ปัญญาต้องมาจากปริยัติธรรม
ปัญญาทั้งหมดที่เกิดขึ้นนั้น ต้องมาจากปริยัติธรรม พระอริยสาวกทั้งหลายอาศัยแล้วจึงถึงความเป็นสังฆรัตนะ จะไม่มีใครสักคนหนึ่งซึ่งกล่าวว่าปัญญาที่ได้มา ที่ได้เข้าใจลักษณะของสภาพธรรม ที่สามารถประจักษ์แจ้งลักษณะของสภาพธรรมนั้น ไม่ได้เกิดจากการฟังพระธรรม ไม่สามารถที่จะกล่าวอย่างนี้ได้ ผู้ที่เห็นคุณของพระรัตนตรัย มีพระรัตนตรัยเป็นสรณะ ย่อมไม่ขาดการฟังพระธรรม ซึ่งเป็นปริยัติธรรม
มิฉะนั้น แล้วชีวิตวันหนึ่งๆ ก็อยู่ไปๆ โดยไม่รู้ลักษณะสภาพธรรมตามความเป็นจริง ข้อสำคัญที่สุดสำหรับผู้ที่ฟังพระธรรมและศึกษาพระธรรม ก็คือว่า ต้องรู้ว่าเพื่อน้อมประพฤติปฏิบัติตามเท่าที่สามารถจะกระทำได้ ขออย่าได้เป็นผู้ที่เพียงฟัง แต่ต้องฟังเพื่อที่จะได้ประพฤติปฏิบัติตาม จึงชื่อว่า เป็นผู้ที่เคารพในพระธรรมจริงๆ
ปัญญาทั้งหมดที่เกิดขึ้นนั้น ต้องมาจากปริยัติธรรม
ปริยัติ คือ คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า นั่นคือจากพระไตรปิฎก แต่การจำเรื่องราวของพระไตรปิฎกได้ คือ ปริยัติหรือ หรือ เป็นความเข้าใจ (ปัญญา) ที่เกิดจากการอ่าน หรือฟังพระธรรม ความเข้าใจ (ปํญญา) อย่างไรจึงเป็น ปริยัติ นั่นคือ เป็นไปเพื่อขัดเกลากิเลส ฟังหรืออ่านแล้วน้อมไปเพื่อความเจริญของกุศลธรรม เพื่อละอกุศลธรรม แต่ที่สำคัญ มิใช่ตัวตนจะไปพยายามละ แต่เป็นความเข้าใจที่เกิดจากการอ่านหรือฟัง จนปัญญาเพิ่มขึ้น เมื่อปัญญาเพิ่มขึ้น เขาก็ทำหน้าที่ ในทางที่เจริญกุศลธรรมมากขึ้นและละอกุศลมากขึ้น โดยธัมมะทำหน้าที่ครับ
อีกประการ ปริยัติ ต้องเกื้อกูลกับปฏิบัติ
ปฏิบัติ คืออะไร คือ สติระลึกสภาพธัมมะที่มีในขณะนี้ ดังนั้นปริยัติ ก็ต้องเป็นความเข้าใจขั้นการฟังจนมั่นคงว่า ธัมมะมีอยู่ในขณะนี้ นั่นเองครับ ไม่ใช่อยู่ในหนังสือนะ
แม้ว่าจะได้ศึกษาธรรมะ และรู้แล้วว่าการปฏิบัติ หมายถึง สติระลึกรู้สภาพธรรม (ถึงเฉพาะสภาพธรรม) ด้วยมีเหตุปัจจัยจากความเข้าใจสภาพธรรม จากการฟังธรรมแต่ไม่ควรจะใส่ใจมากไป จนเป็นความกังวลว่าเมื่อไรสติปัฏฐานจะเกิดสักที หรือเข้าใจผิดว่าขณะคิดนึกถึงธรรมะว่าเป็นสติเกิด สิ่งที่ควรให้ความสำคัญมากที่สุดในขณะนี้คือ การทำความเข้าใจธรรมะจากการฟัง สนทนา อ่าน ฯลฯ เพราะเมื่อปัญญาเกิดก็จะเป็นเหตุปัจจัยให้สติเกิดขึ้นเองด้วยความเป็นอนัตตาของสภาพธรรมนั่นเอง
ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา ห้ามไม่ได้แม้แต่ความหวัง ความกังวล ทั้งความหวัง และความกังวลก็เป็นสภาพธัมมะที่สติควรระลึก มิใช่ กังวล เดือดร้อน ในขณะที่เกิดความต้องการให้สติเกิด นั่นก็เป็นตัวตนอยู่ดี ไม่เข้าใจว่าเป็นสภาพธัมมะครับ
คงอีกนานค่ะ กว่าจะเห็นว่าทุกอย่างเป็นธรรม ถ้าอินทรีย์ยังไม่แก่กล้า ยังไม่เป็นปัญญาพละ การระลึกในแต่ละครั้งก็เป็นเพียงขั้นคิดนึกเท่านั้น สะสมความเห็นผิดกันมาเท่าไหร่แล้ว จะละคลายออกไปได้ง่ายๆ หรือ