สรุปข้อความธรรมจากการสนทนา ที่ Buddhist Cultural Centre, Colombo, Srilanka ๗-๙ ต.ค. ๒๕๕๘
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
อันเนื่องมาจากการเดินทางไปสนทนาธรรม ของท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ และคณะฯ ที่ Buddhist Cultural Centre เมืองโคลอมโบ ประเทศศรีลังกา ตามคำเชิญของคุณ Kevin Phong นักศึกษาปริญญาเอกชาวเวียดนาม ที่กำลังศึกษาอยู่ ณ สถาบันศึกษาบาลีและพุทธศาสตร์กัลยาณี กรุงโคลอมโบ ประเทศศรีลังกา ระหว่างวันที่ ๗ - ๙ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๕๘ ที่เพิ่งเสร็จสิ้นไปแล้ว เมื่อวานนี้นั้น
ขออนุญาตนำข้อความการสนทนา จากการสนทนาธรรม ณ รีสอร์ทที่พัก ที่ Dickman Resort, Negombo และที่ Buddhist Cultural Centre, Colombo ซึ่งคุณจักรกฤษณ์ เจนเจษฎา ได้สรุปข้อความการสนทนาที่สำคัญๆ และได้กรุณาโพสต์ไว้ในกระทู้ ตามรอยธรรมจาริกในศรีลังกา 5 และ ตามรอยธรรมจาริกในศรีลังกา 6 มานำเสนอไว้ในที่เดียวกัน เพื่อทุกๆ ท่าน จะได้รับประโยชน์จากการพิจารณาได้โดยง่าย ดังนี้ (เพิ่มเติมภายหลัง - ด้วยข้อความสรุปจากการสนทนาธรรมในวันที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๕๘ วันสุดท้าย ณ Dickman Resort ซึ่งคุณจักรกฤษณ์โพสต์ไว้ในกระทู้ ตามรอยธรรมจาริกในศรีลังกา 7)
(คัดจากความคิดเห็นที่ 13 ในกระทู้ ตามรอยธรรมจาริกในศรีลังกา 5)
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตของพี่แดงในการถ่ายทอดการจาริกธรรมในครั้งนี้ครับ
ขออนุญาตพี่แดงสรุปบางตอนที่สำคัญๆ ในการสนทนาธรรม ของท่านอาจารย์และคณะ ทั้งที่โรงแรมที่พักและที่ Buddhist Cultural Center, Colombo ตามที่ได้พี่แดงดำริไว้นะครับ
🙏 ที่พูดว่า "ทางสายกลาง" แต่อะไรล่ะที่เป็นทาง? รู้จักทางจริงๆ หรือยัง?
🙏 เมื่อกล่าวถึง "บัญญัติ กับ ปรมัตถ" เดี๋ยวนี้หรือเปล่า? หากยังไม่เข้าใจถึงสิ่งที่กำลังปรากฏอยู่ขณะนี้ ย่อมต้องพิจารณาต่อๆ ไปอีก จนกว่าจะเข้าใจยิ่งขึ้นๆ
🙏 เมื่อเห็นเป็นสัตว์ บุคคล ตัวตน เรา เขา แสดงให้เห็นว่าปัญญายังไม่พอ เจริญปัญญาต่อไปจนกว่าจะมั่นคง และปัญญาเท่านั้นที่จะรู้ความจริงว่ามีเพียงแต่ความเป็นอนัตตาเท่านั้น
