สรุปข้อความธรรมจากการสนทนา ที่ Buddhist Cultural Centre, Colombo, Srilanka ๗-๙ ต.ค. ๒๕๕๘

 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่  10 ต.ค. 2558
หมายเลข  27074
อ่าน  1,383

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

อันเนื่องมาจากการเดินทางไปสนทนาธรรม ของท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ และคณะฯ ที่ Buddhist Cultural Centre เมืองโคลอมโบ ประเทศศรีลังกา ตามคำเชิญของคุณ Kevin Phong นักศึกษาปริญญาเอกชาวเวียดนาม ที่กำลังศึกษาอยู่ ณ สถาบันศึกษาบาลีและพุทธศาสตร์กัลยาณี กรุงโคลอมโบ ประเทศศรีลังกา ระหว่างวันที่ ๗ - ๙ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๕๘ ที่เพิ่งเสร็จสิ้นไปแล้ว เมื่อวานนี้นั้น

ขออนุญาตนำข้อความการสนทนา จากการสนทนาธรรม ณ รีสอร์ทที่พัก ที่ Dickman Resort, Negombo และที่ Buddhist Cultural Centre, Colombo ซึ่งคุณจักรกฤษณ์ เจนเจษฎา ได้สรุปข้อความการสนทนาที่สำคัญๆ และได้กรุณาโพสต์ไว้ในกระทู้ ตามรอยธรรมจาริกในศรีลังกา 5 และ ตามรอยธรรมจาริกในศรีลังกา 6 มานำเสนอไว้ในที่เดียวกัน เพื่อทุกๆ ท่าน จะได้รับประโยชน์จากการพิจารณาได้โดยง่าย ดังนี้ (เพิ่มเติมภายหลัง - ด้วยข้อความสรุปจากการสนทนาธรรมในวันที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๕๘ วันสุดท้าย ณ Dickman Resort ซึ่งคุณจักรกฤษณ์โพสต์ไว้ในกระทู้ ตามรอยธรรมจาริกในศรีลังกา 7)

(คัดจากความคิดเห็นที่ 13 ในกระทู้ ตามรอยธรรมจาริกในศรีลังกา 5)

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตของพี่แดงในการถ่ายทอดการจาริกธรรมในครั้งนี้ครับ

ขออนุญาตพี่แดงสรุปบางตอนที่สำคัญๆ ในการสนทนาธรรม ของท่านอาจารย์และคณะ ทั้งที่โรงแรมที่พักและที่ Buddhist Cultural Center, Colombo ตามที่ได้พี่แดงดำริไว้นะครับ

🙏 ที่พูดว่า "ทางสายกลาง" แต่อะไรล่ะที่เป็นทาง? รู้จักทางจริงๆ หรือยัง?

🙏 เมื่อกล่าวถึง "บัญญัติ กับ ปรมัตถ" เดี๋ยวนี้หรือเปล่า? หากยังไม่เข้าใจถึงสิ่งที่กำลังปรากฏอยู่ขณะนี้ ย่อมต้องพิจารณาต่อๆ ไปอีก จนกว่าจะเข้าใจยิ่งขึ้นๆ

🙏 เมื่อเห็นเป็นสัตว์ บุคคล ตัวตน เรา เขา แสดงให้เห็นว่าปัญญายังไม่พอ เจริญปัญญาต่อไปจนกว่าจะมั่นคง และปัญญาเท่านั้นที่จะรู้ความจริงว่ามีเพียงแต่ความเป็นอนัตตาเท่านั้น

🙏 เมื่อจิตหนึ่งดับไป อีกจิตหนึ่งจึงเกิด สลับกันไป ดังนั้นสิ่งต่างๆ จึงปรากฏหลากหลายแตกต่างกันไปให้จำไว้ แล้วตรึกถึงสิ่งที่จำไว้นั้น

🙏 ขณะนี้กำลังหลงลืมสติหรือเปล่า? หลงลืมก็หลงลืม ไม่มีใครเลย ลืมความจริงว่าไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของๆ เรา

