ร่างทรง

 
phuttha
วันที่  12 พ.ย. 2558
หมายเลข  27206
อ่าน  4,049

ในงานไหว้ครูตามตำหนักบางที่ได้มีการเชิญพระพุทธเจ้ามาเข้าทรงอยากถามว่ามีคนทรงร่างขององค์พระพุทธเจ้าด้วยหรือครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 12 พ.ย. 2558

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

จากคำถามที่ว่า โดยความเข้าใจของคนทั่วไป "ร่างทรง" คืออะไร ร่างทรงในความหมายของคนทั่วไป ก็คือ บุคคลที่สามารถจะรับจิต วิญญาณของผู้อื่นที่จากไปแล้ว หรือ จากจิตวิญญาณของผู้อื่นที่เป็นเทพ เทวดา มาสิงสถิตอยู่ในร่างกายของตนเองได้ ครับ จากคำถามที่ว่า แล้วในความเป็นจริงแล้ว ร่างทรงเป็นอย่างไร มีได้ไหม ได้เพราะเหตุใด ไม่ได้เพราะเหตุใด

ซึ่งในความเป็นจริงที่เป็นสัจจะตามที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงนั้น จิตของแต่ละคนก็ของแต่ละคน ไม่มีใคร หรือ ไม่มีจิตของคนใดมาสิงสถิตอยู่ที่ร่างกายของคนอื่นได้เพราะ ความจริง คือ จิตเกิดขึ้นและดับไป ไม่เที่ยงเลย จิตเกิดที่ไหน ดับที่นั่น จึงไม่มีจิตที่เที่ยง ยั่งยืน จะมาอยู่สิงในร่างกายของคนอื่นได้ ครับ

อีกอย่างหนึ่ง จิตเมื่อเกิดขึ้น จะต้องมีที่เกิด ซึ่ง เรียกว่า วัตถุ ซึ่งที่เกิดของจิต มี 6 คือจักขุ (ตา) หู จมูก ลิ้น กาย และ หทยรูปเพราะฉะนั้น การที่จิตอื่นจะมาอยู่ มาสิงในร่างกายคนอื่นจึงไม่ใช่ฐานะ เพราะ จิตของบุคคลอื่น จะมาเกิดในรูปของคนอื่นไม่ได้ต้องเกิดที่รูปของบุคคลนั้นเองเป็นสำคัญ ครับ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 12 พ.ย. 2558

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

เป็นผู้ประมาทพระปัญญาคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างยิ่งที่คิดว่าจะมีการทรงเจ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะไม่รู้ว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้า คือใคร พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ความจริงด้วยพระองค์เอง ดับกิเลสทั้งปวงได้อย่างหมดสิ้น ถึงความเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วทรงแสดงความจริงประกาศสัจจธรรมให้สัตว์โลกได้มีความเข้าใจถูกเห็นถูกตามพระองค์ ตลอดระยะเวลา ๔๕ พรรษาแห่งการประกาศคำสอนของพระองค์นั้น เพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูกโดยตลอด และเมื่อพระองค์เสด็จดับขันธปรินิพพานแล้ว ไม่มีการเกิดอีก ไม่มีการไปอยู่ ณ ที่หนึ่งที่ใด แต่พระธรรมคำสอนของพระองค์ยังสืบทอดมาจนถึงขณะนี้ เป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ได้ฟังได้ศึกษาอย่างแท้จริง

แต่ถ้าไม่ได้ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมให้เข้าใจ ก็ไปทำอะไรด้วยความไม่รู้ ด้วยความไม่เข้าใจ ด้วยความเห็นผิด ประการต่างๆ มากมาย ไม่เป็นไปเพื่อความเจริญขึ้นของปัญญาและกุศลธรรมทั้งหลายทั้งปวงเลย ไม่เป็นไปตามคำสอนที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงด้วย ตนเองมากไปด้วยความไม่รู้แล้ว ยังส่งเสริมให้ผู้อื่นเกิดความไม่รู้ เกิดความงมงายเพิ่มมากยิ่งขึ้นด้วย แสดงให้เห็นตามความเป็นจริงว่า ความไม่รู้ และความเห็นผิด ตลอดจนถึงกิเลส อกุศลธรรมทั้งหลายทั้งปวงนั้นไม่นำมาซึ่งคุณประโยชน์ใดๆ เลย

แม้แต่ในเรื่องร่างทรง ก็เช่นเดียวกัน เป็นการกระทำของคนผู้ไม่รู้ นั่นเอง การเข้าทรงหรือ ร่างทรง ไม่มีในคำสอนทางพระพุทธศาสนาเลย จะเห็นได้ว่า ไม่มีคำสอนในทางพระพุทธศาสนาแม้แต่บทเดียว ที่จะส่งเสริมให้คนงมงายเลยหรือให้เกิดอกุศล

ที่จะพ้นไปจากความไม่รู้ และ ความเห็นผิด ได้ ก็ต้องด้วยการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปตามลำดับ ไม่ประมาทในพระธรรมแต่ละคำๆ ที่ได้ยินได้ฟัง ครับ

... ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
tanrat
วันที่ 13 พ.ย. 2558

เพราะไม่รู้ในพระธรรมที่ทรงแสดง เลยคิดวุ่นวายไป

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
Guest
วันที่ 13 พ.ย. 2558

กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาอย่างสูงครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
ํํญาณินทร์
วันที่ 24 ก.พ. 2559

สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
chatchai.k
วันที่ 29 พ.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
Jarunee.A
วันที่ 25 ก.ค. 2566

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