เรียนสอบถามเกี่ยวกับโพธิ์อำมาตย์ (อดีตชาติของพญามาร)

 
สืบต่อพุทธ
วันที่  23 พ.ย. 2558
หมายเลข  27257
อ่าน  2,786

พอดีผมอ่านเรื่องภพที่พระโพธิสัตว์ทั้งหลายผู้ได้รับพยากรณ์แล้วไม่ไปเกิด มี 16 อย่าง

หนึ่งในนั้นกล่าวว่า พระโพธิสัตว์นั้นจะเป็นมารเทวบุตรไม่ได้ ก็เลยไปค้นคว้าเพิ่มเติมจึงพบว่า

"ด้วยอำนาจแห่งผลทานครั้งนี้ ขอจงเป็นปัจจัยให้ข้าพระองค์ได้เป็นพุทธเจ้าเช่นเดียวกับพระองค์ในอนาคตกาลโน้นเถิด"กัสสปะพุทธเจ้าได้ยกพระหัตย์ลูบศีรษะของโพธิ์อำมาตย์และได้กล่าวพยากรณ์ว่า"ท่านปรารถนาสิ่งใด ขอสิ่งนั้นจงสำเร็จเถิด ท่านจะได้อุบัติเป็นพุทธเจ้าในอนาคตในอนาคตเบื้องหน้าโน้น"

ไม่ทราบว่าข้อความข้างต้นพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากัสสปะได้พยากรณ์แล้วหรือยังครับ

ถ้าพยากรณ์แล้วทำไมพญามารจึงมาเกิดเป็นมารเทวบุตรได้ครับ

ช่วยไขข้อข้องใจให้ด้วยครับ ขอบคุณครับ สาธุ สาธุ สาธุครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 23 พ.ย. 2558

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ข้อความที่ผู้ถามยกมานั้น เป็นคัมภีร์รุ่นหลังที่แสดงว่าพญามารจะได้เป็นพระพุทธเจ้า ซึ่งความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น แท้ที่จริง ไม่ได้มีแสดงไว้ในพระไตรปิฎกและอรรถกถา ซึ่งเป็นคัมภีร์รุ่นหลังที่แต่งขึ้นมา ครับ

[เล่มที่ 46] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๕ - หน้าที่ 109

พระโพธิสัตว์ผู้มีอภินิหารสำเร็จแล้วอย่างนี้แล ย่อมไม่ถึงอภัพฐานะ ๑๘ ประการ. จริงอยู่ พระโพธิสัตว์นั้น จำเดิมแต่นั้นย่อม

ไม่เป็นคนบอดแต่กำเนิด ๑

ไม่เป็นคนหนวกแต่กำเนิด ๑

ไม่เป็นคนบ้า ๑

ไม่เป็นคนใบ้ ๑

ไม่เป็นคนแคระ ๑

ไม่เกิดในชนชาติมิลักขะ ๑

ไม่เกิดในท้องของนางทาสี ๑

ไม่เป็นคนนิยตมิจฉาทิฏฐิ ๑

ไม่เป็นคนกลับเพศ ๑

ไม่ทำอนันตริยกรรมห้าอย่าง ๑

ไม่เป็นคนโรคเรื้อน ๑

อัตภาพสุดท้ายไม่เวียนมาในกำเนิดดิรัจฉาน ๑

ไม่มีอัตภาพใหญ่กว่าช้าง ๑

ไม่เกิดในขุปปิปาสิกเปรตและนิชฌามตัณหิกเปรต ๑

ไม่เกิดในจำพวกกาลกัญชิกาสูรทั้งหลาย ๑

ไม่เกิดในอเวจีนรก ๑

ไม่เกิดในโลกันตริกนรก ๑

ไม่เป็นมารในสวรรค์ชั้นกามาวจร ๑

ไม่เกิดในอสัญญีภพในรูปาวจรภูมิ ๑

ไม่เกิดในภพสุทธาวาส ๑

ไม่เกิดในอันติมภพ ๑

ไม่ก้าวไปสู่จักรวาลอื่น ๑

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 23 พ.ย. 2558

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

บุคคลผู้ที่จะได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ดี พระปัจเจกพุทธเจ้า ก็ดี หรือ เป็นพระอริยสาวก ผู้ตรัสรู้ตามพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ดี ล้วนจะต้องเป็นผู้ได้สะสมอบรมเจริญบารมีประการต่างๆ มาแล้วตลอดระยะเวลาที่ยาวนาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งได้ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม จากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ก่อนๆ สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูก มาแล้วทั้งนั้น เมื่อบารมีทั้งหลายที่ได้บำเพ็ญมาถึงความบริบูรณ์ ก็ทำให้ท่านเหล่านั้นได้ตรัสรู้สภาพธรรมตามความเป็นจริง ตามสมควรแก่ฐานะของตนๆ จากที่เป็นผู้ที่ข้องอยู่ในการที่จะได้ตรัสรู้ (พระโพธิสัตว์) ในที่สุด ก็สามารถตรัสรู้ธรรมตามความเป็นจริงได้ ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
ปวีร์
วันที่ 26 พ.ย. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
ํํญาณินทร์
วันที่ 23 ก.พ. 2559

เป็นความรู้ที่ไม่เคยนึกไปถึงเรื่องอย่างนี้พอได้อ่านก็ได้ประโยชน์ครับ

ขอขอบพระคุณและอนุโมทนา สาธุ สาธุ สาธุ ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
chatchai.k
วันที่ 26 พ.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
Jarunee.A
วันที่ 19 ก.ค. 2566

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