“สิ่งที่ปรากฏ ในขณะนี้ -เกิด ... ถ้าไม่เกิด -ก็ไม่ปรากฏ”
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขอเรียนถามค่ะ
จากข้อความ “สิ่งที่ปรากฏ ในขณะนี้ เกิด ถ้าไม่เกิด ก็ไม่ปรากฏ” ถ้า “เห็น” ตัวอักษรหนึ่ง เช่น “ธ” ในกระดาษ ตัวอักษรนั้นเป็นวัณณรูป เป็นสีวัณณรูป หรือสีนั้นเป็นรูปธาตุ เป็นอวินิพโภครูป ๘ ก็เกิดแล้วดับ เกิดแล้วดับอีก ไปเรื่อยๆ ใช่หรือไม่ (ท่านที่รู้จักตัวธัมมะแล้ว จะเห็น อาการเกิดดับ ของวัณณรูปหรือสีนั้น หรือไม่) ด้วยเหตุปัจจัยอะไรก็แล้วแต่ ไปกระทบกับจักขุปสาทรูป แล้วเกิดการเห็นขึ้น
* อีกประการหนึ่ง ตัวอักษรหนึ่ง เช่น “ธ” ในกระดาษนั้น เป็นบัญญัติ ด้วยการเป็นบัญญัติ ไม่มีลักษณะ ไม่มีการเกิดดับ ใช่หรือไม่ (แม้ ท่านที่รู้จักตัวธัมมะแล้ว ก็จะไม่เห็นอาการเกิดดับของบัญญัติ) เพราะบัญญัติ ไม่มีลักษณะ ซึ่งวัณณรูป หรือ สี (โดยความเป็นธาตุ) นั้น ก็เป็นที่มาของ บัญญัติ “ธ” ที่ว่า “ทุกสิ่งทุกอย่าง เป็นธัมมะ ไม่เว้นอะไรเลย”
“บัญญัติ” ก็เป็นธัมมะ แต่เป็นธัมมะ ที่ไม่มีอาการเกิดดับปรากฏ ใช่หรือไม่ คิดว่า ธัมมะทุกอย่าง ต้องมีอาการเกิดดับ เว้นแต่นิพพาน ใช่หรือไม่
บัญญัติ เป็นธัมมะ หรือ ไม่เป็นธัมมะ แล้วจะเป็นอะไร
หวังว่าคงจะเข้าใจในความสงสัยของผู้ถามที่ต้องการความ ”ตรง” กระจ่างชัดเจน
ขอบพระคุณยิ่งนะคะ ในความอนุเคราะห์เกื้อกูล ที่ให้ได้รับความรู้ค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
สิ่งที่ปรากฎ ถ้าไม่เกิด ก็ไม่ปรากฎ ปรากฎกับจิต สิ่งที่ปรากฎที่เป็นรูปธรรมเกิดขึ้นและดับไปตลอดเวลา แม้ สี วัณณรูป ก็เกิดขึ้นและดับไป ผู้ที่รู้จักตัวธรรม แต่ ไม่จำเป็นจะต้องเห็นการเกิดดับของสภาพธรรมเพราะการเห็นการเกิดดับ เป็น วิปัสสนาญาณขั้นที่ ๔ นิพพานไม่เกิดดับ
บัญญัติไม่มีสภาวะ บัญญัติเป็นเพียงเรื่องหรือชื่อของปรมัตถธรรม เพราะมีปรมัตถธรรมจึงมีชื่อ หรือมีคำบัญญัติ เพราะแท้ที่จริงแล้ว สิ่งที่มีจริงๆ ที่ใครๆ ก็เปลี่ยนแปลงลักษณะของสิ่งที่มีจริงนั้นไม่ได้ มีอยู่ ๔ อย่าง ที่เรียกว่า ปรมัตถธรรม ๔ ได้แก่ จิต เจตสิก รูปและนิพพาน ไม่ใช่บัญญัติ
บัญญัติไม่ใช่ปรมัตถธรรม บัญญัติไม่มีลักษณะให้รู้ ไม่มีจริง เพราะไม่มีลักษณะ แต่เพราะมีปรมัตถธรรมซึ่งเป็นสิ่งที่มีจริงนี้เอง จึงมีบัญญัติธรรม ยกตัวอย่างเช่น เพราะมีขันธ์ ๕ ซึ่งเป็นสภาพธรรมที่มีจริงที่เกิดเพราะเหตุปัจจัย อันได้แก่ นามธรรม (จิต และเจตสิก) และรูปธรรม จึงมีการบัญญัติเรียกว่าเป็นคนนั้น คนนี้เป็นคนดี เป็นคนไม่ดี เป็นต้น ทั้งหมดนี้ก็สืบเนื่องมาจากมีสิ่งที่มีจริงที่เป็นปรมัตถธรรมนั่นเอง ครับ
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ธรรมเป็นเรื่องที่ละเอียด ค่อยๆ ฟัง ค่อยๆ ศึกษาไป ความรู้ความเข้าใจก็จะค่อยๆ เจริญขึ้น สำคัญอยู่ที่ความเข้าใจอย่างถูกต้อง เพราะแท้ที่จริงแล้ว ธรรม ไม่ได้อยู่ในหนังสือ ไม่ได้อยู่ในตำราเลย แต่มีอยู่จริงในชีวิตประจำวัน ทุกขณะของชีวิตเป็นธรรมทั้งหมด เป็นธรรมที่เกิดขึ้นตามเหตุตามปัจจัยแล้วก็ดับไป ไม่เที่ยง ไม่ยั่งยืน ขณะนี้ไม่พ้นไปจากจิต เจตสิก และรูป เลย เป็นธรรมที่เกิดขึ้นเป็นไป แม้แต่ในขณะที่คิด ก็มีธรรมเกิดขึ้นคิด ได้แก่นามธรรม คือ จิต และเจตสิก เกิดขึ้นทางใจที่คิดนึก ซึ่งมีจริงๆ แต่เรื่องที่คิดที่เป็นบัญญัติเรื่องราวต่างๆ ไม่มีจริง ครับ
... ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ ...