เรียนรู้อะไร - จากความทุกข์กายและความทุกข์ใจ.

 
พุทธรักษา
วันที่  9 ส.ค. 2558
หมายเลข  26901
อ่าน  1,211

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ข้อความบางตอน
จากการสนทนาธรรม ณ.
มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา
ครั้งที่ ๒๔๕ วันที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๕๗

คุณกุลวิไล คำถาม ทุกข์-สุข มี เพราะคิด ถ้าหากว่าเป็นเรื่องที่ไม่ดี ก็นำมาซึ่งความทุกข์ใจ แต่ถ้าเป็นเรื่องที่ดี ก็นำมาซึ่งความสุขใจ เพราะฉะนั้น คำว่า "ทุกข์-สุข มี เพราะคิด"
กราบเรียนถามท่านอาจารย์อีกครั้งค่ะ

ท่านอาจารย์สุจินต์ คุณกุลวิไลกำลังคิดหรือเปล่าคะ ทุกข์ หรือ สุข

คุณกุลวิไล ขณะนี้ยังไม่ทุกข์ค่ะ

ท่านอาจารย์สุจินต์ เพราะฉะนั้น ขณะที่ สุข ไม่ใช่ขณะที่ ไม่สุข-ไม่ทุกข์ ถ้าไม่คิด จะสุข-ทุกข์ ได้ไหมคะ

คุณกุลวิไล ถ้าไม่คิด จิต ก็ต้องเกิดขึ้น

ท่านอาจารย์สุจินต์ ขณะที่ เห็น สุข-ทุกข์ หรือเปล่า

คุณกุลวิไล ขณะที่ เห็น ยังไม่สุข ไม่ทุกข์

ท่านอาจารย์สุจินต์ แล้วขณะที่ ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส กระทบสัมผัสทางกาย

คุณกุลวิไล ยังไม่สุข ไม่ทุกข์ หลายท่านคงแปลกใจว่าทำไม ขณะที่ เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รู้สัมผัสทางกาย จึงยังไม่สุข ไม่ทุกข์

ท่านอาจารย์สุจินต์ แล้วขณะที่กำลังสัมผัสทางกาย สุข หรือ ทุกข์

คุณกุลวิไล ก็ยังไม่สุข ไม่ทุกข์

ท่านอาจารย์สุจินต์ ขณะที่ เห็น ไม่สุข ไม่ทุกข์ ขณะที่ ได้ยิน ไม่สุข ไม่ทุกข์ ขณะที่ ได้กลิ่น ไม่สุข ไม่ทุกข์ ขณะที่ ลิ้มรส ไม่สุข ไม่ทุกข์ แต่ลวง เหมือนมีสุข มีทุกข์ ในทันที แต่ความจริง ขณะที่เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส ไม่สุข ไม่ทุกข์ แน่นอน แสดงให้ทราบว่า "ธรรม" ยาก ที่จะรู้ ถ้าไม่ศึกษาจริงๆ เราก็จะปนกัน

เพราะฉะนั้น ขณะที่กำลังเห็น กำลังได้ยิน กำลังได้กลิ่น และ กำลังลิ้มรส ก็ยังไม่สุข ไม่ทุกข์ ขณะที่ "กาย" กำลังกระทบสัมผัส ขณะนั้น สุข-ทุกข์ หรือเปล่า คุณนีน่าบอกว่า เจ็บ

คุณนีน่า เจ็บ ทางกายวิญญาณ (ขณะจิตที่กำลังรู้สัมผัสทางกาย) เท่านั้น แต่ทีหลัง มีโทสะ ไม่ชอบ

ท่านอาจารย์สุจินต์ เพราะฉะนั้น ต้องแยก "ความรู้สึก" ถ้าคุณกุลวิไลหมายถึง สุข หรือ ทุกข์ ทางใจ ขณะที่ "กาย" กระทบสัมผัส ขณะนั้น ไม่ใช่ ทางใจ "ความรู้สึกเจ็บ" เกิดขึ้น เพราะมี "กาย" ถ้าไม่มี "กาย" จะไม่มี "ความรู้สึกเจ็บ" เลย ฯลฯ จิต เกิดขึ้นเมื่อไหร่ ต้องมี เวทนาเจตสิก (ความรู้สึก) เกิดร่วมด้วย แล้วแต่ ว่า ขณะนั้น จะเป็น ความรู้สึกประเภทไหน

ความรู้สึก มี ๕ อย่าง ความรู้สึกสุขทางกาย และ ความรู้สึกทุกข์ทางกาย ขณะใดที่ทุกข์ทางกาย ไม่ปรากฏ ขณะนั้น สุขทางกาย เสมือนไม่ปรากฏ แต่เพราะเหตุว่า ไม่ใช่ ทุกข์ (ความรู้สึกไม่สบายทางกาย) ขณะนั้น จึงเป็น ความรู้สึกที่สบาย (ทางกาย) เกิดขึ้นได้ เพราะอาศัย กายปสาทรูป นี่คือ สุขทุกข์ ทางกาย. แต่ถึงแม้กายจะเจ็บ อย่างเช่น พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประชวร แต่พระองค์ไม่มี โทมนัส คือ ไม่มีความรู้สึกพลอยเป็นทุกข์กับกายที่กำลังทุกข์เลย

