เกี่ยวกับการอธิบายธรรมะ
เรียนถามอาจารย์ค่ะ สำหรับคนที่ไม่เคยสนใจและไม่เคยคิดที่จะเข้าใจธรรมะ จะไม่ยอมรับฟังการอธิบายธรรมะยาวๆ อย่างแน่นอน และจะไม่ยอมฟังแผ่นซีดี หรือมาที่มูลนิธิฯ อย่างแน่นอน และอีกอย่างหนึ่งคือคนที่จะอธิบายคือตัวดิฉันเองก็อธิบายไม่เก่งแล้วก็ไม่สามารถอธิบายในรายละเอียดได้อย่างมั่นใจว่าถูกต้องด้วยค่ะ ไม่ทราบว่าถ้าจะอธิบายแบบใช้คำพูดง่ายๆ แบบชาวบ้านๆ แต่อาจไม่ตรงกับความจริงจริงๆ เช่น เขาไม่ชอบทำบุญหรือทำความดีกับคนอื่น (มีความยึดมั่นถือมั่นเหนียวแน่นมาก และตระหนี่สูงมาก) แล้วเราจะบอกเขาว่า เรามีชีวิตไม่ใช่แค่ชาตินี้ชาติเดียว ยังต้องมีชาติต่อๆ ไป ควรที่จะทำความดี ทำบุญบ้าง สะสมไว้ สำหร้บชาติต่อไป แล้วก็ยกตัวอย่าง คนอื่นๆ ที่ยากจนว่า เพราะชาติที่ผ่านๆ มา เป็นผู้มีความตระหนี่ ไม่ค่อยได้ทำบุญ ประมาณนี้ รบกวนเรียนถามอาจารย์ดังนี้ค่ะ
1. การอธิบายตามข้างต้นนี้ จะกลายเป็นว่าดิฉันพูดโกหกหรือเปล่าคะ เพราะจริงๆ แล้ว คือ ไม่มีเรา และไม่ควรทำบุญหวังผล (ไม่สามารถอธิบายอย่างนี้ได้ เพราะท่านผู้นี้จะไม่เข้าใจ และจะไม่อดทนฟัง)
2. สมมติว่าการอธิบายตามข้างต้นนี้จะช่วยให้ท่านผู้นี้เข้าใจ แต่ก็จะเข้าใจไม่ตรงกับความเป็นจริง ก็จะเป็นโทษมากกว่าประโยชน์ ไม่ควรอธิบายแบบนี้หรือเปล่าคะ
3. ท่านอาจารย์คิดว่าควรจะอธิบายกับบุคคลท่านนี้อย่างไรดีคะ
ตั้งแต่มาศึกษาธรรมะ รู้สึกปัญหาชีวิตค่อยๆ ลดลงอย่างมาก คงเป็นเพราะเมื่อเริ่มเข้าใจธรรมะ แม้ในขั้นการฟัง ก็มีความเข้าใจชีวิตมากขึ้นอย่างมาก ปัญหาบางอย่างก็คงปล่อยวางไปเอง หรือบางอย่างก็คงปฏิบัติกับปัญหาได้อย่างถูกต้องขึ้นโดยไม่รู้ตัว แต่ก็ยังมีปัญหาชีวิตอยู่ค่ะ และก็ยังมีปัญหาความไม่เข้าใจบางอย่างเกี่ยวกับธรรมะ ก็คงเพราะปัญญายังน้อยมาก ยังต้องศึกษาต่อไปอีกมาก แต่สำหรับปัญหาข้างต้นนี้ ไม่ทราบจะแก้อย่างไรจริงๆ แม้ว่าจริงๆ แล้วก็ทราบว่าไม่ใช่ปัญหา แต่ในฐานะปุถุชนก็อดไม่ได้ที่จะเป็นห่วงท่านผู้นี้มากในชีวิตภายภาคหน้าของท่าน เพราะท่านเป็นบุคคลสำคัญในชีวิตค่ะ ท่านยังมีความเห็นผิดแบบฝังลึกอีกนานัปการ แต่ยกตัวอย่างด้านบนเรื่องเดียว
กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ท่านอาจารย์ดวงเดือน บารมีธรรม ท่านอาจารย์ฉัตรชัย กิติพรชัย ท่านอาจารย์วิทยากร เจ้าหน้าที่และทีมงานอาสาสมัครของมูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนาและเว็บไซต์บ้านธัมมะทุกท่าน ที่มีส่วนร่วมในการเผยแพร่ธรรมะและทำให้มูลนิธิฯ และเว็บไซต์เป็นอย่างทุกวันนี้ และสร้างประโยชน์ที่ประเมินค่าไม่ได้แก่ผู้ที่สั่งสมมาที่จะรับฟังธรรมะ ทั้งคนในสังคมไทย และแม้กระทั่งคนในประเทศอื่นๆ ด้วย ทำให้มีความเห็นถูก แม้มีจำนวนคนเล็กน้อยมาก เทียบไม่ได้กับคนแทบทั้งโลกที่ไม่รู้ความจริง หรือปฏิเสธพระธรรมเพราะไม่เชื่อว่าเป็นสิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้จึงไม่ศึกษา แต่ก็เป็นประโยชน์สูงสุดจริงๆ ในฐานะที่เกิดมาเป็นมนุษย์ กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาท่านอาจารย์และทุกๆ ท่านอย่างยิ่งค่ะ
ขอนบอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
สัตว์โลกก็สะสมมาแตกต่างกันไป แต่ละคนก็แต่ละหนึ่ง ซึ่ง ไม่มีใครไปบังคับ จัดการ เป็นไปตามเหตุปัจจัย การอธิบายให้เข้าใจถูก ในเบื้องต้น ในการเจริญกุศลธรรม ที่แสดงโดยพระสูตร ที่เป็น คนนั้น คนนี้ ไม่ได้เป็นการแสดงให้ผู้ฟังเข้าใจผิดว่ามีเรา มีสัตว์ บุคคล แต่เป็นการแสดงให้เห็นถูก ผลของวิบากที่ดี และ ไม่ดี ที่เกิดขึ้น ไม่ใช่เกิดกับใคร ก็เกิดกับบุคคลนั้น กล่าวโดยยสมมติโดยเป็นคนนั้น คนนี้เพื่อให้เข้าใจ เพราะฉะนั้น เป็นการแสดงโดย สมมติโวหาร ไม่ได้เป็นการแย้ง หรือกล่าวไม่ถูกต้อง ครับ
สำคัญที่เริ่มจากตนเอง บางครั้งการบังคับ แสดงสัจจะ โดยตรง บ่อยๆ ก็อาจทำให้คนที่ไม่สะสมมา หรือ ยังไม่ถึงคราวที่เหตุปัจจัยพร้อม ที่จะสนใจ ต่อต้านเกิดอกุศลได้ เพราะฉะนั้น ก็ต้องค่อยเป็น ค่อยไป สนทนากัน คุยกันในชีวิตประจำวัน แทรกธรรม เป็นปกติ ส่วนที่ไม่ลืม คือ ธรรมอนัตตา เป็นไปตามการสะสม สำคัญ คือ ตนเอง เข้าใจถูกอย่างมั่นคงต่อไป ครับ ขออนุโมทนา
บางสิ่งที่ดี ก็อยากจะให้ท่านผู้อื่นรู้ตาม แต่ธรรมะเป็นอนัตตา ต้องมั่นคงในความจริงที่ว่าทุกอย่างเป็นธรรมะ กุศลหรืออกุศลก็เป็นธรรมะ มั่นคงในการฟังพระสัทธรรม แล้วค่อยๆ พิจรณา บางท่านสะสมมาที่จะฟังแล้วเข้าใจ บางท่านสะสมมาที่จะเกิดศรัทธาก็ยังยาก
สาธุ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
การกล่าวถึงสิ่งที่มีจริงๆ ค่อยๆ อธิบาย ในความเป็นเหตุเป็นผลของธรรมเท่าที่จะกล่าวได้ ย่อมเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ซึ่งจะเริ่มต้นว่า สิ่งที่มีจริงๆ เป็นธรรม เป็นสิ่งที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้และทรงแสดง ความจริงนี้ใครๆ ก็เปลี่ยนแปลงไม่ได้ ชีวิตไม่ได้ปราศจากธรรม แต่ไม่รู้ว่าเป็นธรรมจนกว่าจะได้ฟังคำสอนของพระองค์ และที่สำคัญผู้ที่เราสนทนาด้วยเขาพร้อมที่จะรับฟังหรือไม่ และถ้าหากว่าเขาสนใจก็ต่อด้วยแนะนำหนังสือ เอ็มพีสาม เว็ปไซต์ รายการวิทยุโทรทัศน์ หรือจะมอบสื่อที่ตนเองมีอยู่ให้เขาไปลองฟัง ลองศึกษาดูก่อนก็ได้ เราไม่สามารถจะรู้ได้ว่าแต่ละคนสะสมอะไรมาบ้าง อย่างไรก็ตามเราก็ได้ทำหน้าที่ของความเป็นมิตรเป็นเพื่อนที่ดีต่อผู้อื่นด้วยการแนะนำให้ได้พบกับสิ่งที่ประเสริฐที่สุดในชีวิต ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ได้เข้าใจในประเด็นสำคัญแล้ว ขอบพระคุณและขออนุโมทนาอาจารย์ทั้งสองท่านอย่างยิ่งค่ะ
พระพุทธเจ้าจะโปรดใครก็ต้องโปรดคนทีมีอุปนิสัย แต่ละคนสะสมมาไม่เหมือนกัน เราก็อนุเคราะห์เท่าที่จะช่วยได้ และ ก็เป็นสิ่งที่ยากที่จะเปลี่ยนจากคนตระหนี่เป็นคนให้ทานถ้าเขาฟังก็แนะนำ ถ้าเขาไม่ฟังก็ไม่มีประโยชน์ เพราะคนที่จะฟังธรรมต้องเป็นผู้ที่เคยทำบุญไว้แต่กาลก่อน ค่ะ