ผมรู้สึกละอายจังเลยครับ

 
phuttha
วันที่  17 พ.ย. 2558
หมายเลข  27227
อ่าน  897

ผมรู้สึกละอายใจจังเลยครับ คือในเรื่องที่ผมเคยสอบถามจากท่านอาจารย์ในหลายๆ เรื่อง ซึ่งคำตอบของแต่ละท่านที่ได้ให้ผมมานั้นผมต้องยอมรับเลยว่าทำให้ผมเข้าใจมากขึ้นและรู้สึกว่าตัวเองนั้นเป็นโมฆะบุรุษในทันทีที่ได้ทำอะไรลงไปโดยความไม่รู้ หรือรู้มาในทางที่ผิดแต่นำมาทำแต่คำสอนของทุกท่านได้ทำให้ผมเข้าใจและสนใจที่อยากจะฟังธรรมมากขึ้น


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
phuttha
วันที่ 17 พ.ย. 2558

ในตอนนี้ผมจะเริ่มต้นใหม่ด้วยการฟังธรรมแทนการนั่งสมาธิแล้วครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
paderm
วันที่ 17 พ.ย. 2558

สาธุ ยินดีอย่างยิ่งครับ ที่มาในหนทางถูก ไม่มีใคร ไม่เคยเข้าใจธรรมที่ผิด เพราะมากไปด้วยความไม่รู้ แต่เพราะค่อยๆ สะสมความเห็นถูก ปัญญาย่อมนำไปในกิจทั้งปวงที่จะดำเนินทางถูกต่อไป ฟังพระธรรมต่อไปนะครับ ขออนุโมทนาในความเห็นถูกครับ

ทุกครั้งที่ได้ฟังพระธรรม ย่อมเกิดประโยชน์ ความรู้ความเข้าใจ ก็จะค่อยๆ เจริญขึ้น เพิ่มขึ้น บุคคลผู้มีโอกาสได้ฟัง ได้ศึกษาและมีความเข้าใจไปตามลำดับเท่านั้น ที่จะเป็นอย่างนี้ได้ กล่าวคือ ได้รับประโยชน์จากพระธรรม อย่างแท้จริง

เพราะฉะนั้น จึงสำคัญที่การมีโอกาสได้ฟังพระธรรมศึกษาพระธรรมที่เป็นพระธรรมคำสอนที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงจริงๆ ที่จะเป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูลต่อความเข้าใจถูกเห็นถูก เกื้อกูลต่อความเจริญขึ้นของกุศลธรรม ซึ่งเป็นธรรมที่เกิดเพราะเหตุปัจจัย แต่ถ้าไปฟังอย่างอื่น ไปฟังคำสอนของคนอื่น ที่เป็นมิจฉาทิฏฐิเป็นความเห็นผิดทั้งหลาย นั้น ไม่มีทางที่จะทำให้ปัญญาเจริญขึ้นได้เลย มีแต่จะเพิ่มความไม่รู้ ความติดข้องและความเห็นผิดให้มากขึ้น ครับ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
phuttha
วันที่ 17 พ.ย. 2558

ผมเคยเข้าใจว่าการนั่งสมาธิจะสามารถตอบทุกปัญหาในธรรมได้ แต่พอมาวันนี้ผมเข้าแล้วว่าความเข้าใจนั้นเกิดจากการฟังธรรมเป็นหลัก

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
khampan.a
วันที่ 17 พ.ย. 2558

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ในคำสอนทางพระพุทธศาสนา ไม่มีคำสอนแม้แต่บทเดียวที่สอนให้คนไปทำอะไรด้วยความไม่รู้ พระธรรมที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ดีแล้ว เท่านั้น ที่จะเป็นเครื่องป้องกันความเห็นผิดคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง พระธรรมย่อมจะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่มีโอกาสได้ฟัง ได้ศึกษาอย่างแท้จริง ทำให้มีความมั่นคงในความเป็นจริง มั่นคงในความถูกต้อง ไม่หวั่นไหวคล้อยตามในสิ่งที่ผิดไม่ตรงตามพระธรรมคำสอนของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า

เพราะคำสอนของพระองค์ เกิดจากพระปัญญาตรัสรู้ซึ่งกว่าจะได้ทรงตรัสรู้นั้น พระองค์ต้องอาศัยการสะสมพระบารมีมาเป็นระยะเวลาที่ยาวนานถึงสี่อสงไขยแสนกัปป์ สิ่งที่พระองค์ทรงตรัสรู้และทรงแสดง ย่อมไม่พ้นจากสิ่งที่มีจริง ซึ่งมีจริงในขณะนี้ และการที่จะรู้ธรรม ก็รู้ในขณะนี้ แต่ก็ต้องมีเหตุที่จะให้รู้ นั่นก็คือ สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกจากการที่มีโอกาสได้ฟังพระธรรมศึกษาพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงด้วยความละเอียดรอบคอบ ไม่ประมาทในพระธรรมแต่ละคำที่ได้ยินได้ฟัง ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
tanrat
วันที่ 18 พ.ย. 2558

สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
Guest
วันที่ 18 พ.ย. 2558

กราบอนุโมทนาในทุกๆ กุศลจิตครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
ผู้ร่วมเดินทาง
วันที่ 18 พ.ย. 2558

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของคุณ Phuttha และท่าน อ.ผเดิม และ อ.คำปั่น กับทุกๆ ท่าน ด้วยครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
peem
วันที่ 18 พ.ย. 2558

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
chatchai.k
วันที่ 18 พ.ย. 2558

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
ํํญาณินทร์
วันที่ 24 ก.พ. 2559

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
Jarunee.A
วันที่ 25 ก.ค. 2566

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