กัลยาณปุถุชนผู้ถึงพร้อมด้วยศีล
ใน อรรถกถาปฐมเสขสูตร (พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อิติวุตตก เล่ม ๑ ภาค ๔ - หน้าที่ 116) มีข้อความว่า "แม้ผู้ที่เป็นกัลยาณปุถุชน กระทำให้บริบูรณ์ด้วยอนุโลมปฏิปทา ถึงพร้อมด้วยศีล คุ้มครองทวารในอินทรีย์ทั้งหลาย....ท่านก็เรียกว่า เสกขะ เพราะยังต้องศึกษา ในข้อนี้ท่านประสงค์เอาพระเสกขะผู้ยังไม่แทงตลอด ที่แท้ก็เป็นกัลยาณปุถุชน"
ใน สีลสูตร ว่าด้วยโทษของความทุศีลและคุณของศีล (พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต เล่ม ๓ - หน้าที่ 463) ในอรรถกถา กล่าวว่า "ก็สูตรนี้ ใช้สำหรับคฤหัสถ์" ก็มีข้อความว่า "ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อานิสงส์ของคนมีศีล เพราะความถึงพร้อมด้วยศีล ๕ ประการนี้ ๕ ประการเป็นไฉน?..."
ใคร่เรียนถามว่า คำว่า "ถึงพร้อมด้วยศีล" ของกัลยาณปุถุชน นั้นหมายความถึงอย่างไร
ขอขอบพระคุณ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
การถึงพร้อมด้วยศีลของกัลยาณปุถุชน หมายถึง ชาตินั้น ช่วงชีวิตนั้น รักษาศีล เป็นผู้มีศีล ไม่มีเหตุปัจจัยให้ศีลขาด ก็ย่อมได้มาซึ่ง สุขสมบัติ และ สวรรค์สมบัติ แต่เป็น การถึงพร้อมด้วยศีล ที่ไม่ใช่ จากโลกุตตระ ที่บรรลุเป็นพระโสดาบัน แต่ เป็นการถึงพร้อมด้วยศีล ที่ไม่ขาดในช่วงชีวิตนั้น ดั่งเช่น การถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะ ไตรสรณคมณ์ ของปุถุชน ก็ย่อมขาด ได้ เมื่อสิ้นชีวิตไป หรือ นับถือ ลัทธิอื่น แต่ ก็สามารถ มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งได้ในช่วงชีวิตนั้น ตราบเท่าที่ไม่นับถือลัทธิอื่น แต่ เป็นไตรสรณคมณ์ของกัลยาณปุถุชน ไม่มั่นคงแน่นอน เหมือน ไตรสรณคมณ์ของผู้บรรลุเป็นพระอริยะ นั่นเองครับ
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
เป็นเรื่องของความเข้าใจจริงๆ ว่า เพราะผู้ที่จะมีศีล ๕ ที่ครบบริบูรณ์ไม่ล่วงเลย ก็ต่อเมื่อได้บรรลุธรรมถึงความเป็นพระโสดาบัน เพราะดับกิเลสอย่างหยาบที่ทำให้มีการล่วงศีล สำหรับผู้มี่ยังไม่ใช่พระโสดาบันยังมีโกาสล่วงได้ตามกำลังของกิเลส แต่ถ้ามีความเข้าใจถูกเห็นโทษของอกุศล มีการวิรัติงดเว้นจากทุจริตกรรม ก็เป็นผู้มีศีลที่ไม่เป็นการก้าวล่วงสิกขาบทต่างๆ มีการงดเว้นจากการฆ่าสัตว์ จากการลักทรัพย์ เป็นต้น ทั้งหมดเป็นธรรม ที่เกิดขึ้นทำกิจหน้าที่ไม่ใช่สัตว์บุคคล ตัวตน ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...