เมื่อจิตคลายกำหนัดก็หลุดพ้น
เมื่อจิตคลายกำหนัดก็หลุดพ้น ประโยคนี้มีความหมายว่าอย่างไรครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
คำว่า เพราะคลายกำหนัด จิตย่อมหลุดพ้น ...เป็นเรื่องของปัญญาระดับสูงมากๆ หมายถึง ขณะมรรคจิตที่จะทำกิจดับกิเลสดับกิเลสหมดสิ้น ขณะนั้นเป็นการคลายกำหนัดจากกิเลสหมดสิ้น ด้วยมรรคจิต และ ขณะต่อไปจึงเป็นผลจิต ที่เป็น อรหัตตผลจิต ที่ดับกิเลสหมดสิ้นแล้ว จิตหลุดพ้นแล้วจากกิเลสทั้งปวง เป็นผลจิต ครับ ดังข้อความในพระไตรปิฎก ดังนี้
[เล่มที่ 27] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค เล่ม ๓- หน้าที่ 94
อรรถกถาอนิจจสูตรที่ ๑
ใน อนิจจสูตรที่ ๑ มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้
บทว่า สมฺมปฺปญฺาย ทฏฺพฺพ ความว่า พึงเห็นด้วยปัญญาอันสัมปยุตด้วยมรรค พร้อมด้วยวิปัสสนา
บทว่า วิรชฺชติ วิมุจฺจติ ได้แก่ย่อมคลายกำหนัดในขณะแห่งมรรค ย่อมหลุดพ้นในขณะแห่งผล
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
การหลุดพ้นจากกิเลส นั้น มีหลายระดับ ตั้งแต่ขั้นต้นจนกระทั่งสูงสุดคือ อรหัตตมรรคจิต และ อรหัตตผลจิตเกิดขึ้น รู้แจ้งอริยสัจจธรรมถึงความเป็นพระอรหันต์ ก่อนที่จะถึงความเป็นพระอรหันต์ได้นั้น ปัญญาก็ย่อมจะเจริญขึ้นไปตามลำดับ กล่าวคือ จะต้องเป็นพระโสดาบัน พระสกทาคามี และพระอนาคามี ก่อนจึงจะเป็นพระอรหันต์ได้ พระอริยบุคคลทุกระดับขั้น ดับกิเลสได้ตามลำดับมรรคของตนๆ
ขณะที่มรรคจิตเกิดขึ้น และขณะที่ผลจิตเกิดขึ้น ก็เป็นการหลุดพ้นเหมือนกัน แต่แตกกันที่มรรคจิต เกิดขึ้นดับกิเลสเมื่อมีพระนิพพานเป็นอารมณ์ ส่วนผลจิต นั้นเกิดขึ้นรับผล คือ มีพระนิพพานเป็นอารมณ์โดยเป็นจิตที่ดับกิเลสแล้ว จึงกล่าวได้ว่าพระอริยบุคคล หลุดพ้นจากกิเลส ตามลำดับมรรค กิเลสใดที่ดับได้แล้วก็ไม่เกิดอีกในสังสารวัฏฏ์ กิเลสใดที่ยังเหลืออยู่จากการที่มรรคเบื้องต่ำ ๓ ยังดับไม่ได้ ก็จะถูกดับได้อย่างหมดสิ้นด้วยอรหัตตมรรค พระอรหันต์เท่านั้นที่เป็นผู้ดับกิเลสทั้งปวงได้อย่างหมดสิ้น หลุดพ้นจากกิเลสทั้งปวง ไม่มีกิเลสใดๆ เหลืออยู่เลย ไม่ต้องมีกิจที่จะต้องกระทำเพื่อดับกิเลสอีกต่อไป ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...