🙏 เมื่อจิตหนึ่งดับไป อีกจิตหนึ่งจึงเกิด สลับกันไป ดังนั้นสิ่งต่างๆ จึงปรากฏหลากหลายแตกต่างกันไปให้จำไว้ แล้วตรึกถึงสิ่งที่จำไว้นั้น
🙏 ขณะนี้กำลังหลงลืมสติหรือเปล่า? หลงลืมก็หลงลืม ไม่มีใครเลย ลืมความจริงว่าไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของๆ เรา
🙏 อะไรคือความโดดเดี่ยว? อยู่เพียงผู้เดียว? ความโดดเดี่ยวที่แท้จริง คือ สภาพธรรมที่เกิดขึ้นและดับไป แต่ละหนึ่งๆ ไม่มีใครอยู่ในสภาพธรรมนั้นๆ เลย
🙏 เมื่อใดเรารู้สึกโดดเดี่ยว ขณะนั้นก็โดดเดี่ยวกับความคิดที่เกิดขึ้นแล้วดับไปแล้ว ไม่ใช่ความเป็นเราโดดเดี่ยว
🙏 กลัวไม่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์อีกในภพต่อไป เพราะชาตินี้มีแต่อกุศลเป็นส่วนใหญ่ จิตขณะก่อนจุติจิตย่อมเป็นอกุศล ตอบได้เพียงว่า ขณะนั้นไม่เข้าใจความโดดเดี่ยว
🙏 อะไรจะเกิดขึ้น ก็เกิดด้วยเหตุและปัจจัย ใครจะเลือกอะไรได้
🙏 มีแต่ความสว่างเท่านั้นที่ไม่มืด แม้จิตที่เห็นความสว่างก็เกิดและดับอยู่ในความมืด จิต เจตสิก และรูปอื่นๆ ก็เช่นกัน ล้วนเกิดและดับอยู่ในความมืด
🙏 จะถือศีล จะปฏิบัติศีล นั่นแสดงว่าไม่เข้าใจ "ศีล" ที่พระพุทธองค์ทรงแสดงความเป็นจริงของศีลที่มีทั้งกุศลศีลและอกุศลศีลที่เกิดกับจิตแม้ในขณะนี้ แล้วใครจะไปถือศีล? เอาตัวตนที่ไหนไปปฏิบัติศีล?
🙏 การไปปฏิบัตินั่งสมาธิ เดินจงกรม ทำอะไรที่ผิดปกติ เพื่อให้สงบหรือให้เกิดปัญญา เป็นการประมาทดูหมิ่นพระปัญญาคุณของพระพุทธองค์ที่ทรงแสดงคำสอนไว้ตลอด ๔๕ พรรษา
🙏 ความเป็นจริง ทุกๆ อย่างที่เกิดขึ้นก็เพื่อความเข้าใจ ไม่ใช่ให้ไปปฏิบัติ
🙏 มีใครไหมที่สามารถจะหลอกตัวเองหรือโกหกตัวเองได้? เว้นแต่จะขาดความเข้าใจหรือไม่รู้ความเป็นจริง
🙏 ธรรมะคืออะไร? ตอบด้วยความจำหรือความเข้าใจจริงๆ
🙏 การท่องจำคำและตัวเลขต่างๆ ในพระอภิธรรม มีประโยชน์ไหม? ไม่มีประโยชน์แน่หากไม่ทำให้เข้าใจความจริงของสิ่งที่กำลังปรากฏทางทวารต่างๆ ตามความเป็นจริง และไม่ทำให้เข้าใจได้ยิ่งขึ้นถึงความเป็นอนัตตา
🙏 การศึกษาพระธรรมก็เพื่อเข้าใจเดี๋ยวนี้ ไม่ใช่ขณะอื่น
🙏 เพราะอวิชชา สิ่งที่ปรากฏขณะนี้จึงปรากฏด้วยความเป็นเรา
🙏 ในสังสารวัฏฏ์ ไม่พ้นไปจากความเป็นจริงที่กำลังปรากฏอยู่ขณะนี้
🙏 โลกในขณะนี้มีขึ้น เพราะมีสิ่งที่กำลังปรากฏอยู่ทางทวารต่างๆ หากไม่มีสิ่งใดปรากฏ จะมีโลกไหม?
