ศรัทธาที่ไม่ควรเป็นไป

 
tanrat
วันที่  20 มิ.ย. 2558
หมายเลข  26659
อ่าน  850

เวลามีการกล่าวถึงธรรมะ ส่วนมากปุถุชนทั่วไปคิดถึงวัด พระภิกษุสงฆ์ กราบเรียนท่านอาจารย์ให้ความกระจ่างเหตุที่ทำให้ปุถุชนทั่วไปที่มีการคิดเช่นนี้ กราบขอบพระคุณยิ่งค่ะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 20 มิ.ย. 2558

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

สัตว์โลกมากไปด้วยกิเลสและความไม่รู้ และ ไหลไปในความต้องการรูป เสียง กลิ่น รส สิ่งที่กระทบสัมผัสที่ดี เพราะฉะนั้น เมื่อกล่าวถึงพระพุทธศาสนา ของผู้ที่ไม่ได้สะสมปัญญามา ก็มีความต้องการ ผล อานิสงส์ในการที่จะได้รับสิ่งที่ดี จึงนึกถึงสิ่งที่จะบันดาลให้ หรือ ทำบุญแล้วได้ผลตอบแทน ก็คือ เข้าหาวัด เข้าหาพระ เพื่อให้ได้ในสิ่งที่ปรารถนา ที่ต้องการ ซึ่งเป็นธรรมดาของปุถุชนที่ไม่ได้สะสมปัญญามานั่นเอง

สัตว์โลกก็สะสมมาแตกต่างกัน ให้เห็นถึง ว่าไม่มีเรา ไม่มีใคร มีเพียงธาตุ แต่ละอย่าง ที่วิจิตร ต่างตามการสะสม เพราะฉะนั้น สำคัญที่เริ่มที่เราจะค่อยๆ มีความเห็นถูกที่จะรู้ความจริงเพิ่มขึ้น ด้วยการไม่ประมาทในการฟัง ศึกษาพระธรรมต่อไป ครับ ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 20 มิ.ย. 2558

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

เรื่องของคนอื่น เป็นเรื่องของคนอื่น ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว ไม่ได้ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม ดังนั้น ประโยชน์จะเกิดมีสำหรับผู้ที่เห็นประโยชน์ของพระธรรมเท่านั้น จึงต้องตั้งต้นที่ว่า สิ่งที่มีจริงๆ เป็นธรรมทั้งหมด ธมฺม (ธรรม) เป็นคำภาษาบาลี แต่ภาษาไทย ก็คือ สิ่งที่มีจริง ก็ต้องมีจริงๆ เห็นมีจริงๆ ได้ยินมีจริงๆ คิดมีจริงๆ ชอบมีจริงๆ หวานมีจริง เสียงมีจริงๆ ทุกอย่างที่มีจริง เป็นจริง เปลี่ยนเป็นภาษาบาลีก็คือ เป็นธรรม สิ่งที่มีจริง ใครสามารถเปลี่ยนลักษณะของสิ่งที่มีจริงๆ ให้เป็นอย่างอื่นได้ไหม ไม่ได้เลย
ความเป็นจริงของธรรม เป็นจริงอย่างไร ก็เป็นจริงอย่างนั้น ไม่มีใครไปเปลี่ยนแปลงได้ มีธรรมเกิดขึ้นเป็นไปอยู่ตลอด ถ้าไม่มีการฟังพระธรรมศึกษาพระธรรมแล้ว ไม่มีทางที่จะเข้าใจถูกเห็นถูกตามความเป็นจริงได้เลย ก็ต้องตั้งต้นตั้งแต่คำแรกที่จะต้องศึกษาให้เข้าใจโดยตลอด นั่นก็คือ คำว่าธรรม
คำว่า ธรรม เป็นคำมาจากภาษาบาลี แต่ถ้าเป็นคำไทยแล้วก็คือ สิ่งที่มีจริง แล้วสิ่งที่มีจริง นั้น คือ อะไร? คือ ขณะนี้หรือไม่ ที่กำลังเห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รู้สิ่งที่กระทบสัมผัสทางกาย คิดนึก ขณะที่เป็นกุศล ความดีงามเกิดขึ้นเป็นไป มีเมตตา ให้ทานรักษาศีล ฟังพระธรรม ช่วยเหลือเกื้อกูลผู้อื่น เป็นต้น หรือ ในทางตรงกันข้าม ขณะที่อกุศลเกิด ไม่ว่าจะเป็นความติดข้องยินดีพอใจ หรือความโกรธ ความขุ่นเคืองใจไม่พอใจ ตลอดจนถึงสภาพธรรมที่ไม่ดีประการอื่นๆ ล้วนเป็นสิ่งที่มีจริง ซึ่งใครๆ ก็ปฏิเสธไม่ได้ นอกจากนั้นแล้วสิ่งที่มีจริง ที่ไม่ใช่สภาพรู้ คือ รูปธรรมก็มีจริงๆ เช่น สี มีจริงเสียงมีจริง กลิ่นมีจริง เป็นต้น เหล่านี้ทั้งหมดเป็นสิ่งที่มีจริง เป็นธรรมที่เกิดเพราะเหตุปัจจัยแล้วก็ดับไป ไม่เที่ยงไม่ยั่งยืนเลย ยิ่งถ้าได้สะสมความเข้าใจไปเรื่อยๆ ก็ยิ่งจะมั่นคงว่า สิ่งที่มีจริงๆ นั้น คือ ขณะนี้ที่เป็นนามธรรมกับรูปธรรมนั่นเอง ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
peem
วันที่ 20 มิ.ย. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
tanrat
วันที่ 20 มิ.ย. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
ประสาน
วันที่ 21 มิ.ย. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
wannee.s
วันที่ 25 มิ.ย. 2558

เพราะคนส่วนมากเข้าใจว่าธรรมต้องไปฟังที่วัด ต้องเป็นพระที่สอนธรรม แต่จริงๆ แล้ว ไม่ว่าจะเป็นพระภิกษุ หรือ ฆราวาส ถ้ามีความเข้าใจธรรม ก็สามารถสอนให้คนอื่นเข้าใจได้ และทีสำคัญ ไม่ว่าจะฟังธรรมที่บ้าน ที่ไหน ที่ต่างๆ หรือที่มูลนิธิฯ ก็ได้ ถ้าเขาสะสมบุญมาแล้ว แต่ถ้าไม่ได้สะสมบุญมา ถึงจะอยู่วัดหรืออยู่ที่มีการแสดงธรรมเขาก็ไม่สนใจฟัง ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
Jarunee.A
วันที่ 29 ต.ค. 2566

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