ผมอยากทราบเรื่อง วัยเบญจเพส
คือผมอยากทราบว่าเรื่องวัยเบญจเพส นั้นมีจริงหรือ แล้วถ้ามีมันคืออะไรขอบคุณมากๆ ครับ สงสัยมานานแล้วว
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ตามความเป็นจริง ชีวิตของคนเรา มีอยู่ ๒ ส่วนใหญ่ๆ คือ ส่วนที่เป็นการได้รับผลของกรรม เช่น ขณะที่ได้เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รู้สิ่งที่กระทบสัมผัสทางกาย รวมไปถึง ขณะที่หลับสนิทด้วย ถ้าไม่มีกรรมที่ได้กระทำแล้วในอดีตเป็นปัจจัย วิบากจิตซึ่งเป็นการได้รับผลของกรรมก็เกิดขึ้นไม่ได้ และอีกส่วนหนึ่ง เป็นส่วนของการสะสมเหตุ คือ เป็นกุศล กับเป็นอกุศล นี้ก็ขึ้นอยู่กับการสะสมมาของแต่ละบุคคล
ซึ่งสำหรับคำว่า มีเคราะห์ ตามที่ชาวโลก เข้าใจ ก็คือ ผลของกรรม ที่เป็นไปในการได้รับผลของกรรม หากมีเคราะห์ ในทางที่ไม่ดี ในสัจจะที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง ก็คือการได้รับผลของกรรมที่ไม่ดี อันเกิดจากการกระทำอกุศลกรรมในอดีต ซึ่งผลของกรรมที่ไม่ดี คือ เห็นสิ่งที่ไม่ดี ได้ยินสิ่งที่ไม่ดี ได้กลิ่นที่ไม่ดีๆ ได้ลิ้มรสไม่ดี รู้กระทบสัมผัสไม่ดี นั่นคือ ผลของกรรมที่ไม่ดี ให้ผล ซึ่งก็ไม่พ้นทาง ตา หู จมูก ลิ้น และกายที่เกิดในชีวิตประจำวันในขณะนี้ อันชาวโลก สมมติกันว่า มีเคราะห์ไม่ดี
เคราะห์ดี ก็คือ ผลของกรรมที่ดีให้ผล อันเกิดจากกรรมดีที่เคยทำไว้ในอดีตให้ผลซึ่งผลของกรรมดี ก็ไม่พ้นจากทาง ตา หู จมุก ลิ้น กาย ในชีวิตประจำวัน คือ เห็นดี ได้ยินดี ได้กลิ่นดี ลิ้มรสดี กระทบสัมผัสดี อันชาวโลกสมมติกันว่า เคราะห์ดี เพราะฉะนั้น ชาวโลกไม่เข้าใจว่า เคราะห์ดี หรือ ไม่ดีคืออะไร และเกิดจากเหตุอะไร เพราะเคราะห์ดี หรือ ไม่ดี ก็คือ การได้รับผลของกรรมที่ดี หรือ ไม่ดี ทาง ตา หู จมูก ลิ้นและกาย อันมีเหตุมาจากการกระทำกุศลกรรม หรือ อกุศลกรรม ครับ ไม่เกี่ยวกับช่วงอายุเลยครับ
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
[เบญจเพส แปลว่า ๒๕ มาจากภาษาบาลีว่า ปญฺจวีส (ปญฺจ แปลว่า ๕ วีส แปลว่า ๒๐ แปลจากข้างหลังไปข้างหน้า จึงเป็น ๒๕) คนที่มีอายุ ๒๕ ปี ก็เรียกว่า เข้าสู่วัยเบญจเพส] เรื่องของวัย ไม่เกี่ยวกับการที่จะเป็นคนดี เป็นคนชั่ว ได้รับสิ่งที่ดี หรือไม่ดี เพราะธรรม เป็นเรื่องของสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นไปตามเหตุปัจจัย ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น เมื่อถึงคราวที่กุศลกรรมให้ผล ก็ทำให้ได้รับสิ่งที่ดี น่าปรารถนาน่าใคร่น่าพอใจ ในทางตรงกันข้าม ถ้าถึงคราวที่อกุศลกรรมให้ผล ก็ทำให้ได้รับสิ่งที่ไม่ดี ไม่น่าปรารถนาไม่น่าใคร่ไม่น่าพอใจ ได้เห็นสิ่งไม่ดี ได้ยินเสียงที่ไม่ดี เป็นต้น โดยไม่มีใครทำให้เลย ไม่ว่าจะอยู่ในวัยใด ก็ตาม และที่สำคัญ การที่จะเป็นคนดี ก็ตามการสะสม เห็นคุณของความดี ก็น้อมประพฤติในสิ่งที่ถูกต้องดีงาม เป็นประโยชน์ ในทางตรงกันข้าม ถ้าสะสมมาไม่ดี ไม่เห็นคุณของความดี ก็ทำแต่อกุศลกรรม ไม่สะสมที่พึ่งให้กับตนเอง ก็เป็นเรื่องของผู้นั้น ไม่เกี่ยวกับอายุ เลย
