ถึงเวลารู้ความจริงว่า ไม่มีเรา มีแต่ธรรมหรือยัง
ถึงเวลารู้ความจริงว่า ไม่มีเรา มีแต่ธรรมหรือยัง?
เมื่อวานวันที่ ๑๕ ส.ค. ๕๘ โชคดีได้มีโอกาสไปร่วมสนทนาธรรมที่บ้านคุณทักษพล และคุณจริยา เจียมวิจิตร ที่ศาลายา นครปฐม เป็นกุศลวิบากที่ทำให้ได้เห็นสิ่งสวยงามที่บ้านของท่านทั้งสองที่อยู่ตรงข้ามกับสนามกอล์ฟ ภายในบ้านก็ร่มรื่นด้วยต้นไม้ดอกไม้นานาชนิดที่กำลังออกดอกหลากสีสัน บางชนิดก็ส่งกลิ่นหอมรวยริน เช่นดอกบัวหลวงที่แย้มกลีบสีชมพูรับแสงอาทิตย์ น่ารื่นรมย์ราวกับกำลังฟังธรรมที่ศาลาสุธัมมา อาหารกลางวันที่จัดมาเลี้ยงก็แสนอร่อย แต่ทุกสิ่งทุกอย่างที่กล่าวมานั้นก็เพียงปรากฏชั่วขณะแล้วก็ดับไป ไม่กลับมาอีกเลย ปรากฏสั้นแสนสั้น แต่แม้กระนั้นก็ทิ้งความติดข้องสะสมไว้ในจิตขณะต่อไป ทำให้ย้อนกลับไปคิดถึงกลิ่นหอม ดอกไม้สวย อาหารอร่อย และน้ำใจไมตรีของคณะท่านเจ้าภาพที่เอื้อเฟื้อสถานที่ให้ผู้ร่วมฟังธรรมสะดวกสบายทุกอย่าง อดคิดถึงพระพุทธพจน์บทหนึ่งไม่ได้ว่า "โลกมนุษย์เป็นที่ดูผลของบุญและบาป และบุญและบาป" ได้เห็นความจริงนี้หลายครั้ง เช่นในครั้งนี้ก็ได้เห็นผลของบุญที่ท่านทั้งสองได้รับในชาตินี้ และทานกุศลที่ท่านทำได้โดยง่ายเพราะได้สะสมมาแล้วนั่นเอง ถ้าเข้าใจมั่นคงในกรรมและผลของกรรมแล้ว ก็จะเกิดมุทิตาจิตพลอยยินดีในผลของกุศลที่ท่านได้รับ และเป็นประจักษ์พยานว่ากุศลให้ผลเป็นสุขจริง ทั้งในขณะทำและหลังจากทำแล้ว
เหนือสิ่งอื่นใดได้รับธรรมรสที่ชนะรสทั้งปวง เพราะเมื่อฟังธรรมเข้าใจแล้วเกิดปีติ เบิกบาน อาจหาญร่าเริง ชื่นบานยิ่งกว่าสิ่งใดจะทำให้เกิดได้ แม้จะเกิดเพียงชั่วขณะเดียวแล้วดับไปเหมือนธรรมอื่นก็จริง แต่ความเข้าใจนั้นก็สะสมอยู่ในจิตทำให้เมื่อได้ฟังต่อไปก็เข้าใจขึ้นๆ ๆ ครั้งนี้ก็เช่นกันเมื่อได้ฟังท่านอาจารย์บรรยายธรรมตอนหนึ่งว่า "ถึงเวลารู้ความจริงว่า ไม่มีเรา มีแต่ธรรมหรือยัง" ซึ่งสะดุดใจมาก เพราะเกิดมาในชาตินี้ก็นานแล้ว และในชาติก่อนๆ ก็เกิดมานานนับไม่ถ้วน แต่เพราะยังไม่เคยรู้ว่า ไม่มีเรา มีแต่ธรรม จึงยังฟังไม่เข้าใจ ขณะนี้ถึงเวลาหรือยังที่จะเริ่มฟังแล้วฟังอีกและพิจารณาจนเข้าใจ ว่าเป็นอย่างนั้นจริงๆ
เชื่อว่า คงเคยฟังอย่างนี้มาบ้างแล้วในชาติก่อนๆ แต่ยังไม่เข้าใจ จนถึงในชาตินี้ก็เคยได้ฟังมาแล้วเกือบ ๓๐ ปี เมื่อย้อนกลับไปฟังการบรรยายของท่านอาจารย์เมื่อหลายสิบปีก่อน ท่านก็กล่าวอย่างนี้ แต่เพียงได้ยินแล้วผ่านไป เพราะยังไม่เข้าใจอะไรเลย แม้แต่คำว่า "ธรรม" ก็ยังไม่เข้าใจ แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่า ไม่มีเรา มีแต่ธรรม
บัดนี้ควรถึงเวลาเริ่มเข้าใจได้แล้วว่า "ไม่มีเรา มีแต่ธรรม" ด้วยการฟัง พิจารณาสิ่งที่ได้ยินได้อย่างตั้งใจยิ่งขึ้น
ขอนอบน้อมพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้นด้วยเศียรเกล้าในพระมหากรุณาคุณที่ทรงแสดงธรรมที่แสนลึกซึ้งนี้แก่สัตว์โลกผู้มืดบอด
กราบเท้าท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ผู้อุทิศตนทุกเวลาที่มีผู้สนใจนำพระธรรมที่ยากยิ่งมาอธิบายซ้ำๆ บ่อยๆ เนืองๆ แม้จะหาคนเข้าใจยากอย่างยิ่งก็ตาม
กราบอนุโมทนาในกุศลจิตของท่านทักษพลและท่านจริยา เจียมวิจิตร ที่จัดสนทนาธรรมในครั้งนี้ค่ะ