ผมรู้สึกละอายจังเลยครับ
ผมรู้สึกละอายใจจังเลยครับ คือในเรื่องที่ผมเคยสอบถามจากท่านอาจารย์ในหลายๆ เรื่อง ซึ่งคำตอบของแต่ละท่านที่ได้ให้ผมมานั้นผมต้องยอมรับเลยว่าทำให้ผมเข้าใจมากขึ้นและรู้สึกว่าตัวเองนั้นเป็นโมฆะบุรุษในทันทีที่ได้ทำอะไรลงไปโดยความไม่รู้ หรือรู้มาในทางที่ผิดแต่นำมาทำแต่คำสอนของทุกท่านได้ทำให้ผมเข้าใจและสนใจที่อยากจะฟังธรรมมากขึ้น
ในตอนนี้ผมจะเริ่มต้นใหม่ด้วยการฟังธรรมแทนการนั่งสมาธิแล้วครับ
สาธุ ยินดีอย่างยิ่งครับ ที่มาในหนทางถูก ไม่มีใคร ไม่เคยเข้าใจธรรมที่ผิด เพราะมากไปด้วยความไม่รู้ แต่เพราะค่อยๆ สะสมความเห็นถูก ปัญญาย่อมนำไปในกิจทั้งปวงที่จะดำเนินทางถูกต่อไป ฟังพระธรรมต่อไปนะครับ ขออนุโมทนาในความเห็นถูกครับ
ทุกครั้งที่ได้ฟังพระธรรม ย่อมเกิดประโยชน์ ความรู้ความเข้าใจ ก็จะค่อยๆ เจริญขึ้น เพิ่มขึ้น บุคคลผู้มีโอกาสได้ฟัง ได้ศึกษาและมีความเข้าใจไปตามลำดับเท่านั้น ที่จะเป็นอย่างนี้ได้ กล่าวคือ ได้รับประโยชน์จากพระธรรม อย่างแท้จริง
เพราะฉะนั้น จึงสำคัญที่การมีโอกาสได้ฟังพระธรรมศึกษาพระธรรมที่เป็นพระธรรมคำสอนที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงจริงๆ ที่จะเป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูลต่อความเข้าใจถูกเห็นถูก เกื้อกูลต่อความเจริญขึ้นของกุศลธรรม ซึ่งเป็นธรรมที่เกิดเพราะเหตุปัจจัย แต่ถ้าไปฟังอย่างอื่น ไปฟังคำสอนของคนอื่น ที่เป็นมิจฉาทิฏฐิเป็นความเห็นผิดทั้งหลาย นั้น ไม่มีทางที่จะทำให้ปัญญาเจริญขึ้นได้เลย มีแต่จะเพิ่มความไม่รู้ ความติดข้องและความเห็นผิดให้มากขึ้น ครับ
ขออนุโมทนา
ผมเคยเข้าใจว่าการนั่งสมาธิจะสามารถตอบทุกปัญหาในธรรมได้ แต่พอมาวันนี้ผมเข้าแล้วว่าความเข้าใจนั้นเกิดจากการฟังธรรมเป็นหลัก
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ในคำสอนทางพระพุทธศาสนา ไม่มีคำสอนแม้แต่บทเดียวที่สอนให้คนไปทำอะไรด้วยความไม่รู้ พระธรรมที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ดีแล้ว เท่านั้น ที่จะเป็นเครื่องป้องกันความเห็นผิดคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง พระธรรมย่อมจะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่มีโอกาสได้ฟัง ได้ศึกษาอย่างแท้จริง ทำให้มีความมั่นคงในความเป็นจริง มั่นคงในความถูกต้อง ไม่หวั่นไหวคล้อยตามในสิ่งที่ผิดไม่ตรงตามพระธรรมคำสอนของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
เพราะคำสอนของพระองค์ เกิดจากพระปัญญาตรัสรู้ซึ่งกว่าจะได้ทรงตรัสรู้นั้น พระองค์ต้องอาศัยการสะสมพระบารมีมาเป็นระยะเวลาที่ยาวนานถึงสี่อสงไขยแสนกัปป์ สิ่งที่พระองค์ทรงตรัสรู้และทรงแสดง ย่อมไม่พ้นจากสิ่งที่มีจริง ซึ่งมีจริงในขณะนี้ และการที่จะรู้ธรรม ก็รู้ในขณะนี้ แต่ก็ต้องมีเหตุที่จะให้รู้ นั่นก็คือ สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกจากการที่มีโอกาสได้ฟังพระธรรมศึกษาพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงด้วยความละเอียดรอบคอบ ไม่ประมาทในพระธรรมแต่ละคำที่ได้ยินได้ฟัง ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...