ท่านกำลังแสวงหาของแท้ หรือ ของปลอม

 
chatchai.k
วันที่  7 ก.ค. 2558
หมายเลข  26744
อ่าน  3,279

พระผู้มีพระภาคทรงตรัสรู้ ตรัสไว้ดีแล้ว พระธรรมเป็นของแท้ เป็นสัจธรรม ท่านทั้งหลายต่างก็กำลังแสวงหาสัจธรรมซึ่งเป็นของแท้ หลายท่านได้พบของแท้ แต่ยังไม่ทราบว่าเป็นของแท้ ยังคงเที่ยวแสวงหาต่อไป จนไปพบของปลอม ซึ่งเข้าใจว่าเป็นของแท้ มีคนประเภทนี้จำนวนมาก ทั้งในยุคที่พระผู้มีพระภาคยังทรงดำรงพระชนม์อยู่ อย่างเช่นสหายของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี เป็นต้น ในยุคปัจจุบันก็ยังคงมีให้เห็น

ขอเรียนถามว่า เหตุใดผู้มีความรู้ทางธรรมะมากๆ สามารถพูดธรรมะให้ผู้อื่นฟัง แต่ผู้พูดเอง กลับไปแสวงหาของปลอม ขอความเห็นของท่านวิทยากร และทุกท่าน ครับ

มีกระทู้ที่น่าสนใจเข้าไปอ่าน ..ของปลอม


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 7 ก.ค. 2558

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง ตรัสไว้ดีแล้ว เพราะ มาจากพระปัญญาตรัสรู้ทุกคำ ธรรมแต่ละคำ จึงเป็นพระปัญญา และ สมบูรณ์ด้วยพยัญชนะและอรรถะ แต่ เพราะ ความละเอียดลึกซึ้งของพระธรรม บัณฑิตเท่านั้นที่จะรู้ได้ คือ ผู้ที่สะสมปัญญา ความเห็นถูกมา จึงจะเข้าใจได้ เพียงแค่ คำว่า ธรรม คำเดียว ผู้ที่ได้อ่าน ศึกษา แต่ละท่าน ก็เข้าใจแตกต่างกันไป ตามการสะสมมา ที่จะสะสมความเห็นถูก และ ความเห็นผิด เพราะฉะนั้น แม้จะอ่าน ศึกษาพระธรรม ตาม พระไตรปิฎก แต่ ความเข้าใจ ก็แตกต่างกันไป ซึ่ง ผู้ที่ไม่เข้าใจ ไม่ได้สะสมความเห็นถูกมา หรือ สะสมมา ยังไม่มั่นคง จิตย่อมไหลไปตามกิเลส คือ ความไม่รู้ และ ความเห็นผิด โดยเฉพาะ ไหลไปตามอำนาจของความต้องการ อยากจะรู้ อยากจะเข้าใจ อยากจะทำ เป็นต้น จึงแสวงหาในหนทางที่ผิด ที่เรียกว่า แสวงหาพรหมจรรย์ แสวงหา ในหนทางที่ผิด ที่คิดว่าถูก แม้ จะได้มีโอกาสพบพระธรรมในหนทางที่ถูกแล้ว ที่เป็นหนทางที่ถูก คือ เข้าใจความจริงของสภาพธรรมในขณะนี้ตามความเป็นจริง ว่าเป็นธรรม ไม่ใช่เรา เป็นต้น แต่ เพราะ ปัญญาที่ไม่ได้สะสมมาเพียงพอ หรือ ความมากไปด้วยกิเลส และ เคยสะสมความเข้าใจผิดมาด้วย ทำให้ ย่อมแสวงหาหนทางอื่นอีกได้เป็นธรรมดา เพราะ ทางที่จะทำ ทางที่ต้องการ ทางที่เป็นตัวตน ย่อมเป็นทางที่ง่าย เป็นทางที่ทำให้หลงทางไปได้ง่าย เพราะ โดยปกติ ของปุถุชน ก็ไหลไปตามความต้องการ ตัวตนเป็นปกติอยู่แล้ว แต่ หนทางที่ถูก ทางที่เป็นสัจจธรรม ที่เป็นของแท้ คือ ทางที่เข้าใจเข้าใจว่าเป็นธรรมในขณะนี้ไม่ใช่เราและ ไม่ว่าอ่าน พระธรรมในส่วนใด ก็ไม่ใช่เรา ไม่มีเราที่จะทำ จะพยายาม ด้วยความเป็นตัวตนทั้งสิ้น เพราะพระธรรม ครอบคลุมเสมอ โดยเฉพาะกับคำว่า อนัตตา เพียงคำเดียว ก็ต้องเข้าใจ ประกอบไปกับพระธรรมทุกๆ ส่วน ครับ

