ลำดับพระอริยะ

 
phuttha
วันที่  18 พ.ย. 2558
หมายเลข  27230
อ่าน  10,947

พระโสดาบันติมรรคกับพระโสดาบันติผล.

พระสกิทาคามิมรรคกับพระสกิทาคามิผล.

พระอนาคามีมรรคกับพระอนาคามิผล.

พระอรหันติมรรคกับพระอรหันติผล.

ทำไมจึงเรียกไม่เหมือนกันครับแล้วทำถึงมีคำว่ามรรคกับผลต่อท้ายด้วยครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 18 พ.ย. 2558

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระอริยบุคคล เป็นผู้ที่ประเสริฐ สามารถดับกิเลสได้ ตามลำดับขั้น ตั้งแต่พระโสดาบันจนถึงพระอรหันต์ พระอรหันต์เท่านั้นที่เป็นผู้ที่ดับกิเลสทั้งปวงได้อย่างหมดสิ้น ไม่มีเหลือ

ก่อนอื่นเมื่อกล่าวถึงคำใด ก็ควรที่จะได้เข้าใจในคำนั้นๆ ให้ชัดเจน ด้วยพระโสดาบัน คือ ผู้ที่ถึงพระนิพพาน เป็นครั้งแรก ซึ่งก็คือ เป็นพระอริยบุคคลขั้นที่ ๑ ที่ได้ประจักษ์แจ้งพระนิพพาน ดับกิเลสได้ ในระดับหนึ่ง ดับกิเลสได้ เพียงบางส่วนตามสมควรควรแก่มรรคที่ท่านได้ ยังไม่สามารถดับได้ทั้งหมด พระโสดาบันดับความเห็นผิดทุกประการ ดับความลังเลสงสัยในสภาพธรรม ดับความตระหนี่ ดับความริษยา ดับกิเลสอย่างหยาบ ที่จะเป็นเหตุ ให้ไปเกิดในอบายภูมิ เพราะพระโสดาบันเป็นผู้ไม่ต้องไปเกิดในอบายภูมิ อีกต่อไป ท่านเกิดอีกอย่างมาก ไม่เกิน ๗ ชาติ เป็นผู้แน่นอน ที่จะได้ตรัสรู้เป็นพระอริยบุคคลขั้นสูงๆ ขึ้นไป กล่าวคือ บรรลุเป็นพระสกทาคามี พระอนาคามี จนกระทั่งถึงความเป็นพระอรหันต์ในที่สุด

โสดาปัตติมรรคและโสดาปัตติผล ต่างกันที่เป็นจิตคนละประเภทขณะที่เป็นโสดาปัตติมรรค เป็นจิตชาติกุศล กระทำกิจประหานกิเลส ขณะที่เป็นโสดาปัตติผล เป็นจิตชาติวิบาก เสวยผลจากการดับกิเลส คือ ดับกิเลสแล้วนั่นเอง จิต ๒ ประเภทนี้เกิดสืบต่อกันทันที ไม่มีจิตประเภทอื่นมาคั่น

โสตาปัตติมรรคเกิดขณะเดียว ไม่เกิดอีกเลยในสังสารวัฏฏ์ ส่วนโสตาปัตติผลเกิดขึ้นหลายขณะได้ เช่น ผู้เข้าผลสมาบัติ ผลจิตของพระอริยเกิดต่อกันหลายขณะ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 18 พ.ย. 2558

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระอริยบุคคล คือ บุคคลผู้ทำลายข้าศึกคือกิเลสได้ ตามลำดับขั้น เป็นบุคคลผู้ประเสริฐ ที่เป็นผู้ประเสริฐได้ก็ด้วยปัญญาที่สามารถดับกิเลสได้ตามลำดับมรรค, พระอริยบุคคลมี ๔ ระดับ คือ พระโสดาบัน พระสกทาคามี พระอนาคามี และพระอรหันต์ พระอริยบุคคล ๓ ข้างต้น ยังมีกิเลสเหลืออยู่ จนกว่าจะถึงความเป็นพระอรหันต์ จึงจะสามารถดับกิเลสได้อย่างหมดสิ้น ไม่มีเหลือ กิเลสที่สะสมมาอย่างเนิ่นนานในสังสารวัฏฏ์ไม่เกิดขึ้นอีกเลย กว่าจะดับกิเลสได้ นั้น จะต้องอาศัยการอบรมเจริญปัญญา สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูก เป็นระยะเวลาที่ยาวนาน ถ้าไม่ได้อบรมเจริญปัญญา จนกระทั่งถึงขั้นที่จะดับกิเลสได้อย่างเด็ดขาดแล้ว ย่อมไม่สามารถที่จะเป็นพระอริยบุคคลได้ ไม่ใช่ว่าจะบรรลุกันได้ง่ายๆ ครับ

ขอเชิญคลิกฟังคำบรรยายของท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ เพิ่มเติมได้ที่นี่ ครับ

โลกุตตรจิต

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
tanrat
วันที่ 20 พ.ย. 2558

สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
ํํญาณินทร์
วันที่ 24 ก.พ. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
chatchai.k
วันที่ 27 พ.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
Jarunee.A
วันที่ 21 ก.ค. 2566

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