั้นดีอย่างไร ดีกับใคร กับสัตว์บุคคลที่เรารัก หรือกับทุกคนเสมอกัน สำคัญอีกว่าดีนั้นดีกับตัวเองหรือไม่ คือดีที่เราได้มีโอกาสอบรมศึกษาความเข้าใจตามบรมศาสดาที่ประเสริฐที่สุด และเป็นที่พึ่งให้กับสิ่งมีชีวิตทั้งปวงในโลก และในทุกภพภูมิ ครับ
ขอขอบพระคุณและขออนุโมทนาทุกๆ ท่านครับ
จริงๆ แล้วก็ควรเข้าใจว่า อย่างไรจึงจะเรียกว่าคนดี ต้องละเอียดลึกซึ้ง เนื่องจากในแต่ละวันยังไม่แน่ใจว่ามีกุศลจิต และอกุศลจิต มากแค่ไหน คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นเลิศที่สุด ตรงไปตรงมา บอกรายละเอียดของสภาพจิตชัดเจนในแต่ละขณะ ซาบซึ้งใจจริงๆ ที่ได้มีโอกาสฟังและพิจารณาธรรมอยู่เนืองๆ ขออนุโมทนาทุุกท่านที่อนุเคราะห์คำสอนแห่งความจริง