เพราะฉะนั้น จึงเป็นธรรมดาของสัตว์โลกที่สะสมมาแตกต่างกันไป พบของแท้ แต่ไม่ได้หมายความว่า จะเห็นว่าเป็นของแท้ ปัญญาเท่านั้น ที่สะสมมาถูกต้องและเข้าใจ ย่อมจะสามารถแยกแยะได้ ว่าของแท้เป็นอย่างไร ของปลอมเป็นอย่างไร ไม่ประมาท ไม่เผินในการศึกษาพระธรรม ศึกษาพระธรรมด้วยความเคารพ ก็ย่อมได้สาระ คือ ความเข้าใจถูก อันเป็นมรดกล้ำค่าจากพระพุทธเจ้าที่ทรงมอบให้สาวก ครับ ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 7 ก.ค. 2558

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงตลอด ๔๕ พรรษานั้น เป็นคำจริง ให้ความจริงโดยตลอด เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ได้ฟัง ได้ศึกษาอย่างแท้จริง เพราะสามารถนำออกไปจากทุกข์ทั้งปวงได้จริง นำมาซึ่งประโยชน์ในโลกนี้ ประโยชน์ในโลกหน้า และประโยชน์อย่างยิ่ง คือการรู้แจ้งอริยสัจจธรรม ประจักษ์แจ้งพระนิพพานถึงความเป็นพระอริยบุคคลขั้นต่างๆ

ในชีวิตประจำวัน สิ่งที่เป็นสาระที่สำคัญที่สุดในชีวิต คือ ความเข้าใจพระธรรม ผู้ที่ได้สะสมเหตุที่ดีมาแล้ว เห็นประโยชน์ของความเข้าใจพระธรรม จึงฟังพระธรรมด้วยความตั้งใจเพื่อความเข้าใจอย่างถูกต้องตรงตามพระธรรม บุคคลผู้ที่ได้ศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรมเป็นปกติบ่อยๆ เนืองๆ ไม่ขาดการฟังย่อมเป็นเหตุให้ความเข้าใจเจริญขึ้น มั่นคงในเหตุในผลตามความเป็นจริง ย่อมเป็นการแสวงหาสิ่งที่ประเสริฐ เป็นความจริงที่ว่า คนที่ไม่ได้ฟังความจริง มีมาก จึงไม่พบหนทางที่จะทำให้ความเข้าใจถูกเห็นถูกตามความเป็นจริง ย่อมถูกโลภะและความเห็นผิดให้แสวงหาในสิ่งผิดๆ ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่ 7 ก.ค. 2558

