จิตที่ไม่เสื่อมมาจากความตั้งมั่นของจิต
ถาม จิตที่ไม่เสื่อมมาจากความตั้งมั่นของจิตได้มีแล้วเหมือนจิตที่มีคูหอประตูรบอันตั้งมั่นแล้ว ข้อนี้เป็นไฉนจิตเกิดสืบต่อจริง ภาษาไม่เกิดสืบต่อ ความเห็นเสื่อมได้ สัมมาทิถิไม่เสื่อม มาฟังสนทนาธรรมก็ได้ยินแต่คนถามเรื่องภาษาในธรรมมะ ศึกษา แต่ตัวหนังสือ การวิเคราะห์ตัวหนังสือตามหลักภาษาศาสตร์บ้าง จับใจความได้ว่า คนที่มาก็มาแสวงหาหนทางสู่ความไม่เสื่อม จากการผมที่ฝึกฝนมา พบว่า จิตที่ไม่เสื่อมมาจากความตั้งมั่นของจิตได้มีแล้วเหมือนจิตที่มีคูหอประตูรบอันตั้งมั่นแล้ว ข้อนี้ เป็นไฉน
โปรดศึกษาพระธรรมจากพระไตรปิฎกจะดีกว่า ถ้าคิดเองหรือใช้ภาษาของเราเองย่อมไม่ตรงกับสภาวธรรม ผู้ที่ศึกษาพระธรรมคำสอนต้องศึกษาจากปริยัติธรรมก่อน ถ้าไปผึกโดยไม่มีความเข้าใจไม่ทราบว่าฝึกฝนอะไร เพื่ออะไร ขณะฝึกรู้อะไร และตรงกับพระธรรมคำสอนหรือไม่ ขอแนะนำให้เริ่มศึกษาพระธรรมคำสอนของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าก่อน
[เล่มที่ 39] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ 15
ดูก่อนอานนท์ ก็สัตว์ทั้งหลายที่มีชาติความเกิดเป็นธรรมดา อาศัยเราตลาคตเป็นกัลยาณมิตร ย่อมหลุดพ้นจากชาติดังนี้ ฉันใด แต่ในที่นี้ บุคคลเมื่อจะหลุดพ้น ด้วยอานุภาพแห่งสรณะ คือ พระพุทธเจ้า พระธรรมและพระสงฆ์ ท่านก็กล่าวว่า บุคคลอาศัย สรณะนี้ย่อมหลุดพ้นจากทุกข์ ทั้งปวง ดังนี้ ก็ฉันนั้น.
ครั้งพุทธกาล พระเทวทัตได้ฌาณจิต เหาะเหิน เดินอากาศได้ แต่มีจิตคิดอยากเป็นใหญ่ ฌาณจิตก็เสื่อมแล้ว เหาะไม่ได้ ต้องเดินดิน อยากให้ฟังธรรมะทุกๆ วันค่ะ เรื่องจิตปรมัตถ์ก็ดีนะ
ไม่เป็นไรนะ เรามาแลกเปลี่ยนความคิดกันได้ ที่สำคัญ ลองพิจารณาเหตุผลที่ พระพุทธองค์ทรงแสดงว่าธัมมะที่เราๆ ท่านๆ หากัน อยู่ที่ไหน ขณะนี้หรือเปล่า แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้ครับ ว่าธัมมะคืออะไร ลองอ่านและฟังไฟล์ในเวปนะครับ
อนุโมทนาด้วยครับ
ขออนุโมทนาค่ะ ตอนที่ดิฉันยังหลงทางอยู่นั้น ก็เคยคิดว่าตนเองนี้มั่นคงแล้ว เป็นผู้ที่น่าจะรอด พ้น จากอบายทุคติแน่แล้ว แต่ด้วยว่านั่นมิใช่ทาง ดิฉันกลับเหมือนคนโลเล และรู้สึกว่าไม่ใช่ แทรกอยู่เป็นระยะ จนได้มาฟังธรรมบรรยายจากท่าน อ.สุจินต์ โดยบังเอิญ พร้อมความรู้สึกว่า ใช่ และฟังเรื่อยๆ มา ความเป็นอนัตตาของธรรมะทั้งปวง แสดงให้เห็นความแปรปรวนตามสภาพ (ซึ่งเมื่อก่อนเคยคิดว่าตนเองเข้าใจคำว่า เปลี่ยนแปลงมากพอ) เป็นสิ่งที่บังคับบัญชาไม่ได้จริงๆ ดิฉันเห็นความเป็นปุถุชน ของตนเองอย่างชัดเจน และอยู่ในฐานะของผู้ซึ่งมีคติไม่แน่นอนหากแม้นว่าจุติจิตจะเกิดขึ้น ในเวลานี้ และยิ่งเข้าใจด้วยว่า ผู้ได้โลกียฌาณแล้วเสื่อมนั้นมีอยู่ เพราะผู้นั้น ไม่อาจรู้ตัวเลยว่า เกิดความยึดมั่นถือมั่น มีตัวมีตนขึ้นแล้ว ขอคุณ jirasak เป็นผู้มั่นคงในธรรมและไม่ประมาทในพระธรรมค่ะ
ขออนุโมทนากับคุณpornpaon ด้วยอีกคนครับ เนื่องเพราะเคยเป็นแบบเดียวกัน มาก่อน แล้วได้มีโอกาสมาฟังธรรมะของ อ.สุจินต์ โดยบังเอิญเช่นกัน เกิดความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องมากกว่าแต่ก่อน ความสงสัยที่เคยมีมาก่อนก็ค่อยๆ กระจ่างขึ้น
ขอให้เริ่มต้นจากปริยัตินี้แหละครับ ให้มีความเข้าใจที่ถูกต้องเสียก่อนจะไปทำอย่างอื่น จะได้ไม่ทำอะไรที่ผิดไปเป็นการสะสมความไม่รู้ให้เพิ่มพูนขึ้น เหมือนการทำ การงานหรือทำสิ่งหนึ่งสิ่งใด ถ้าเริ่มด้วยความเข้าใจแล้วทุกอย่างก็จะดำเนินไปอย่างถูกทาง เป็นสัมมาทิฏฐิซึ่งเป็นหนึ่งในสัมมามรรคมีองค์ ๘ ด้วยครับ..
ขออนุโมทนากับคุณ jirasak ครับ