รูปพรหม อรูปพรหมกับโทสะ
เรียนอาจารย์ทั้งสองท่าน
ทำไม"รูปพรหม อรูปพรหม"ถึงไม่มีโทสะครับ ขอความอนุเคราะห์อาจารย์ช่วยกรุณาให้คำอธิบายด้วยครับ
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
รูปพรหม ไม่มีโทสมูลจิตเกิดขึ้น ชั่วคราว แต่ยังไม่ได้ดับโทสะจนหมดสิ้น และเพราะ ภพภูมิ เป็นภพภูมิที่ประณีต ด้วยผลของกุศล ที่มีกำลังทำให้ ได้เห็น ได้ยินสิ่งที่ดี ประณีต จึงเป็นปัจจัยให้ ไม่เกิดโทสะ เพราะ โดยมาก โทสะเกิดเพราะ ได้กระทบอารมณ์ที่ไม่น่าพอใจ มีการเห็นสิ่งที่ไม่ดี เป็นต้น แต่บนพรหมโลกมีแต่อารมณ์ที่ประณีตมากๆ ครับ จึงไม่เป็นปัจจัยให้เกิดโทสะ และ อีกประการที่สำคัญ คือ เพราะพรหม เกิดจากกำลังของการเจริญฌาน ได้ฌาน ซึ่ง เมื่อเกิดเป็นพรหมแล้ว อุปนิสัยที่ (ชั่วคราว) คือ ละ กามฉันทะ พยาปาทะ (ความพยาบท) เป็นต้น ก็ทำให้ เพราะ มีกำลังของฌานที่เจริญมา เป็นอุปนิสัย จึงไม่เกิดความโกรธได้ง่าย เหมือนผู้ที่ไม่อบรม จึงเป็นเหตุผลที่ พรหม ไม่เกิดโทสะ ทั้งสองเหตุผลตามที่กล่าวมา ครับ
ขอเชิญอ่านคำบรรยายท่านอาจารย์สุจินต์โดยตรงที่นี่ ครับ
พรหมภูมิไม่มีโทสะแต่ยังมีโลภะและโมหะ
สุ. อกุศลจิตเกิดในสวรรค์ได้ไหม ได้ ถ้ายังไม่ได้ดับเป็นสมุทเฉท เกิดในรูปพรหมได้ไหม ได้ เว้นโทสมูลจิต นี่ก็จะเห็นได้ว่า แม้อกุศลประเภทต่างๆ ก็ต้องเว้นตามภูมิต่างๆ ด้วย แม้ว่ายังไม่ได้ดับเป็นสมุทเฉท แต่ว่าไม่มีปัจจัยที่จะเกิด สำหรับโทสมูลจิตในรูปพรหมภูมิเป็นรูปพรหมบุคคล กว่าจะได้กุศลในระดับที่ไม่เกิด ในสวรรค์เกิดเป็น เทพก็จริง แต่เป็นเทพที่เป็นพรหม เป็นรูปพรหมบุคคล ก็จะเห็นได้ว่าอบรมเจริญกุศลมาก แล้วก็เวลาที่เกิดในภูมินั้นแล้ว อารมณ์ของพรหมโลกประณีตกว่า อารมณ์ของสวรรค์ เพราะฉะนั้น ก็ไม่มีปัจจัยที่จะให้โทสมูลจิตเกิดเลย ลองคิดถึงที่ไหน ที่จะไม่มีโทสมูลจิตเกิดเลย คนที่เป็นเจ้าโทสะและก็ไม่อยากมีโทสะจริงๆ ถ้ายังไม่ถึงพระอนาคามีบุคคล ก็ต้องเป็นถึงการเกิดในรูปพรหมบุคคล จึงจะละโทสะได้ชั่วคราว ระหว่างที่เกิดเป็นรูปพรหมบุคคล แต่ถ้าเป็นพระอนาคามีบุคคลดับได้เป็นสมุทเฉท ไม่มีเชื้อของโทสะที่จะเกิด แม้เพียงความขุ่นใจเล็กน้อย ก็ไม่มี นี่แสดงให้เห็นถึงปัญญา ที่ต่างขั้น ปัญญาที่สามารถที่จะทำให้กุศลจิตเกิดมาก จนกระทั่งเป็นความสงบที่มั่นคง อกุศลจิตเกิดไม่ได้ แม้ว่าเกิดในรูปพรหม เป็นรูปพรหมบุคคล โทสมูลจิตก็ยังเกิดไม่ได้ แต่โลภะเกิดได้ทั้ง ๘ (ดวง) เห็นไหมว่าโลภะนี่ครองจิตใจ ไม่ได้จากพรากไปไหนเลย ไม่ว่าจะอยู่ในภพใดๆ ก็จะไม่ขาดโลภะเลย แต่ว่าถ้าเกิดเป็นรูปพรหมบุคคลไม่มีโทสะ แต่ก็มีทั้งโลภมูลจิตและโมหมูลจิต
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
โทสะ ไม่เกิดในพรหมบุคคล เนื่องจากไม่มีเหตุปัจจัยที่จะทำให้โทสะเกิดขึ้น ซึ่งถ้ายังไม่ใช่พระอนาคามี ก็ยังมีพืชเชื้อของโทสะ แต่เมื่อใดก็ตามที่ดับโทสะได้แล้ว โทสะก็ย่อมจะไม่เกิดขึ้นอีกในสังสารวัฏฏ์
ที่น่าพิจารณา คือ โทสะ เป็นสภาพธรรมที่มีจริง โทสะ หรือความโกรธ เป็นสภาพธรรมที่มีจริง สามารถที่จะเกิดได้ กับทุกบุคคล ตราบใดที่ยังไม่ได้ดับโทสะได้อย่างเด็ดขาด ถึงความเป็นพระอนาคามีบุคคล เมื่อได้เหตุได้ปัจจัย โทสะก็เกิดได้
โทสะ เป็นข้าศึกภายในที่ประทุษร้ายทันทีที่เกิดขึ้น ตลอดระยะเวลาอันยาวนานในสังสารวัฏฏ์นั้น ตามความเป็นจริงแล้ว เราไม่ได้ถูกใครประทุษร้ายเบียดเบียนเลยนอกจากโทสะซึ่งเป็นสภาพที่ประทุษร้าย ซึ่งเป็นกิเลสของเราเอง สำหรับโทสะที่ว่าเป็นข้าศึกภายในที่ประทุษร้ายทันทีที่เกิดขึ้น ย่อมแสดงให้เห็นว่า ไม่มีอะไรที่สามารถที่จะกั้นข้าศึกนี้ได้เลย ถ้าจะพิจารณาแล้วข้าศึกภายนอก ยังมีป้อมปราการเป็นเครื่องกั้น มีประตูหน้าต่างเป็นเครื่องกั้น แต่ว่าโทสะซึ่งเป็นข้าศึกภายใน เกิดขึ้นเมื่อใดประทุษร้ายทันที หนีไม่ทัน เพราะเหตุว่าไม่มีเครื่องกั้นเลย
เมื่อเป็นเช่นนี้ สำหรับบุคคลผู้มีปัญญา ท่านเห็นโทษของโทสะ ท่านเข้าใจว่าโทสะเป็นอกุศลธรรมที่พึงละ ไม่ควรพอใจ ไม่ควรยินดีที่จะโกรธต่อไป เพราะเหตุว่าความโกรธแม้เพียงเล็กๆ น้อยๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน เมื่อสะสมมากขึ้น ก็อาจจะถึงขั้นผูกโกรธ พยาบาท เกลียดชัง แค้นเคือง ที่จะเป็นเหตุ ให้เกิดการประทุษร้ายเบียดเบียนผู้อื่นทั้งทางกาย หรือทางวาจาในภายหน้า ได้ ซึ่งไม่เป็นผลดีทั้งแก่ตนและผู้อื่นเลย
ดังนั้น ธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง เป็นเครื่องเตือนที่ดี แม้อกุศลพระองค์ก็ทรงแสดงเพื่อให้เห็นอกุศล ตามความเป็นจริง พร้อมทั้งทรงแสดงโทษไว้ด้วย เตือนให้ไม่หลงผิดไปในทางที่ไม่ดี แต่ให้ตั้งมั่นอยู่ในกุศลธรรมทั้งหลาย ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...