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ข้าพเจ้าจำได้ไม่เคยลืม จากการที่ได้เคยฟังเทปการบรรยายธรรมของท่านอาจารย์ มีท่านหนึ่งถามในทำนองที่ว่า จะรู้ได้อย่างไร ว่าจะฟังใคร? ที่เป็นผู้กล่าวคำจริงและตรง ตามที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง เพราะต่างก็กล่าวคำที่ดูจะเหมือนๆ กัน ท่านอาจารย์ตอบประมาณว่า ผู้มีปัญญาเท่านั้นที่รู้ ผู้ไม่มีปัญญา ย่อมรู้ไม่ได้ ซึ่งก็น่าคิดว่า ท่านไม่ได้กล่าวว่าต้องฟังใคร เพราะไม่ใช่เรื่องของใคร แต่เป็นเรื่องที่ท่านผู้นั้น จะพึงฟัง พิจารณา ไตร่ตรอง ด้วยความเข้าใจของตนเอง ผู้มีปัญญา ย่อมเป็นผู้ที่ฟังธรรมและกล่าวธรรม เพื่อเกื้อกูลแก่ความเข้าใจของตนและผู้อื่น เท่านั้น หาใช่เป็นผู้ฟังหรือผู้กล่าวธรรม เพื่อหวังในลาภ ในยศ ในสักการะใดๆ ทั้งสิ้น พระธรรมที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้และทรงมีพระมหากรุณาแสดงไว้ เป็นไปกับหนทางแห่งการละ ทั้งหมด หากแม้ว่า มีความติดข้องต้องการ เพื่อได้ เพื่อมี เพื่อเป็น แม้เพียงน้อยหนึ่ง ย่อมรู้ว่า เป็นหนทางที่ผิด ไม่ใช่หนทางที่ถูกต้อง แน่นอน จึงเป็นผู้ที่ฟังพระธรรมด้วยความเคารพและอ่อนน้อมอย่างยิ่ง ทั้งเป็นผู้ตรง จึงจะเป็นผู้ที่ได้สาระจากพระธรรมที่ทรงแสดง ครับ
กราบเท้าท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง ขอบพระคุณและขออนุโมทนาท่านผู้ตั้งกระทู้ ที่เป็นประโยชน์ เกื้อกูลและเตือนใจทุกบุคคลที่สะสมมา ที่จะมีโอกาสได้ฟังคำจริง วาจาสัจจะ ที่มีค่าแก่การฟังอย่างยิ่งครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
tanrat
วันที่ 8 ก.ค. 2558

จาก สัจจะ สาระ และย่อมเป็นประโยชน์ต่อผู้ฟัง พระธรรมฟังเพื่อความเข้าใจ ไม่กล่าวในสิ่งที่ไม่เป็นจริง เป็นสาระมากในการสะสมเพื่อเป็นเสบียงท่องเที่ยวไปในสังสารวัฎฎ์ ยังอีกไกล มีความเห็นถูกย่อมดีกว่าไม่มี ประโยชน์ก็ไม่หวั่นไหวในสภาพธรรมะทั้งหลายที่เกิด ดับ กราบอนุโมทนาสาธุค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
wirat.k
วันที่ 8 ก.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
ประสาน
วันที่ 8 ก.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
pdharma
วันที่ 8 ก.ค. 2558

ผู้แสวงหา มักแสวงหาของแท้ แต่ด้วยปัญญาที่อบรมมายังไม่พอ เมื่อพบของปลอม จึงอาจคิดว่าเป็นของแท้ แม้ภิกษุผู้ผู้กล่าวธรรมที่กล่าวธรรมของปลอม ก็มีในสมัยพุทธกาล เช่น

สาติภิกษุ มีทิฏฐิอันลามกเกิดขึ้นว่า เราย่อมรู้ทั่วถึงธรรมตามที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงว่า วิญญาณนี้นั่นแหละ ย่อมท่องเที่ยว แล่นไป ไม่ใช่อื่น ภิกษุอื่นๆ เตือนบอกกล่าวให้เข้าใจให้ถูกต้องก็ไม่เชื่อ ภิกษุเหล่านั้นจึงไปทูลพระพุทธเจ้า
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสถามว่า ดูก่อนสาติ วิญญาณนั้นเป็นอย่างไร.
สาติภิกษุทูลว่า สภาวะที่พูดได้ รับรู้ได้ ย่อมเสวยวิบากของกรรมทั้งหลาย ทั้งส่วนดีทั้งส่วนชั่วในที่นั้นๆ นั่นเป็นวิญญาณ.
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนโมฆบุรุษ เธอรู้ธรรมอย่างนี้ที่เราแสดงแก่ใครเล่า ดูก่อนโมฆบุรุษ วิญญาณอาศัยปัจจัยประชุมกันเกิดขึ้น เรากล่าวแล้วโดยปริยายเป็นอเนกมิใช่หรือ ความเกิดแห่งวิญญาณเว้นจากปัจจัย มิได้มี ดูก่อนโมฆบุรุษ ก็เมื่อเป็นดังนั้น เธอกล่าวตู่เราด้วยขุดตนเสียด้วย จะประสบบาปมิใช่บุญมากด้วย เพราะทิฏฐิที่ตนถือชั่วแล้ว ดูก่อนโมฆบุรุษ ก็ความเห็นนั้นของเธอจักเป็นไปเพื่อโทษไม่เป็นประโยชน์ เพื่อทุกข์ตลอดกาลนาน.
(จาก พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ เล่ม ๑ ภาค ๓)

