นิกายเดิมแท้ของพระพุทธศาสนา

 
apiwit
วันที่  13 พ.ย. 2558
หมายเลข  27208
อ่าน  1,158

ปัจจุบันพบว่าพระพุทธศาสนานั้นได้มีการแตกแขนงแยกย่อยออกเป็นหลายฝ่าย เช่น หินยาน มหายาน เถรวาท และในแต่ละฝ่ายนั้น ก็ยังแยกย่อยลงไปอีกหลายนิกาย กระผมจึงอยากทราบว่าแท้จริงแล้ว พระพุทธศาสนาของเรานั้น นิกายเดิมแท้คืออะไร


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 13 พ.ย. 2558

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ในความเป็นจริง ตั้งแต่สมัยพุทธกาล ก็เริ่มมีการแตกแยกกัน แบ่งเป็นนิกายต่างๆ อันเริ่มจาก เมื่อคราวทำสังคายนาครั้งที่ 1 พระมหากัสสปะ ทำสังคายนา พระปุราณะที่ไม่เข้าใจคำสอน กับบริวาร ๕๐๐ ไม่รับการทำสังคายนาครั้งนี้ อันมีความเข้าใจผิดในพระธรรม จึงเริ่มมีการแตกแยกตั้งแต่การทำสังคายนาครั้งนี้ การแตกแยกที่เป็นนิกายต่างๆ จึงเกิดจากกิเลส ความไม่รู้ ความเข้าใจผิดในพระธรรม จึงทำให้มีการแยกไประหว่างความเห็นถูกและความเห็นผิดเป็นธรรมดาครับ น้ำกับน้ำมันย่อมแยกจากกันเป็นธรรมดา เมื่อมีการทำสังคายนารั้งที่ ๒ ก็มีการแยกออกเป็นนิกายต่างๆ แยกจากเถรวาทออกไป อันถือมติส่วนใหญ่ และก็แตกแยกออกไปอีก เป็น ๑๘ นิกายครับ

ในความเป็นจริง พระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าไม่มีการแบ่งแยก ไม่มีการเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย เพราะเป็นสัจจะ ความจริง เช่น สภาพเห็นเป็นความจริง เป็นธรรม ไม่ว่าใคร บุคคลใด นิกายไหน การเห็นก็เป็นธรรมไม่เปลี่ยนแปลง กุศลอกุศลเป็นสภาพธรรมที่มีจริงเป็นสิ่งที่เป็นสัจจะ ไม่เปลี่ยนแปลง การแบ่งเป็นนิกาย เป็นลัทธิแสดงให้เห็นถึง ความเข้าใจผิดในพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ผู้ที่ศึกษาธรรมในปัจจุบัน ควรเป็นผู้ละเอียดด้วยการศึกษาธรรมด้วยความเป็นผู้ตรงและละเอียดรอบคอบยึดพระธรรมเป็นสำคัญก็ย่อมสามารถเข้าถึงความจริง โดยไมได้แบ่งไปตามนิกายไหนเลย หากปัญญาเจริญ ความเห็นถูกเกิดขึ้นจะไม่มีการแบ่งนิกาย เพราะพระธรรมเป็นสัจจะ ความจริงหนึ่งเดียว

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 13 พ.ย. 2558

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระพุทธศาสนา คือ คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้ทรงตรัสรู้ความจริงแล้วประกาศความจริงให้สัตว์โลกได้มีความเข้าใจถูกในสิ่งที่มีจริงตามความเป็นจริง มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่จะได้ฟังได้ศึกษาในคำสอนของพระองค์

สัตว์โลกมีอัธยาศัยที่แตกต่างกัน ตามการสะสม ถึงแม้จะได้บวชเป็นบรรพชิตในพระพุทธศาสนา ก็มีทั้งผู้ที่ได้รับประโยชน์จากการเป็นบรรพชิต กับ ผู้ที่ไม่ได้รับประโยชน์ ทั้งนี้เป็นเพราะการสะสมมาที่แตกต่างกัน มีปัญญา หรือ ไม่มีปัญญา สำหรับผู้ที่มีความเข้าใจถูกเห็นถูก มีความมั่นคงในพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ย่อมจะมีความเคารพในการฟัง ในการศึกษาพระธรรมด้วยความละเอียดรอบคอบ เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง และขัดเกลากิเลสของตนเองเป็นสำคัญ เป็นผู้ที่มั่นคงในพระธรรมวินัย อันเป็นพระธรรมคำสอนทำให้ผู้ศึกษาได้รับประโยชน์ทุกระดับขั้น ตั้งแต่เบื้องต้นจนกระทั่งสามารถรู้แจ้งอริยสัจจธรรมถึงความเป็นพระอริยบุคคลขั้นต่างๆ ดับกิเลสได้ ตามลำดับ ส่วนที่มีการแตกแยกกันออกไป ก็ไม่พ้นไปจากกิเลสอกุศลธรรม ที่ตนเองมี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คือ ความเห็นผิด

การฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง เป็นไปเพื่อความเข้าใจถูก เห็นถูกในลักษณะของสภาพธรรมตามความเป็นจริง เป็นไปเพื่อการขัดเกลากิเลส สูงสุดเป็นไปเพื่อการรู้แจ้งอริยสัจจธรรม ผู้ได้ฟัง ได้ศึกษา ย่อมมีความเข้าใจไปตามลำดับ พระธรรม เป็นประโยชน์ทุกกาลสมัย แต่จะเป็นประโยชน์เฉพาะสำหรับบุคคลผู้ที่เห็นประโยชน์ของความเข้าใจธรรม มีศรัทธาที่จะฟัง เท่านั้น ไม่ได้เป็นประโยชน์แก่บุคคลนอกนี้ ซึ่งควรจะได้พิจารณาเป็นอย่างยิ่งครับ.

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
apiwit
วันที่ 13 พ.ย. 2558

ขอบพระคุณท่านอาจารย์ที่ได้กรุณาช่วยอธิบายครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
peem
วันที่ 17 พ.ย. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
ํํญาณินทร์
วันที่ 24 ก.พ. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
chatchai.k
วันที่ 7 มิ.ย. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
Jarunee.A
วันที่ 25 ก.ค. 2566

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