กฎแห่งกรรมยุติธรรมเสมอ
จากเหตุการณ์ระเบิดบริเวณแยกราชประสงค์เมื่อวาน กระผมขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับ จากที่มีผู้เสียชีวิตทันทีหลายศพ พวกเขาเหล่านั้นกระทำกรรมอันใดมาหรือครับ ถึงผลแห่งวิบากกรรมนี้ทำให้ต้องมาจบชีวิตอย่างน่าอนาถร่วมกันครับ ส่วนผู้ที่ก่อเหตุทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 20 ศพ และบาดเจ็บกว่า 80 คน กรรมที่ผู้ก่อเหตุวางระเบิดทำ ทำให้มีผู้ปางตายปางเจ็บนับร้อยกว่า ผลบาปกรรมของผู้ก่อเหตุนั้นหนักหนาสาหัสหรือไม่ ต้องได้รับผลกรรมอย่างไรที่มีเจตนาทำให้ผู้อื่นถึงแก่ชีวิตและบาดเจ็บสาหัสมากขนาดนี้ ช่วยกระจ่างใจให้หน่อยครับ จักได้เป็นกุศลกับตัวพวกท่าน
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของๆ ตน เพราะได้ทำอกุศลกรรมใดกรรมหนึ่งจึงเป็นเหตุปัจจัยให้ได้รับสิ่งที่ไม่ดี แต่ไม่สามารถรู้ได้ว่ากรรมใดนอกเสียจากพระพุทธเจ้าที่มีญาณหยั่งรู้ ส่วนผู้ที่ทำบาปก็สร้างเหตุใหม่ที่จะได้รับวิบากที่ไม่ดีอีกต่อไปในอนาคต
เชิญอ่านคำบรรยายท่านอาจารย์สุจินต์ได้ที่นี่ครับ
สงสารช้าไป
หลายท่านก็สงสารงูที่ถูกตี แล้วคนตีงู คิดอย่างไรกับเขา งูจะไม่ถูกตีเลยถ้าไม่ได้ทำอกุศลกรรมมา คนที่ตีงูจะไม่ตีเลยถ้าไม่มีกิเลส คนตีงูน่าสงสารไหม ที่ทำเหตุไม่ดีในอนาคต ควรโกรธหรือเห็นใจ วัดใจ....ว่าใจเป็นอย่างไร เหตุการณ์ปัจจุบันเป็นเครื่องทดสอบปัญญาสงสารช้าไป
ท่านอาจารย์สุจินต์ เพราะฉะนั้นใครกำลังไม่ดี เราสงสารตั้งแต่ต้นเลย เขาต้องได้รับผลอย่างนี้เวลาที่เขาไปตกนรก คนก็จะสงสารเขา เวลาตกเหว คนก็สงสารเขา เวลาก๊าซระเบิดคนก็สงสารเขา เวลานั่งรถตู้มา กระเด็นตกสะพาน คนก็สงสารเขา แต่ไม่รู้หรือคะว่าเพราะกรรมที่ได้กระทำแล้วเป็นเหตุ ถ้าไม่มีอกุศลกรรมเป็นเหตุ สิ่งนี้จะเกิดขึ้นกับเขาไม่ได้เลย เพราะฉะนั้นใครก็ตามที่กำลังมีอกุศล จะเป็นเหตุให้เขาอกุศลกรรมแน่ๆ และผลของเขาคืออกุศลวิบาก แล้วเราไม่สงสารเขาตั้งแต่เดี๋ยวนี้หรือคะ และขณะเดียวกัน ถ้าคิดถึงใครด้วยความโกรธ ด้วยความไม่สบายใจ คนนั้นกำลังสบายมาก แต่โกรธ มีประโยชน์อะไร
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
[เล่มที่ 57] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ทุกนิบาตชาดก เล่ม ๓ ภาค ๓- หน้าที่ ๒๙๓
“ท่านอย่าได้ทำบาปนะ บาปใดอันท่านทำไว้ บาปนั้นจะเผาผลาญท่านในภายหลัง,
บุรุษทํากรรมเหล่าใดไว้ทางกายทวาร วจีทวาร และมโนทวาร เมื่อเขากลับได้ผลของกรรมนั้น ย่อมพบกรรมเหล่านั้นเองในตน ผู้ทำกรรมดีย่อมเสวยผลดี แต่ผู้ทำกรรมชั่ว ย่อมเสวยผลชั่วช้าลามก ไม่น่าปรารถนา, แท้จริง แม้ในทางโลก บุคคลหว่านพืชเช่นใดไว้ ย่อมนำไปซึ่งพืชนั้น คือ ย่อมเก็บผล ได้รับผล เสวยผลอันสมควรแก่พืชนั้นเอง”
(พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก จุลลนันทิยชาดก)
ชีวิตของแต่ละบุคคลที่ดำเนินไปในแต่ละขณะนั้น เป็นความจริง เป็นธรรม ตราบใดที่ยังไม่ได้ดับกิเลสทั้งหลายทั้งปวง อย่างเด็ดขาด บางขณะย่อมเป็นการกระทำเหตุที่ดี คือ กุศล บางขณะเป็นการกระทำเหตุที่ไม่ดี คือ อกุศล ตามการสะสม บางขณะเป็นผลของกุศล มีการได้เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รู้สิ่งที่กระทบสัมผัส ที่ดี ที่น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ บางขณะเป็นผลของอกุศล ซึ่งจะตรงกันข้ามกับผลของกุศล ไม่มีใครทำให้เลย นอกจากตัวเองเท่านั้น (โทษใครไม่ได้) เนื่องจากว่าในอดีตชาติอันยาวอย่างนับไม่ถ้วน แต่ละคนได้กระทำทั้งกรรมดี และกรรมไม่ดีไว้มาก การที่กรรมใดจะให้ผลนั้น ไม่อาจเลือกได้ ไม่สามารถที่จะบังคับบัญชาได้ ดังนั้น ประโยชน์ของการศึกษาเรื่องกรรม คือ เพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูก เป็นผู้มั่นคงในเรื่องกรรมและผลของกรรม และสะสมกรรมดีต่อไปตามกำลัง เพื่อละความไม่ดีที่สะสมมาอย่างเนิ่นนานในสังสารวัฏฏ์ จนกว่าจะถึงความเป็นผู้หมดจดจากกิเลสได้ในที่สุด ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
แสดงว่าฟังธัมมะยังไม่เข้าใจ ยังเป็นเราที่ฟัง จะนานไหมนี่ที่จะไม่มีเราที่ฟัง ถ้าเราฟังขณะนั้นหวั่นไหวแล้วค่ะ บางท่านเพิ่งเริ่มฟัง แต่ฟังเพราะตัวเรา อยากได้ลาภ สิ่งอะไรที่ดีๆ ผิดแล้วค่ะ แต่ฟังเพื่อรู้เพราะไม่เคยฟังมาก่อน แล้วน่าเบื่อหรือที่มาฟังแล้วๆ เล่า
สงสารใคร ต้องการให้เขาไม่น่าสงสารก็คือต้องการให้เขาออกจากวัฏฏสงสาร คือแนะนำ ให้เขามาสิกขาพระธรรมของพระอนุตรสัมมาสมัพุทธเจ้า เพื่อจะได้มีปัญญา ในการปหานกิเลสตัณหาอุปทาน ชาติภพ เพราะ สิ่งที่เกิดกับ คน สัตว์ทุกวันนี้ที่ตา หูเรารับรู้ เป็น ผลเป็นวิปากที่ คน และสัตว์ทั้งหลายสะสม อกุศลกรรมมาหลายภพชาติ แต่ได้มาแสดงผลแสดงวิปาก ให้ ได้ เห็นได้ยินวันนี้ ที่ เรามา อ่าน ธรรมใน บ้านธัมมะวันนี้ก็เป็นผลเป็นวิปาก ของหลายชาติก่อน ที่สะสม กำลังมาฟัง มาอ่าน มาสร้างกุศลทั้งนั้น ถ้าเราเชื่อกฏแห่งกรรม ต้องฟังธรรมจน ปหานรูปนามขันธ์ ๕ จนไม่มี รูปนามขันธ์ ๕ ไม่มีเรา แต่วันนี้ ที่ฟังธรรมอยู่ ยังมีเราที่เป็นอัตตา ที่หลอกเรามาเกิดในวัฏฎสงสารอยู่ทุกๆ ชาติจน ปหานรูปนามขันธ์ ๕ ได้แล้ว จะไม่มีเรา มีแต่ธรรม พระพุทธองค์ ๘๔๐๐๐ พระธัมมขันธ์ เท่านั้น
สาธุอนุโมทามิ