🙏 เข้าใจพระธรรมคำสอนจนมั่นคงในความเป็นธรรม ในความจริงของแต่ละสิ่ง เป็นขั้นปริยัติ เมื่อเข้าใจความจริงขณะที่กำลังปรากฏโดยตรงแต่ละหนึ่ง เป็นขั้นปฏิบัติ
🙏 "คำ" ไม่สำคัญเท่ากับสิ่งที่กำลังปรากฏให้เห็นได้ตามความเป็นจริง
🙏 การศึกษาพระอภิธรรมต้องมีพื้นฐานของพระสูตรหรือไม่? การฟัง การศึกษาพระธรรม เพื่อให้เข้าใจสิ่งที่กำลังปรากฏได้ตามความเป็นจริง คำสอนในส่วนใดที่เกื้อกูลต่อความเข้าใจดังกล่าว ย่อมเป็นการเจริญปัญญา ไม่จำต้องเรียงลำดับหรือต้องเจาะจงเลือกที่จะศึกษาส่วนใดก่อนหลัง อย่างไรก็ตามพระอภิธรรมเป็นคำสอนที่ทรงอธิบายถึงสภาพธรรมตามความเป็นจริง ที่เกื้อกูลความเข้าใจได้กว้างขวางอย่างยิ่ง
(คัดจากความคิดเห็นที่ 3 ในกระทู้ ตามรอยธรรมจาริกในศรีลังกา 6)
ขออนุญาตลงคำสนทนาธรรมของท่านอาจารย์สุจินต์และคณะวิทยากร กับผู้ร่วมสนทนาต่อนะครับ
🙏 จิตวิทยากับพระธรรมมีเนื้อหาที่อาจเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกันได้หรือไม่? จิตวิทยาเป็นวิชาการทางโลกที่อาศัยการคิดและพิจารณา ตั้งสมมติฐานในเรื่องราวของโลกบัญญัติจากการสังเกตพฤติกรรมต่างๆ ของมนุษย์ แต่พระธรรมที่ทรงแสดงเป็นสัจจะวาจา กล่าวถึงความเป็นจริงที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงเป็นอื่นได้ เกิดขึ้นและดับไป ตามเหตุและปัจจัย ด้วยความเป็นอนัตตา จึงไม่เกี่ยวข้องเชื่อมโยงกัน
🙏 ความจำสืบต่อถ่ายทอดมาได้อย่างไร? ถามว่าขณะนี้จำอยู่ไหม? ความจำเกิดขึ้นอยู่ทุกขณะจิต และเมื่อตรึกก็ตรึกถึงความจำที่จำมาแล้วนั่นเอง
🙏 ปรมัตถธรรมนั้นมีลักษณะเฉพาะแต่ละประเภท ไม่อาจเปลี่ยนแปลงเป็นอื่นได้เลย
🙏 ถ้าถามว่า "เห็น" เที่ยงหรือไม่? ไม่เที่ยงด้วยความเข้าใจที่เริ่มมาจากการฟังคำสอนที่ทรงแสดง
🙏 สำหรับผู้เริ่มต้น ต้องฟังพระธรรมที่ทรงแสดงถึงสิ่งที่มีจริงให้เข้าใจก่อน ให้เข้าใจความจริงแต่ละหนึ่ง และความไม่เป็นตัวตน สัตว์ บุคคล เรา เขา ไม่ใช่ไปสนใจคำที่มีความหมายลึกซึ้งเกินกว่าที่จะเข้าใจได้ และไม่ปรากฏในขณะนี้
🙏 ถ้ายังไม่เห็นเป็นแต่ละหนึ่งแล้ว ไม่มีทางที่จะชัดเจนในสภาพธรรมนั้นได้ และย่อมไม่สามารถละคลายความเป็นตัวตนได้