การได้เกิดมาเป็นมนุษย์ เป็นผลของกุศลกรรม ต้องเป็นผลของกรรมดีอย่างแน่นอน จึงทำให้ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ แต่มนุษย์ ก็มีความหลากหลาย แตกต่างกันไป แตกต่างกันทั้งการได้รับผลของกรรม และ แตกต่างกันที่การสะสม การจะได้รับสิ่งที่ดีที่น่าปรารถนาน่าใคร่น่าพอใจ เป็นผลของกุศลกรรม เป็นเพราะได้สะสมเหตุที่ดีมาแล้ว ผลที่ดีจึงเกิดขึ้น ในทางตรงกันข้าม การได้รับสิ่งที่ไม่ดี ไม่น่าใคร่ ไม่น่าพอใจ เป็นผลของอกุศลกรรม ไม่มีใครทำให้เลย
ไม่ว่าจะเกิดมาแล้วมีอายุเท่าใด ยังไม่ถึงอายุ ๒๕ ถึงอายุ ๒๕ ปี หรือเลยอายุ ๒๕ ปีมาแล้ว ก็ยากที่จะพ้นไปจากการได้รับผลของกรรม คือ ได้รับสิ่งที่ดีบ้าง ไม่ดีบ้าง เพราะวิบากซึ่งเป็นผลของกรรม ในชีวิตประจำวัน ก็คือ ขณะที่เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รู้สิ่งที่กระทบสัมผัสทางกาย น่าพอใจบ้าง ไม่น่าพอใจบ้าง ซึ่งไม่เกี่ยวกับอายุเลย และไม่ว่าจะเป็นวัยใด อายุเท่าใดก็สามารถที่จะเป็นคนดี หรือ ไม่ดีได้ทั้งนั้น ตามการสะสมของแต่ละบุคคล เพราะการที่จะเป็นคนดีหรือไม่ดี อยู่ที่การกระทำ อยู่ที่สภาพจิต เป็นสำคัญ ว่าสะสมอะไรมาบ้างถ้ากระทำในสิ่งที่ไม่ดี ประพฤติทุจริตประการต่างๆ ก็เป็นคนไม่ดีด้วยอกุศลธรรม เป็นเรื่องของการสะสมของผู้นั้น ไม่เกี่ยวกับว่าจะมีอายุเท่าใด ถ้าน้อมประพฤติในสิ่งที่ดีงาม คิดดี พูดดี และกระทำสิ่งที่ดีๆ ก็เป็นคนดีด้วยกุศลธรรมโดยที่ไม่เกี่ยวกับอายุอีกเหมือนกัน
เกิดมาแล้ว ทุกคนล้วนจะต้องตายด้วยกันทั้งนั้น ไม่มีใครรอดพ้นจากความตายไปได้ ความตายไม่ละเว้นใครเลยทั้งสิ้น ความตายจะมาถึงเมื่อใด ไม่มีใครทราบได้เลยจริงๆ ไม่รู้ว่าจะตายเมื่อไหร่ เด็กจะตายก่อนผู้ใหญ่หรือผู้ใหญ่จะตายก่อนเด็ก ก็เป็นไปได้ทั้งนั้น
เมื่อเป็นเช่นนี้ แทนที่จะไปคิดถึงเรื่องอื่น ก็ควรอย่างยิ่งที่จะเป็นผู้ไม่ประมาทในชีวิต ไม่ประมาทในการเจริญกุศลประการต่างๆ สะสมเป็นที่พึ่งให้กับตนเองต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือ ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมอบรมเจริญปัญญา สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปตามลำดับ ครับ.
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขอบพระคุณมากๆ เลยครับ ทำให้ได้เข้าใจหลายๆ เรื่อยเลยครับ ขออนุโมทนาครับ ^^
วัยคือการเกิดดับสืบต่อของจิต จิตเกิดดับรวดเร็วมาก ผ่านไปทุกขณะที่เห็น ที่ได้ยิน ไม่หวนกลับมาอีก สำคัญที่จิตขณะนี้เป็นกุศล หรือ อกุศล เพราะถ้าสะสมอกุศลจิตบ่อยๆ และอกุศลจิตมีกำลังเป็นเหตุให้ล่วงศีล ทำให้ไปสู่อบายภูมิ ตรงกันข้ามถ้าสะสมกุศลบ่อยๆ ทำกรรมดีก็เป็นเหตุให้ไปสู่สุคติภูมิ แต่ทั้งหมดก็ยังต้องวนเวียนอยู่ในวัฏฏะ นอกจากอบรมปัญญา ฟังธรรม ศึกษาธรรม เจริญกุศลทุกๆ ประการ จนกว่าจะดับกิเลสหมด ค่ะ