พระไตรปิฎกไม่ใช่สำหรับอ่าน แต่สำหรับศึกษาให้เข้าใจ
ศึกษา คำเดียวเข้าใจ ก็ต้องเข้าใจจริงๆ ศึกษาคือ เข้าใจ ไม่ใช่ไม่เข้าใจ ศึกษาพระไตรปิฎก ศึกษาพระธรรมที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ความจริง ความจริงที่เมื่อรู้ ก็ควรรู้ ไม่ใช่ฟังหรืออ่านแล้วก็คิดเอาเอง และไม่ใช่เพียงฟังคำ แล้วจำได้ ท่องได้ นั่นไม่ใช่ศึกษาแน่นอน เพราะการจำ หรือคิดคำเป็นการจำและคิดถึงนิมิต อนุพยัญชนะ ซึ่งไม่สามารถเข้าใจสิ่งที่มีจริงขณะนี้ได้ วัตถุประสงค์ของการศึกษาพระไตรปิฎกก็เพื่อเข้าใจสิ่งที่มีจริงขณะนี้ เพื่อค่อยๆ เข้าใจโลกของนิมิต และโลกของพระอริยเจ้า เพราะฉะนั้นเมื่อศึกษาผิด ไม่รู้ความจริง ก็ควรศึกษาให้รู้ความจริงสิ่งที่มีขณะนี้ เป็นสิ่งที่ควรรู้ยิ่ง พระไตรปิฎกไม่ใช่มีไว้สำหรับอ่าน แต่มีไว้สำหรับศึกษาให้เข้าใจความจริง ศึกษาธรรมเพราะรู้ว่า มีสิ่งที่มีจริง แต่ละอย่าง เกิดขึ้นจริงๆ ให้ศึกษา ให้เข้าใจได้ ด้วยการฟังให้เข้าใจความจริงนี้ได้
กำลังศึกษาพระไตรปิฎกคือ ขณะนี้ ฟังให้เข้าใจขึ้นว่า ไม่มีอะไร เมื่อลืมตา มีแต่ เห็น มีสิ่งที่ปรากฏให้เห็นได้ ความจริงกี่ภพ กี่ชาติ ก็เป็นเช่นนี้ ฟังเพื่อมีพระธรรมคำสอนเป็นที่พึ่ง ไม่มีใครอื่น คำพูดอื่น เป็นที่พึ่งได้เลย เพราะฉะนั้น ความเข้าใจมาจากการศึกษา ถ้าไม่ศึกษาก็ไม่เข้าใจ ฟังว่าตั้งแต่เกิดจนตาย มีแต่จิต เจตสิก ที่เกิดขึ้น เป็นไป ไม่ใช่เรา มีแต่เห็น ได้ยิน กุศล อกุศล.., ที่เกิดขึ้นและดับไปตามเหตุปัจจัย มั่นคงในความเป็นอนัตตา ไม่มีเราที่จะไปพิจารณาไตร่ตรอง ไม่มีเราที่จะไปดูจิต ไม่มีเราที่จะมีสติไประลึกรู้สภาพธรรมได้เลย รู้จักจิตหรือยัง? พระผู้มีพระภาคทรงแสดงธรรมตามความเป็นจริง ไม่ใช่ให้มีตัวตนไปดูจิต ทรงแสดงหนทางเอก หนทางเดียว คือการอบรมเจริญปัญญารู้สภาพธรรมตามความเป็นจริง เห็นจิตในจิตอยู่ แต่ขณะนี้ยังไม่เห็น ความเข้าใจยังน้อยมาก แต่เห็นว่า จิตเป็นเรา ไม่ได้เห็นจิตเป็นจิต มีแต่เราเห็นว่า เห็นเป็นเรา ไม่เห็นว่า เห็นเป็นเห็น เห็นเป็นจิต ....กราบเท้าระลึกถึงพระคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพอย่างยิ่งค่ะ
พระไตรปิฏกไม่ได้มีไว้สำหรับอ่านแล้วไม่รู้เรื่อง แต่ให้ศึกษาเพื่อเข้าใจความจริง ศึกษาธรรมเพื่อให้เกิดความคุ้นเคยว่าเป็นธรรม ไม่ใช่เรา
ขอบคุณและอนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และ ขออนุโมทนาในกุศลวิริยะของพี่เมตตา ครับ