กรณีการสวดมนต์ นั้น ลำดับของการรับรู้ รูป นาม จิต เจตสิก เป็นเช่นไร
1. กรณี ที่เราสวดมนต์ ผมได้ยินเสียง เป็นรูป และ มีโสตประสาท รับรู้ เป็นรูป แล้วมีจิต รับรู้อารมณ์ และจะมีเจตสิก ซึ่งเป็นนาม เกิด เจตนา สัญญา ใช่หรือไม่ครับ และทางประสาทสัมผัส จะรับรู้สลับไปด้วยหรือไม่ครับ
2. การเรียนรู้ รูป นามนั้น หากรู้เข้าใจ ในทุก ขณะ จะทำให้ พบและสัมผัสสิ่งที่เป็น นามธรรม เช่นที่มีบางคนพูดถึง สิ่งที่ละเอียดกว่านั้น หรือไม่ครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
1. ขณะที่สวดมนต์หรือไม่สวดมนต์ก็ตาม แม้ในขณะนี้ ก็มีสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ ที่มีทั้งรูปธรรมและนามธรรม เช่น สี เสียง เป็นต้น ที่เป็นรูป มีจิตเห็น จิตได้ยิน จิตที่คิดนึก และ เจตสิกที่เกิดร่วมด้วย มีสัญญา เวทนาเจตสิก เป็นต้น ซึ่งเป็นนามธรรม ซึ่งการอบรมปัญญา ไม่ใช่การไปหา ใส่ชื่อให้กับสภาพธรรม แต่หนทางที่ถูกต้อง คือ ฟังพระธรรม เข้าใจสิ่งที่ได้ฟังในขั้นการฟังว่า ไม่ว่าขณะใด ก็ไม่พ้นจากสภาพธรรมที่เป็นธรรมไม่ใช่เรา ส่วนการจะรู้นาม รูป แยกเป็นสภาพธรรมใด ต้องเป็นปัญญาระดับสูงมาก เพราะฉะนั้น กลับมาเริ่มที่เข้าใจขั้นการฟังว่า เลือกจะรู้สภาพธรรมอะไรไม่ได้ หนทางที่ถูก คือฟังต่อไป ปัญญาเกิดเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น ครับ
2. การรู้นามธรรม ต้องรู้ด้วยปัญญา อะไรรู้ไม่ใช่ แต่เป็นปัญญา ซึ่งเป็นหน้าที่ของธรรม ซึ่งเมื่อปัญญาละเอียดขึ้น ก็เข้าใจความจริงมากขึ้น ทั้งความเป็นธรรมและเป็นอนัตตา และเกิดขึ้นและดับไป เป็นต้น ซึ่งยากแสนยาก ไกลแสนไกล หนทางเดียว คือ ฟังพระธรรมต่อไป ครับ
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
-ทุกขณะไม่พ้นจากธรรม มีธรรมเกิดขึ้นเป็นไปอยู่ตลอด แม้การได้ยิน ก็เป็นธรรม ขณะได้ยิน มีจริงๆ จิตเกิดขึ้นได้ยินเสียง เสียงมีจริง สภาพธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตได้ยิน (มี ผัสสะ เวทนา สัญญา เจตนา เป็นต้น) มีจริง ที่เกิดของจิตได้ยินมีจริง แล้วก็คิดนึก ขณะที่คิดนึกก็มีจริง ซึ่งก็คือ ความเกิดขึ้นเป็นไปของธรรม ไม่ใช่สัตว์บุคคลตัวตน ซึ่งก็จะต้องอาศัยการฟังพระธรรม บ่อยๆ เนืองๆ จึงจะค่อยๆ เข้าใจได้
-การเข้าใจธรรม ก็คือ เข้าใจสิ่งที่มีจริงๆ ในขณะนี้ ไม่ใช่ไปรู้อย่างอื่น ซึ่งจะต้องอาศัยเหตุที่สำคัญ คือ การฟังพระธรรม เนื่องจากสะสมความไม่รู้มานานแสนนาน ก็จะต้องอาศัยกาลเวลาที่ยาวนานในการสะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกอย่างแท้จริง ปัญญาจะเจริญขึ้น มากขึ้นได้ ก็มาจากการค่อยๆ สะสมไปทีละเล็กทีละน้อย ไม่ขาดการฟังพระธรรมเป็นปกติในชีวิตประจำวัน ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...