🙏 อะไรคือความโดดเดี่ยว? อยู่เพียงผู้เดียว? ความโดดเดี่ยวที่แท้จริง คือ สภาพธรรมที่เกิดขึ้นและดับไป แต่ละหนึ่งๆ ไม่มีใครอยู่ในสภาพธรรมนั้นๆ เลย

🙏 เมื่อใดเรารู้สึกโดดเดี่ยว ขณะนั้นก็โดดเดี่ยวกับความคิดที่เกิดขึ้นแล้วดับไปแล้ว ไม่ใช่ความเป็นเราโดดเดี่ยว

🙏 กลัวไม่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์อีกในภพต่อไป เพราะชาตินี้มีแต่อกุศลเป็นส่วนใหญ่ จิตขณะก่อนจุติจิตย่อมเป็นอกุศล ตอบได้เพียงว่า ขณะนั้นไม่เข้าใจความโดดเดี่ยว

🙏 อะไรจะเกิดขึ้น ก็เกิดด้วยเหตุและปัจจัย ใครจะเลือกอะไรได้

🙏 มีแต่ความสว่างเท่านั้นที่ไม่มืด แม้จิตที่เห็นความสว่างก็เกิดและดับอยู่ในความมืด จิต เจตสิก และรูปอื่นๆ ก็เช่นกัน ล้วนเกิดและดับอยู่ในความมืด

🙏 จะถือศีล จะปฏิบัติศีล นั่นแสดงว่าไม่เข้าใจ "ศีล" ที่พระพุทธองค์ทรงแสดงความเป็นจริงของศีลที่มีทั้งกุศลศีลและอกุศลศีลที่เกิดกับจิตแม้ในขณะนี้ แล้วใครจะไปถือศีล? เอาตัวตนที่ไหนไปปฏิบัติศีล?

🙏 การไปปฏิบัตินั่งสมาธิ เดินจงกรม ทำอะไรที่ผิดปกติ เพื่อให้สงบหรือให้เกิดปัญญา เป็นการประมาทดูหมิ่นพระปัญญาคุณของพระพุทธองค์ที่ทรงแสดงคำสอนไว้ตลอด ๔๕ พรรษา

🙏 ความเป็นจริง ทุกๆ อย่างที่เกิดขึ้นก็เพื่อความเข้าใจ ไม่ใช่ให้ไปปฏิบัติ

🙏 มีใครไหมที่สามารถจะหลอกตัวเองหรือโกหกตัวเองได้? เว้นแต่จะขาดความเข้าใจหรือไม่รู้ความเป็นจริง

🙏 ธรรมะคืออะไร? ตอบด้วยความจำหรือความเข้าใจจริงๆ

🙏 การท่องจำคำและตัวเลขต่างๆ ในพระอภิธรรม มีประโยชน์ไหม? ไม่มีประโยชน์แน่หากไม่ทำให้เข้าใจความจริงของสิ่งที่กำลังปรากฏทางทวารต่างๆ ตามความเป็นจริง และไม่ทำให้เข้าใจได้ยิ่งขึ้นถึงความเป็นอนัตตา

🙏 การศึกษาพระธรรมก็เพื่อเข้าใจเดี๋ยวนี้ ไม่ใช่ขณะอื่น

🙏 เพราะอวิชชา สิ่งที่ปรากฏขณะนี้จึงปรากฏด้วยความเป็นเรา

🙏 ในสังสารวัฏฏ์ ไม่พ้นไปจากความเป็นจริงที่กำลังปรากฏอยู่ขณะนี้

🙏 โลกในขณะนี้มีขึ้น เพราะมีสิ่งที่กำลังปรากฏอยู่ทางทวารต่างๆ หากไม่มีสิ่งใดปรากฏ จะมีโลกไหม?

🙏 เข้าใจพระธรรมคำสอนจนมั่นคงในความเป็นธรรม ในความจริงของแต่ละสิ่ง เป็นขั้นปริยัติ เมื่อเข้าใจความจริงขณะที่กำลังปรากฏโดยตรงแต่ละหนึ่ง เป็นขั้นปฏิบัติ

🙏 "คำ" ไม่สำคัญเท่ากับสิ่งที่กำลังปรากฏให้เห็นได้ตามความเป็นจริง

🙏 การศึกษาพระอภิธรรมต้องมีพื้นฐานของพระสูตรหรือไม่? การฟัง การศึกษาพระธรรม เพื่อให้เข้าใจสิ่งที่กำลังปรากฏได้ตามความเป็นจริง คำสอนในส่วนใดที่เกื้อกูลต่อความเข้าใจดังกล่าว ย่อมเป็นการเจริญปัญญา ไม่จำต้องเรียงลำดับหรือต้องเจาะจงเลือกที่จะศึกษาส่วนใดก่อนหลัง อย่างไรก็ตามพระอภิธรรมเป็นคำสอนที่ทรงอธิบายถึงสภาพธรรมตามความเป็นจริง ที่เกื้อกูลความเข้าใจได้กว้างขวางอย่างยิ่ง

(คัดจากความคิดเห็นที่ 3 ในกระทู้ ตามรอยธรรมจาริกในศรีลังกา 6)

ขออนุญาตลงคำสนทนาธรรมของท่านอาจารย์สุจินต์และคณะวิทยากร กับผู้ร่วมสนทนาต่อนะครับ

🙏 จิตวิทยากับพระธรรมมีเนื้อหาที่อาจเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกันได้หรือไม่? จิตวิทยาเป็นวิชาการทางโลกที่อาศัยการคิดและพิจารณา ตั้งสมมติฐานในเรื่องราวของโลกบัญญัติจากการสังเกตพฤติกรรมต่างๆ ของมนุษย์ แต่พระธรรมที่ทรงแสดงเป็นสัจจะวาจา กล่าวถึงความเป็นจริงที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงเป็นอื่นได้ เกิดขึ้นและดับไป ตามเหตุและปัจจัย ด้วยความเป็นอนัตตา จึงไม่เกี่ยวข้องเชื่อมโยงกัน

🙏 ความจำสืบต่อถ่ายทอดมาได้อย่างไร? ถามว่าขณะนี้จำอยู่ไหม? ความจำเกิดขึ้นอยู่ทุกขณะจิต และเมื่อตรึกก็ตรึกถึงความจำที่จำมาแล้วนั่นเอง

🙏 ปรมัตถธรรมนั้นมีลักษณะเฉพาะแต่ละประเภท ไม่อาจเปลี่ยนแปลงเป็นอื่นได้เลย

🙏 ถ้าถามว่า "เห็น" เที่ยงหรือไม่? ไม่เที่ยงด้วยความเข้าใจที่เริ่มมาจากการฟังคำสอนที่ทรงแสดง

🙏 สำหรับผู้เริ่มต้น ต้องฟังพระธรรมที่ทรงแสดงถึงสิ่งที่มีจริงให้เข้าใจก่อน ให้เข้าใจความจริงแต่ละหนึ่ง และความไม่เป็นตัวตน สัตว์ บุคคล เรา เขา ไม่ใช่ไปสนใจคำที่มีความหมายลึกซึ้งเกินกว่าที่จะเข้าใจได้ และไม่ปรากฏในขณะนี้

🙏 ถ้ายังไม่เห็นเป็นแต่ละหนึ่งแล้ว ไม่มีทางที่จะชัดเจนในสภาพธรรมนั้นได้ และย่อมไม่สามารถละคลายความเป็นตัวตนได้

🙏 ที่สภาพธรรมปรากฏให้รู้ได้ ก็เนื่องจาก แม้จิตนี้จะดับไปแล้วแต่ก็มีจิตใหม่เกิดแล้วดับสลับกัน รับรู้อารมณ์ของสภาพธรรมที่ปรากฏเกิดดับสลับกันเป็นนิมิตทั้งหมด

🙏 อะไรคือสิ่งที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริง? สิ่งที่กำลังปรากฏอยู่ในขณะนี้ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย และทางใจ

