นกแรกเกิด ไม่พ้นจากความเป็นไปของธรรม
บนต้นไม้ที่มูลนิธิฯ ไม่พ้นจากความเป็นไปของธรรม
ชีวิตเป็นไปตามธรรม ตามเหตุปัจจัย เมื่อยังมีกิเลส ก็ยังเกิด เกิดแล้ว ก็ยินดีในภพ ในความเป็น ไม่ว่าจะเกิดเป็นสัตว์อะไรก็ตาม ให้เห็นถึงความจริงของกิเลส ที่ติดตามไปทุกขณะจิต ทุกภพทุกชาติ ชีวิต
เกิดแล้วก็แสวงหา แสวงหาอาหาร ตามกิเลสไปเกือบตลอดเวลา ผู้ที่เห็นลูกนก โดยมากแล้วก็ยินดี ตามกิเลส เป็นไปตามปกติ ผุ้มีปัญญาเห็นแล้ว สังเวช ในความเกิด ว่า นำมาซึ่งทุกข์ ต้องแสวงหา เพราะ ไม่รู้ความจริง จึงเกิด เพราะ มี อวิชชา ไม่รู้สภาพธรรมที่มีจริงในขณะนี้ จึงเกิดตาย ร่ำไป อะไรเกิด สภาพธรรมเกิด แต่เพราะประชุมกันของรูปธรรม จึงสมมติว่าเป็นนก เพราะ สัญญา อัตตสัญญา จำไว้ว่าเป็นสิ่งนั้น สิ่งนี้ ผู้เห็นก็ไม่รู้ นก ก็ไม่รู้ ต่างก็ไม่รู้ความจริง จนกว่าจะได้ฟัง ศึกษาพระธรรม ค่อยๆ รู้ความจริงว่า เห็นก็เป็นธรรม เป็นเพียงสิ่งที่ปรากฎแล้วนึกว่าเป็นนก ไม่ใช่ใคร ไม่ใช่เรา หรือ สิ่งใดที่เห็น เป็นแต่เพียงธาตุ ธรรมแต่ละอย่าง
เมื่อวาน ฝนตก หนัก แม่นกก็มาดูแล มาเอาตัวบังไว้ ขันธ์เป็นภาระ ยึดถือในขันธ์ ก็ยิ่งเป็นภาระ ภาระ ด้วยความยึดถือ ตามกิเลส ปกติเป็นไปอย่างนั้น
การเข้าใจความจริงในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าพบเจอสิ่งใด จึงเป็นเครื่องเกื้อกูลกุศลปัญญา ให้เห็นตามความเป็นจริง ของโทษของความไม่รู้ และ โทษของกิเลสที่นำมาซึ่งทุกข์ และ เป็น เครื่องเตือน ที่เมื่อเข้าใจแล้ว ก็เป็น วิริยารัมภกถา คำกล่าว ที่เกิดจากความเข้าใจที่ปรารภความเพียรในการเจริญกุศลทุกๆ ประการ และ อบรมปัญญา เพราะ ไม่รู้เลยว่า ชาติต่อไปจะเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน หมดโอกาส อบรมปัญญาและ ชีวิตที่เหลืออยู่น้อยเท่าไหร่ พึงทำความดี และ ศึกษาพระธรรมในหนทางที่ถูกต้องตามความเป็นจริง
ผู้ใกล้ชิดพระธรรม จึงพิจารณาธรรมด้วยปัญญาเนืองๆ
กราบขอบพระคุณและนุโมทนาค่ะ
เข้าใจว่าเป็นสัตว์ สิ่งของ บุคคลก็แสดงว่ายังไม่เข้าใจ หรือน้อมจิตที่จะฟังให้เข้าใจ ความจริงเป็นอย่างไร ก็เป็นอย่างนั้น เห็นเป็นลูกนก ก็ไม่มี มีแต่สัญญา ที่จำว่าเป็นลูกนก แล้วคิด โอลูกนกน่ารัก น่าสงสาร แต่นี่แหละธรรมะก็ไม่รู้ นี่ขั้นฟังให้เข้าใจก็ไม่เข้าใจ