รับโทษ เห็นโทษ กระทำคืน และอดโทษ

 
natural
วันที่  9 ส.ค. 2558
หมายเลข  26900
อ่าน  2,037

ขอเรียนถามความหมายของ รับโทษโดยความเป็นโทษ เห็นโทษโดยความเป็นโทษ กระทำคืนตามธรรมะถึงความสำรวมต่อไป และ อดโทษ ค่ะ

หากคำถามไม่ตรงตามจุดประสงค์ในการศึกษาพระธรรม ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 9 ส.ค. 2558

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ชีวิตประจำวันของปุถุชน เป็นธรรมดาที่ย่อมมีการทำผิดไปบ้างด้วยอำนาจกิเลส แต่เมื่อทำผิดแล้ว ผู้ที่เป็นบัณฑิต ย่อมเห็นโทษของกิเลสนั้น และตั้งใจประพฤติสิ่งที่ดีใหม่ด้วยการแก้ไขพฤติกรรม ก็ชื่อว่า เป็นการทำคืน ทำคืนจากที่เคยกระทำผิด มาสู่การกระทำที่ถูกขึ้น ก็จะเป็นผู้เจริญในพระศาสนา เพราะ ผู้ที่เห็นโทษโดยความเป็นโทษแล้วกระทำคืน ประพฤติสิ่งที่ดีใหม่ กุศลย่อมเจริญขึ้น เพราะเห็นโทษของกิเลส แม้กิเลสจะเกิดอยู่เป็นธรรมดา แต่ปัญญาก็ค่อยๆ เห็นโทษกิเลสนั้น กุศลก็เกิดสลับด้วย ครับ และเมื่อมีผู้อื่นทำผิดแล้วผู้นั้นขอโทษ ผู้ที่เป็นบัณฑิต ก็ย่อมรับโทษของผู้นั้นโดยธรรม คือให้อภัย เพราะเขาได้สำนึกและเห็นโทษในการกระทำของเขาแล้ว ครับ

ความเป็นผู้ที่เห็นโทษในการกระทำผิด และ ทำคืน แก้ไขในสิ่งที่ถูกต้อง และให้อภัยผู้อื่น เมื่อผู้อื่นรับผิด แสดงโทษ จึงเป็นคุณธรรมของบัณฑิตและสิ่งเหล่านี้จะเกิด เจริญขึ้นได้ ก็ด้วยการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม ทำให้ปัญญาเจริญขึ้น เพราะปัญญานั่นเองที่จะรู้ว่าอะไรเป็นโทษ ไม่เป็นโทษ และจะปรับปรุงแก้ไข ทำคืนถูกต้องอย่างไรครับ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 10 ส.ค. 2558

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ไม่มีใครที่ไม่เคยทำผิด ย่อมมีแน่นอนสำหรับบุคคลผู้ที่กระทำความผิด จะมากหรือน้อยก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ตัวเราเองก็เช่นเดียวกัน พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงเป็นเครื่องเตือนที่ดีอยู่เสมอ เพราะพระองค์ไม่เคยสอนให้เกิดอกุศลเลยแม้แต่น้อย,แม้จะทำผิด สามารถเกิดกุศลจิต เห็นโทษ พร้อมกับขอโทษผู้อื่นที่ตนล่วงเกิน ได้ พร้อมที่จะแก้ไขในสิ่งที่ผิดพลาด กระทำในสิ่งที่ถูกต้องดีงาม ต่อไป ก็ย่อมเป็นสิ่งที่ดี ซึ่งจะแตกต่างไปจากผู้ที่ไม่เห็นโทษ ขอโทษคนอื่นไม่ได้ทั้งๆ ที่ตนเองผิด แสดงถึงกิเลสที่สะสมมาซึ่งน่ากลัวเป็นอย่างมาก และที่สำคัญผู้มีปัญญาย่อมให้อภัยไม่ถือโทษโกรธในความผิดพลาดของผู้อื่น ความเข้าใจพระธรรมเท่านั้นที่จะเป็นเครื่องอุปการะเกื้อกูลที่ดีในชีวิตประจำวัน ปัญญานี้เองที่จะนำพาชีวิตไปสู่ความดีทั้งปวง ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
thilda
วันที่ 11 ส.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
peem
วันที่ 11 ส.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
napachant
วันที่ 20 ส.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
Jarunee.A
วันที่ 16 ก.ย. 2566

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