🙏 ที่สภาพธรรมปรากฏให้รู้ได้ ก็เนื่องจาก แม้จิตนี้จะดับไปแล้วแต่ก็มีจิตใหม่เกิดแล้วดับสลับกัน รับรู้อารมณ์ของสภาพธรรมที่ปรากฏเกิดดับสลับกันเป็นนิมิตทั้งหมด
🙏 อะไรคือสิ่งที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริง? สิ่งที่กำลังปรากฏอยู่ในขณะนี้ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย และทางใจ
🙏 แต่อวิชชาที่มีอยู่ขณะนี้ไม่สามารถเข้าใจความเป็นจริงที่กำลังปรากฏทุกขณะได้
🙏 แล้วอะไรล่ะที่สามารถเข้าใจความจริงที่กำลังปรากฏอยู่ขณะนี้? ต้องเป็นปัญญาแน่นอน
🙏 ที่สามารถรู้ความแตกต่างของสภาพธรรมต่างๆ ได้ ก็เนื่องจากสิ่งเหล่านั้นปรากฏให้รู้ให้เข้าใจ ให้รู้ได้ว่า นามธรรมแตกต่างจากรูปธรรม มีการบ่งบอกความหลากหลาย ด้วยบัญญัติ
🙏 อะไรที่กำลังเกิดขึ้น นั่นแหละโลกปรากฏ
🙏 ที่ใช้คำว่า "สี" แทนคำว่า "รูปารมณ์" ต้องระวังการเข้าใจผิด เพราะ รูปารมณ์ เป็นสิ่งที่ปรากฏทางตาเท่านั้น ไม่มีรูปร่าง ลวดลาย ชื่อเรียก ลักษณะ ที่เป็นบัญญัติแต่อย่างใด
🙏 เมื่อสิ่งใดจะปรากฏได้ด้วยดี ต้องปรากฏแก่ปัญญาเท่านั้น
🙏 การศึกษาพระธรรม เมื่อมีตัวตนคราวใด ก็ติดกับดักของอวิชชาเมื่อนั้น
🙏 ไม่จำต้องทราบวาระจิตของบุคคลอื่นก็พอที่สามารถทราบได้จากคำพูดของผู้นั้นได้ว่าจิตเป็นกุศลหรืออกุศล
🙏 แม้ชาตินี้จะมีอายุนานและศึกษาพระธรรมมากมายสักเพียงใด ก็ไม่มีทางเข้าใจคำสอนในพระไตรปิฎกได้ทั้งหมด
🙏 อานาปานสติเจริญได้ยาก เพราะลมหายใจละเอียด
🙏 ทำไมจึงสนใจเรื่องอานาปานสติ ทั้งที่พระพุทธองค์ทรงแสดงเรื่องเกี่ยวกับสติปัฏฐานไว้หลายเรื่อง แต่ละเรื่องเป็นการระลึกถึงสภาพธรรมตามความเป็นจริงต่างๆ ซึ่งสติจะเกิดขึ้นระลึกตามเหตุตามปัจจัย ไม่ใช่การไปเลือกเจริญสติ
🙏 เรื่องอานาปานสติเป็นเรื่องที่ต้องเข้าใจตั้งแต่เรื่องของรูปว่ารูปที่สติระลึกนั้นคือรูปอะไร? เกิดจากอะไร? มิฉะนั้นก็เพียงได้แต่คิดถึงลมหายใจเท่านั้น แล้วเข้าใจว่าเป็นการเจริญอานาปานสติ
(คัดจากโพสต์ความคิดเห็นที่ 7 ในกระทู้ ตามรอยธรรมจาริกในศรีลังกา 7)
ขออนุญาตพี่แดงลงการสนทนาธรรมของท่านอาจารย์สุจินต์กับท่านวิทยากร และผู้ร่วมสนทนาต่อเนื่องครับ
🙏 ในสมัยพุทธกาล สาวกผู้ฟังธรรม ต่างมีพื้นฐานความเข้าใจเรื่องอนัตตาอย่างมั่นคง แต่ละท่านจึงฟังและเข้าใจแต่ละคำที่ทรงแสดงได้อย่างลึกซึ้ง ต่างจากในสมัยปัจจุบัน ที่อ่านพระไตรปิฎกโดยขาดความเข้าใจเรื่องอนัตตา จึงมุ่งไปทำมุ่งไปปฏิบัติตามความคิดของตน โดยไม่ทราบเลยว่าเป็นการไปทำไปปฏิบัติด้วยความเป็นตัวตน ย่อมไม่มีทางที่จะได้เข้าใจความเป็นจริงตามที่ทรงแสดง
🙏 เมื่อเข้าใจเรื่องอนัตตา ก็จะเข้าใจการเกิดและดับของสภาพธรรมต่างๆ โดยไม่มีตัวตนที่จะเข้าไปควบคุมบังคับบัญชาการเกิดดับของสภาพธรรมใดๆ ได้
🙏 มานะนั้นต่างไปจากทิฏฐิ และไม่จำต้องเปรียบเทียบกับผู้อื่นเสมอไป แม้ในอรูปพรหมที่มีแต่นามธรรม ไม่เห็น ไม่ได้ยิน ไม่รับรู้เรื่องราวของผู้อื่น แต่ก็ยังมีมานะที่ติดข้องในภวะของตน
🙏 แม้เพียงมีความสำคัญตน เช่น ดีใจที่เป็นเรา เพียงเท่านี้ก็เป็นมานะแล้ว ไม่ต้องเปรียบเทียบกับผู้อื่น
🙏 แม้พระอนาคามียังมีมานะในภวะ
🙏 ถามว่าในการทำทาน หรือ อุทิศส่วนกุศล ที่ยังมีความเป็นเรา แล้วจะเป็นกุศลได้อย่างไร? ตอบว่า ต้องเข้าใจในแต่ละขณะจิต ขณะที่ให้ทาน ขณะหนึ่ง ขณะที่เป็นเราให้ อีกขณะหนึ่ง
🙏 แม้ว่าปัญญาจะเกิดขึ้นแล้วดับไปแล้ว แต่ความเข้าใจยังสะสมต่อไปในจิตทุกขณะ และมั่นคงขึ้นๆ ได้ เมื่อสะสมต่อๆ ไปตามลำดับ
🙏 เมื่อปัญญาเพิ่มมากขึ้นๆ ก็จะเห็นได้ว่ากิเลสที่ตนสะสมไว้ มีมากมายเพียงใด
🙏 ปัญญาที่มั่นคง ย่อมเข้าใจความจริงที่ปรากฏอยู่ขณะนี้ได้แน่
🙏 อย่าประมาทพระปริยัติธรรม
🙏 อธิศีล อธิจิต อธิปัญญา ไม่แยกจากกัน เนื่องจากเจริญได้ด้วยความเข้าใจเป็นพื้นฐาน
🙏 ถ้าไม่เคยได้ฟังพระธรรมมาก่อน คงไม่ได้มีโอกาสมาฟังพระธรรมอยู่ในขณะนี้
🙏 อย่าลืมว่าทุกขณะเกิดขึ้นและดับไป ด้วยเหตุและปัจจัย
🙏 สัญญาเกิดขึ้นร่วมกับจิตทุกขณะ ดังนั้น สัญญาไม่เคยหยุดทำหน้าที่เลย
🙏 ในทุกๆ ขณะ คือ กาลครั้งหนึ่ง ที่ดับไปหมดแล้ว
🙏 การศึกษาทางโลก แตกต่างจากการศึกษาทางธรรม ที่เป็นไปเพื่อการ "ละ" โดยตลอด
🙏 สติปัฏฐานนั้น จะเกิดขึ้นก็ด้วยปัญญาที่ค่อยๆ เจริญขึ้นๆ ปรุงแต่งให้สติระลึกไปในความจริงที่กำลังปรากฏ
อนึ่ง ข้าพเจ้าได้รับความกรุณาจากพี่แก้วตา อเนกพุฒิ ที่ได้ส่งคลิปสั้นๆ ของการสนทนาธรรมที่ Buddhist Cultural Centre มาให้ชมทางไลน์ ข้าพเจ้าเห็นว่าจะเป็นประโยชน์ในการบันทึกเรื่องราวของการเดินทางไปสนทนาธรรมของท่านอาจารย์ในครั้งนี้ให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น แม้ว่าจะเป็นคลิปสั้นๆ ก็ตาม ซึ่งข้าพเจ้าได้นำลง Youtube และรวบรวมเป็นเพลย์ลิสต์ ซึ่งจะเล่นโดยต่อเนื่องทั้ง ๙ คลิป โดยการคลิกเพียงครั้งเดียว กราบอนุโมทนาในความกรุณาของพี่แก้วตา มา ณ ที่นี้ ครับ
ในท้ายที่สุด ใคร่ขอนำภาพอันน่าประทับใจอย่างยิ่งของคุณเฮือง สุภาพสตรีชาวเวียดนาม ที่อาศัยอยู่ในประเทศออสเตรเลีย ซึ่งได้พบและติดตามฟังการบรรยายธรรมจากท่านอาจารย์ผ่านทางกลุ่มผู้ศึกษาธรรมต่างชาติ (Dhamma Study Group - DSG) โดยก่อนหน้านี้เธอเดินทางไปแสวงหาธรรม นั่งสมาธิตามที่ต่างๆ มามาก ครั้งนี้เธอเดินทางมาจากออสเตรเลียเพียงคนเดียวเพื่อเข้าร่วมฟังการสนทนาที่นี่ ท่านสามารถอ่านรายละเอียดอันน่าประทับใจในหนทางของการพบพระธรรมของเธอ ที่พี่แดงเล่าไว้ในกระทู้ "ตามรอยธรรมจาริกในศรีลังกา" เป็นภาพที่แสดงถึงกุศลจิตและกุศลศรัทธาที่มีต่อพระศาสนาอย่างยิ่งของเธอ ขณะที่ทำความสะอาดสถานที่สนทนาธรรมก่อนที่ทางผู้เข้าร่วมสนทนาธรรมจากศรีลังกาจะเดินทางมาถึง กราบอนุโมทนาในกุศลศรัทธาอย่างยิ่งนะครับ
🙏 อะไรคือความโดดเดี่ยว? อยู่เพียงผู้เดียว? ความโดดเดี่ยวที่แท้จริง คือ สภาพธรรมที่เกิดขึ้นและดับไป แต่ละหนึ่งๆ ไม่มีใครอยู่ในสภาพธรรมนั้นๆ เลย
🙏 เมื่อใดเรารู้สึกโดดเดี่ยว ขณะนั้นก็โดดเดี่ยวกับความคิดที่เกิดขึ้นแล้วดับไปแล้ว ไม่ใช่ความเป็นเราโดดเดี่ยว
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่ง
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาคณะวิทยากรและผู้ร่วมสนทนาธรรมทุกๆ ท่าน
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลวิริยะของคุณจักรกฤษณ์ เจนเจษฎา สำหรับข้อความธรรมที่มีค่า ที่ได้กรุณาสรุปมาฝากทุกๆ ท่าน เป็นประโยชน์อย่างยิ่งครับ
ขออนุโมทนาครับ
ซาบซึ้งในทุกๆ คำที่ท่านอาจารย์พร่ำสอน
หากไม่ศึกษาปริยัติให้เข้าใจอย่างถ่องแท้
มุ่งแต่จะทำ และจะทำโดยไม่เข้าใจ
เป็นการประมาทในพระปัญญาคุณของพระผู้มีพระภาคเจ้าอย่างร้ายแรง
ขออนุโมทนาครับ