🙏 แต่อวิชชาที่มีอยู่ขณะนี้ไม่สามารถเข้าใจความเป็นจริงที่กำลังปรากฏทุกขณะได้

🙏 แล้วอะไรล่ะที่สามารถเข้าใจความจริงที่กำลังปรากฏอยู่ขณะนี้? ต้องเป็นปัญญาแน่นอน

🙏 ที่สามารถรู้ความแตกต่างของสภาพธรรมต่างๆ ได้ ก็เนื่องจากสิ่งเหล่านั้นปรากฏให้รู้ให้เข้าใจ ให้รู้ได้ว่า นามธรรมแตกต่างจากรูปธรรม มีการบ่งบอกความหลากหลาย ด้วยบัญญัติ

🙏 อะไรที่กำลังเกิดขึ้น นั่นแหละโลกปรากฏ

🙏 ที่ใช้คำว่า "สี" แทนคำว่า "รูปารมณ์" ต้องระวังการเข้าใจผิด เพราะ รูปารมณ์ เป็นสิ่งที่ปรากฏทางตาเท่านั้น ไม่มีรูปร่าง ลวดลาย ชื่อเรียก ลักษณะ ที่เป็นบัญญัติแต่อย่างใด

🙏 เมื่อสิ่งใดจะปรากฏได้ด้วยดี ต้องปรากฏแก่ปัญญาเท่านั้น

🙏 การศึกษาพระธรรม เมื่อมีตัวตนคราวใด ก็ติดกับดักของอวิชชาเมื่อนั้น

🙏 ไม่จำต้องทราบวาระจิตของบุคคลอื่นก็พอที่สามารถทราบได้จากคำพูดของผู้นั้นได้ว่าจิตเป็นกุศลหรืออกุศล

🙏 แม้ชาตินี้จะมีอายุนานและศึกษาพระธรรมมากมายสักเพียงใด ก็ไม่มีทางเข้าใจคำสอนในพระไตรปิฎกได้ทั้งหมด

🙏 อานาปานสติเจริญได้ยาก เพราะลมหายใจละเอียด

🙏 ทำไมจึงสนใจเรื่องอานาปานสติ ทั้งที่พระพุทธองค์ทรงแสดงเรื่องเกี่ยวกับสติปัฏฐานไว้หลายเรื่อง แต่ละเรื่องเป็นการระลึกถึงสภาพธรรมตามความเป็นจริงต่างๆ ซึ่งสติจะเกิดขึ้นระลึกตามเหตุตามปัจจัย ไม่ใช่การไปเลือกเจริญสติ

🙏 เรื่องอานาปานสติเป็นเรื่องที่ต้องเข้าใจตั้งแต่เรื่องของรูปว่ารูปที่สติระลึกนั้นคือรูปอะไร? เกิดจากอะไร? มิฉะนั้นก็เพียงได้แต่คิดถึงลมหายใจเท่านั้น แล้วเข้าใจว่าเป็นการเจริญอานาปานสติ

(คัดจากโพสต์ความคิดเห็นที่ 7 ในกระทู้ ตามรอยธรรมจาริกในศรีลังกา 7)

ขออนุญาตพี่แดงลงการสนทนาธรรมของท่านอาจารย์สุจินต์กับท่านวิทยากร และผู้ร่วมสนทนาต่อเนื่องครับ

🙏 ในสมัยพุทธกาล สาวกผู้ฟังธรรม ต่างมีพื้นฐานความเข้าใจเรื่องอนัตตาอย่างมั่นคง แต่ละท่านจึงฟังและเข้าใจแต่ละคำที่ทรงแสดงได้อย่างลึกซึ้ง ต่างจากในสมัยปัจจุบัน ที่อ่านพระไตรปิฎกโดยขาดความเข้าใจเรื่องอนัตตา จึงมุ่งไปทำมุ่งไปปฏิบัติตามความคิดของตน โดยไม่ทราบเลยว่าเป็นการไปทำไปปฏิบัติด้วยความเป็นตัวตน ย่อมไม่มีทางที่จะได้เข้าใจความเป็นจริงตามที่ทรงแสดง

