ปาราชิก
จานสำหรับฉันข้าวของผมวางไว้ที่อาสนะสำหรับฉัน แต่ก่อนฉันเกิดการสลับจานชาม จานช้อนส้อมของผมหาย แล้วมีพระรุ่นพี่เห็น จำได้ จึงนำมาให้ผม แต่ทว่ามีช้อนโต๊ะของพระรูปอื่นติดมาด้วย ... ผมไม่มีเจตนาที่จะต้องการได้ช้อนอันนั้น แต่มันติดมากับจานของผม พระรูปนั้นจึงหาช้อนอันใหม่มาใช้แทน
ด้วยความกลัวที่เขาจะหาว่าเป็นขโมยจึงไม่ได้พูดอะไร และกลัวเขาต่อว่า จึงไม่กล้าบอก และไม่ได้พูดอะไร แต่ก็เก็บช้อนไว้ ขอถามว่าจะปาราชิกไหมครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ปาราชิก คือ ประเภทของโทษที่เกิดจากการล่วงละเมิดสิกขาบทประเภทครุอาบัติ อาบัติหนักที่สุด ที่เรียกว่าอาบัติปาราชิก พระภิกษุต้องอาบัติปาราชิกสี่ ข้อใดข้อหนึ่ง แม้จะไม่กล่าวลาสิกขาบท ก็ถือว่าขาดจากความเป็นพระภิกษุทันที เมื่อความผิดสำเร็จ
ปาราชิก มี 4 ข้อ อยู่ใน ศีล 227 ได้แก่
1. เสพเมถุน แม้กับสัตว์เดรัจฉานตัวเมีย (ร่วมสังวาสกับคนหรือสัตว์)
2. ถือเอาทรัพย์ที่เจ้าของไม่ได้ให้ มาเป็นของตน จากบ้านก็ดี จากป่าก็ดี (ขโมย)
3. พรากกายมนุษย์จากชีวิต (ฆ่าคน) หรือ แสวงหาศาสตรา อันจะนำไปสู่ความตายแก่ร่างกายมนุษย์
4. กล่าวอวดอุตตริมนุสสธรรมอันเป็นความเห็นอย่างประเสริฐ อย่างสามารถ น้อมเข้าในตัวว่า ข้าพเจ้ารู้อย่างนี้ ข้าพเจ้าเห็นอย่างนี้ (ไม่รู้จริง แต่โอ้อวดความสามารถของตัวเอง)
ซึ่งจากเหตุการณ์ที่กล่าวมา ไม่มีเจตนาลักขโมย และ ของไม่มีมูลค่า ถึง 5 มาสก จึงไม่ต้องอาบัติปาราชิก ครับ ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
เรื่องจิตใจเป็นเรื่องที่ละเอียดมาก เมื่อไม่มีเจตนาที่จะขโมย ไม่มีทางที่จะเป็นอาบัติอยู่แล้ว ไม่ต้องอาบัติปาราชิก เมื่อไม่ได้กระทำอะไรผิด ก็ไม่ต้องกังวลอะไร ความจริง เป็นความจริง และสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ คือ การศึกษาพระธรรมวินัยให้เข้าใจจริงๆ แล้วน้อมประพฤติในสิ่งที่ถูกต้อง และละเว้นในสิ่งที่ผิด และถ้าหากได้ลาสิกขาไปแล้ว ไม่มีอาบัติแต่อย่างใด ก็ขอให้เป็นคฤหัสถ์ที่ดี ด้วยการทำดีและศึกษาพระธรรมให้เข้าใจ ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...