สำหรับทางใจก็มี โสมนัสเวทนา หมายถึง ความรู้สึกดีใจ เป็นสุขทางใจ และ โทมนัสเวทนา หมายถึง ความรู้สึกเป็นทุกข์ทางใจ แม้มีสมบัติมากมายมหาศาล ทางตา ก็เห็นแต่สิ่งดีๆ ทางหู ก็ได้ยินเสียงเพราะๆ ทางจมูก ก็ได้กลิ่นหอม ทางลิ้น รส ก็อร่อย กาย ก็ไม่เดือดร้อน ไม่มีอะไรที่เจ็บป่วย ใจ เป็นทุกข์ ได้ไหม ได้แน่นอน

เพราะฉะนั้น ก็ต้องแยกความรู้สึก ความรู้สึก ที่เป็น ความทุกข์ทางกาย และ ความสุขทางกาย ใครก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะเหตุว่า เป็น ผลของกรรม เช่น ขณะที่กำลังเห็น ก็เป็นผลของกรรม เมื่อถึงเวลาที่เห็นเกิดแล้ว หลีกเลี่ยงไม่ให้เห็น ไม่ได้เลย แล้วแต่ ว่าจะเห็นอะไร เห็น-สิ่งที่น่าพอใจ หรือว่า เห็นสิ่งที่ไม่น่าพอใจ แต่ว่า ความรู้สึกขณะที่เห็น ไม่สุข ไม่ทุกข์ เพราะว่า ไม่ได้มีการกระทบสัมผัสทางกาย

สิ่งที่ปรากฏให้เห็น ปรากฏกับ "จักขุปสาทรูป" และสิ่งที่ปรากฏให้เห็น ก็ไม่ใช่ ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุไฟ ธาตุลม เพราะฉะนั้น ขณะที่เห็น จะไม่มี "กายปสาทรูป" ที่จะทำให้รู้สึกเป็นทุกข์ หรือ เป็นสุข และอีกความรู้สึกหนึ่ง คือ ความรู้สึกไม่สุข ไม่ทุกข์ ความรู้สึกไม่สุข ไม่ทุกข์ คือ อุเบกขาเวทนา หรือ ความรู้สึกเฉยๆ (ความรู้สึกเฉยๆ ไม่สุข ไม่ทุกข์) เกิดทางกาย ได้ไหม ไม่ได้เลย

เพราะฉะนั้น ถ้าเป็นทางกาย ต้องเป็น ความรู้สึกอย่างหนึ่งอย่างใด คือ ทุกข์ หรือ สุข ฯลฯ

ตอนนี้ ไม่สงสัย เพราะไม่ได้มีแค่เห็น ถ้าเห็นเท่านั้น ไม่เดือดร้อนเลย แต่ เห็นอะไร เริ่มคิดแล้ว ตั้งแต่เห็นอะไร นี่ก็เริ่มคิดแล้ว เรื่องอะไร แล้วคิดต่อไปอีก ยาวมาก

เพราะฉะนั้น สุข ทุกข์ เกิดเพราะคิด ถ้าเพียงแค่เห็น ก็ไม่สุข ไม่ทุกข์ ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ก็โดยนัยเดียวกัน

คุณกฤษณา ประเด็นที่คุณกุลวิไลนำขึ้นมาสนทนาธรรมในวันนี้ "สุข ทุกข์ มี เพราะคิด"
และท่านอาจารย์ได้กรุณาถามมาถึง ทางกาย เมื่อกระทบสัมผัสแล้ว ทุกข์ก็มี ทุกข์ทางกาย สุขก็มี สุขทางกาย แต่บางท่านกระทบกระทบสัมผัสแล้ว เกิดความเจ็บ เป็นทุกข์ทางกาย แต่ท่านอาจจะไม่เกิดทุกข์ทางใจ ก็เป็นได้ เพราะฉะนั้น ที่กล่าวว่า "สุข ทุกข์ มี เพราะคิด" ที่ท่านเจ็บ มีทุกข์ทางกาย แต่ท่านไม่ทุกข์ทางใจ เพราะไม่มีโทมนัส นั่นเพราะว่า ท่านไม่คิด ใช่ไหมคะท่านอาจารย์

ท่านอาจารย์สุจินต์ ค่ะ ถ้าขณะนั้น เข้าใจความจริง จนกระทั่งเห็นว่าเป็น "ธรรมดา" ไม่ใช่ "เรา" ขณะนั้นก็ไม่ทุกข์ เพราะว่า ไม่ใช่เรา เป็นแต่เพียง "ธาตุ" ซึ่งมี "ปัจจัย" ให้เกิด ก็ต้องเกิดขึ้น

ขออนุโมทนา....


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่ 10 ส.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
thilda
วันที่ 10 ส.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
peem
วันที่ 11 ส.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
napachant
วันที่ 20 ส.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
chatchai.k
วันที่ 17 ก.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
Jarunee.A
วันที่ 16 ก.ย. 2566

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