🙏 เมื่อเข้าใจเรื่องอนัตตา ก็จะเข้าใจการเกิดและดับของสภาพธรรมต่างๆ โดยไม่มีตัวตนที่จะเข้าไปควบคุมบังคับบัญชาการเกิดดับของสภาพธรรมใดๆ ได้

🙏 มานะนั้นต่างไปจากทิฏฐิ และไม่จำต้องเปรียบเทียบกับผู้อื่นเสมอไป แม้ในอรูปพรหมที่มีแต่นามธรรม ไม่เห็น ไม่ได้ยิน ไม่รับรู้เรื่องราวของผู้อื่น แต่ก็ยังมีมานะที่ติดข้องในภวะของตน

🙏 แม้เพียงมีความสำคัญตน เช่น ดีใจที่เป็นเรา เพียงเท่านี้ก็เป็นมานะแล้ว ไม่ต้องเปรียบเทียบกับผู้อื่น

🙏 แม้พระอนาคามียังมีมานะในภวะ

🙏 ถามว่าในการทำทาน หรือ อุทิศส่วนกุศล ที่ยังมีความเป็นเรา แล้วจะเป็นกุศลได้อย่างไร? ตอบว่า ต้องเข้าใจในแต่ละขณะจิต ขณะที่ให้ทาน ขณะหนึ่ง ขณะที่เป็นเราให้ อีกขณะหนึ่ง

🙏 แม้ว่าปัญญาจะเกิดขึ้นแล้วดับไปแล้ว แต่ความเข้าใจยังสะสมต่อไปในจิตทุกขณะ และมั่นคงขึ้นๆ ได้ เมื่อสะสมต่อๆ ไปตามลำดับ

🙏 เมื่อปัญญาเพิ่มมากขึ้นๆ ก็จะเห็นได้ว่ากิเลสที่ตนสะสมไว้ มีมากมายเพียงใด

🙏 ปัญญาที่มั่นคง ย่อมเข้าใจความจริงที่ปรากฏอยู่ขณะนี้ได้แน่

🙏 อย่าประมาทพระปริยัติธรรม

🙏 อธิศีล อธิจิต อธิปัญญา ไม่แยกจากกัน เนื่องจากเจริญได้ด้วยความเข้าใจเป็นพื้นฐาน

🙏 ถ้าไม่เคยได้ฟังพระธรรมมาก่อน คงไม่ได้มีโอกาสมาฟังพระธรรมอยู่ในขณะนี้

🙏 อย่าลืมว่าทุกขณะเกิดขึ้นและดับไป ด้วยเหตุและปัจจัย

🙏 สัญญาเกิดขึ้นร่วมกับจิตทุกขณะ ดังนั้น สัญญาไม่เคยหยุดทำหน้าที่เลย

🙏 ในทุกๆ ขณะ คือ กาลครั้งหนึ่ง ที่ดับไปหมดแล้ว

🙏 การศึกษาทางโลก แตกต่างจากการศึกษาทางธรรม ที่เป็นไปเพื่อการ "ละ" โดยตลอด

🙏 สติปัฏฐานนั้น จะเกิดขึ้นก็ด้วยปัญญาที่ค่อยๆ เจริญขึ้นๆ ปรุงแต่งให้สติระลึกไปในความจริงที่กำลังปรากฏ

อนึ่ง ข้าพเจ้าได้รับความกรุณาจากพี่แก้วตา อเนกพุฒิ ที่ได้ส่งคลิปสั้นๆ ของการสนทนาธรรมที่ Buddhist Cultural Centre มาให้ชมทางไลน์ ข้าพเจ้าเห็นว่าจะเป็นประโยชน์ในการบันทึกเรื่องราวของการเดินทางไปสนทนาธรรมของท่านอาจารย์ในครั้งนี้ให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น แม้ว่าจะเป็นคลิปสั้นๆ ก็ตาม ซึ่งข้าพเจ้าได้นำลง Youtube และรวบรวมเป็นเพลย์ลิสต์ ซึ่งจะเล่นโดยต่อเนื่องทั้ง ๙ คลิป โดยการคลิกเพียงครั้งเดียว กราบอนุโมทนาในความกรุณาของพี่แก้วตา มา ณ ที่นี้ ครับ