ของปลอมย่อมมีโทษ ไม่เกิดประโยชน์ นำทุกข์มาให้

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
thilda
วันที่ 9 ก.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
athisamai
วันที่ 9 ก.ค. 2558

ของที่ปลอมได้ใกล้เคียง ปลอมปน สอดแทรก หากผู้มีปัญญาไม่ช่วยแยกแยะเขาเหล่านั้นซึ่งเป็นผู้ใหม่ต่อการศึกษา คงทราบได้ยากว่าอันไหนแท้อันไหนปลอม และหากยังไม่เห็นถึงคุณค่าของธรรมะว่าคลายทุกข์ ดับทุกข์ได้อย่างไร พ้นทุกข์แล้วดีอย่างไร ตราบนั้นของปลอมที่เข้าถึงง่ายด้วยแค่การกราบ ไหว้ สวด วิงวอน ใช้เงิน ของปลอมก็ยังคงอยู่ได้ กอร์ปกับผู้นำเสนอน่าเชื่อถือ ผู้รู้หากไม่กล้าจริงก็ไม่อาจแย้งว่าปลอม ได้แต่รู้อยู่เฉพาะตน

ของปลอมชั้นต่ำ ด้วยการเสนอประโยชน์สนองกาม 5 เข้าทางกิเลส ของปลอมเหล่านี้ก็ยังอยู่ได้และจะดาษดื่นขึ้นเรื่อยๆ เมื่อกาลใกล้หมดพระศาสนา

มีใครไหมหนอที่จะชี้ให้เห็นทุกข์ภัยของวัฏฏะ วาระแห่งการหาทางพ้น ใครหนอในยุคนี้แสดงความจริงฉบับ "ออริยิน่อล" หน้าตาเป็นอย่างไร แก้ทุกข์ได้อย่างไร

ขอจงมี ผู้อาจหาญในธรรมของพระบรมศาสดา ผู้กล้าแสดงความจริง เพื่อความไม่อันตรธานของพระสัทธรรมเป็นมรดกของผู้จะมาภายหลัง ขอบพระคุณและยินดีในบุญกับผู้นั้น

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
peem
วันที่ 9 ก.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
Patchanon
วันที่ 12 ก.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
wannee.s
วันที่ 13 ก.ค. 2558

ได้พบธรรมะที่ถูกต้อง แต่กลับไปหาหนทางผิด เพราะสะสมความเห็นผิดอย่างนั้นมาแต่ในอดีตชาติ และส่วนหนึ่งมาจากกรรมที่ทำ เพราะฉะนั้นต้องผู้ที่มั่นคงจริงๆ และไม่ประมาทค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
j.jim
วันที่ 13 ก.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
สุณี
วันที่ 17 ก.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 16  
 
nvrath
วันที่ 18 ก.ค. 2558

สะท้อนให้เห็นว่าผู้นั้นมิได้เป็นผู้ตรง และไม่มั่นคงในธรรมะ หากความรู้นั้น เกิดจากการจำได้มาก ก็มิได้แปลว่าผู้นั้น ....มีความเข้าใจสภาพธรรมะ เป็นเรื่องของกรรมส่งผล และการสะสมความเข้าใจถูก จริงๆ เพียงจำ ไม่นำไปสู่การเจริญปัญญา ไม่ได้ทำให้เกิดความเข้าใจ ย่อมไม่ยังประโยชน์

กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 17  
 
papon
วันที่ 21 ก.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 18  
 
เซจาน้อย
วันที่ 22 ก.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 19  
 
orawan.c
วันที่ 23 ก.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 20  
 
ธนฤทธิ์
วันที่ 31 ก.ค. 2558

ขอบคุณ และขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 21  
 
isme404
วันที่ 6 ส.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 22  
 
namarupa
วันที่ 7 ส.ค. 2558

เป็นไปตามการสะสมของแต่ละบุคคลค่ะ จริงๆ แล้วดิฉันเองก็ยังสงสัยว่า..จะมีสักกี่คน..ที่อยากจะละ..หรืออยากจะขัดเกลากิเลสในชีวิตประจำวันจริงๆ แม้กระทั่งอกุศลเล็กๆ น้อยๆ หยาบๆ จะเห็นกันบ้างหรือไม่?

 
  ความคิดเห็นที่ 23  
 
jran
วันที่ 7 ส.ค. 2558

พระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง ตรัสไว้ดีแล้ว เพราะ มาจากพระปัญญาตรัสรู้ทุกคำ ธรรมแต่ละคำ จึงเป็นพระปัญญา และ สมบูรณ์ด้วยพยัญชนะและอรรถะ แต่ เพราะ ความละเอียดลึกซึ้งของพระธรรม บัณฑิตเท่านั้นที่จะรู้ได้ คือ ผู้ที่สะสมปัญญา ความเห็นถูกมา จึงจะเข้าใจได้ เพียงแค่ คำว่า ธรรม คำเดียว ผู้ที่ได้อ่าน ศึกษา แต่ละท่าน ก็เข้าใจแตกต่างกันไป ตามการสะสมมา ที่จะสะสมความเห็นถูก และ ความเห็นผิด เพราะฉะนั้น แม้จะอ่าน ศึกษาพระธรรม ตาม พระไตรปิฎก แต่ ความเข้าใจ ก็แตกต่างกันไป ซึ่ง ผู้ที่ไม่เข้าใจ ไม่ได้สะสมความเห็นถูกมา หรือ สะสมมา ยังไม่มั่นคง จิตย่อมไหลไปตามกิเลส คือ ความไม่รู้ และ ความเห็นผิด โดยเฉพาะ ไหลไปตามอำนาจของความต้องการ อยากจะรู้ อยากจะเข้าใจ อยากจะทำ เป็นต้น จึงแสวงหาในหนทางที่ผิด

เพราะฉะนั้น จึงเป็นธรรมดาของสัตว์โลกที่สะสมมาแตกต่างกันไป พบของแท้ แต่ไม่ได้หมายความว่า จะเห็นว่าเป็นของแท้ ปัญญาเท่านั้น ที่สะสมมาถูกต้องและเข้าใจ ย่อมจะสามารถแยกแยะได้ ว่าของแท้เป็นอย่างไร ของปลอมเป็นอย่างไร ไม่ประมาท ไม่เผินในการศึกษาพระธรรม ศึกษาพระธรรมด้วยความเคารพ ก็ย่อมได้สาระ คือ ความเข้าใจถูก อันเป็นมรดกล้ำค่าจากพระพุทธเจ้าที่ทรงมอบให้สาวก

ขอขอบคุณสำหรับคำอธิบายนี้และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 24  
 
Komsan
วันที่ 24 ก.ย. 2558

ขอขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 25  
 
Guest
วันที่ 25 ก.ย. 2558

กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 26  
 
nopwong
วันที่ 2 ต.ค. 2558

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 28  
 
Nataya
วันที่ 20 เม.ย. 2561

กราบอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 29  
 
Jarunee.A
วันที่ 19 ต.ค. 2566

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