ในท้ายที่สุด ใคร่ขอนำภาพอันน่าประทับใจอย่างยิ่งของคุณเฮือง สุภาพสตรีชาวเวียดนาม ที่อาศัยอยู่ในประเทศออสเตรเลีย ซึ่งได้พบและติดตามฟังการบรรยายธรรมจากท่านอาจารย์ผ่านทางกลุ่มผู้ศึกษาธรรมต่างชาติ (Dhamma Study Group - DSG) โดยก่อนหน้านี้เธอเดินทางไปแสวงหาธรรม นั่งสมาธิตามที่ต่างๆ มามาก ครั้งนี้เธอเดินทางมาจากออสเตรเลียเพียงคนเดียวเพื่อเข้าร่วมฟังการสนทนาที่นี่ ท่านสามารถอ่านรายละเอียดอันน่าประทับใจในหนทางของการพบพระธรรมของเธอ ที่พี่แดงเล่าไว้ในกระทู้ "ตามรอยธรรมจาริกในศรีลังกา" เป็นภาพที่แสดงถึงกุศลจิตและกุศลศรัทธาที่มีต่อพระศาสนาอย่างยิ่งของเธอ ขณะที่ทำความสะอาดสถานที่สนทนาธรรมก่อนที่ทางผู้เข้าร่วมสนทนาธรรมจากศรีลังกาจะเดินทางมาถึง กราบอนุโมทนาในกุศลศรัทธาอย่างยิ่งนะครับ

🙏 อะไรคือความโดดเดี่ยว? อยู่เพียงผู้เดียว? ความโดดเดี่ยวที่แท้จริง คือ สภาพธรรมที่เกิดขึ้นและดับไป แต่ละหนึ่งๆ ไม่มีใครอยู่ในสภาพธรรมนั้นๆ เลย

🙏 เมื่อใดเรารู้สึกโดดเดี่ยว ขณะนั้นก็โดดเดี่ยวกับความคิดที่เกิดขึ้นแล้วดับไปแล้ว ไม่ใช่ความเป็นเราโดดเดี่ยว

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่ง

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาคณะวิทยากรและผู้ร่วมสนทนาธรรมทุกๆ ท่าน

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลวิริยะของคุณจักรกฤษณ์ เจนเจษฎา สำหรับข้อความธรรมที่มีค่า ที่ได้กรุณาสรุปมาฝากทุกๆ ท่าน เป็นประโยชน์อย่างยิ่งครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
abhirak
วันที่ 10 ต.ค. 2558

ขออนุโมทนาครับ

ซาบซึ้งในทุกๆ คำที่ท่านอาจารย์พร่ำสอน
หากไม่ศึกษาปริยัติให้เข้าใจอย่างถ่องแท้
มุ่งแต่จะทำ และจะทำโดยไม่เข้าใจ
เป็นการประมาทในพระปัญญาคุณของพระผู้มีพระภาคเจ้าอย่างร้ายแรง

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 10 ต.ค. 2558

กราบอนุโมทนาครับ
"พระธรรม ยิ่งเปิดเผย ยิ่งรุ่งเรือง" ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
j.jim
วันที่ 10 ต.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
thilda
วันที่ 10 ต.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาอย่างยิ่งค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
ปวีร์
วันที่ 10 ต.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
Boonyavee
วันที่ 10 ต.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
Wisaka
วันที่ 11 ต.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
rrebs10576
วันที่ 11 ต.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
orawan.c
วันที่ 12 ต.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
JANYAPINPARD
วันที่ 13 ต.ค. 2558

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
JANYAPINPARD
วันที่ 13 ต.ค. 2558

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
nvrath
วันที่ 13 ต.ค. 2558

กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาอย่างยิ่งค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
peem
วันที่ 14 ต.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
Jarunee.A
วันที่ 15 ส.ค. 2566

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