ถามเกินฐานะ เป็นอย่างไร

 
ใหญ่ราชบุรี
วันที่  26 พ.ย. 2558
หมายเลข  27266
อ่าน  1,869

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ก็พวกท่าน จงเข้าไปตั้งสติไว้ จงปิดทวารทั้ง ๖ อันเป็นภายใน ไม่ปล่อยสติซึ่งรักษาทวาร ทำอายตนะภายใน ๖ เหล่านั้นให้มั่น ด้วยการไม่ถือเอา โดยประการที่อายตนะภายนอก ๖ ซึ่งยึดถืออยู่ จะเป็นไปเพื่อขจัดอายตนะภายในเสีย ไม่ละสติที่รักษาทวาร เพื่อไม่ให้อายตนะภายนอกเหล่านั้น เข้าไปประพฤติอยู่ ชื่อว่า รักษาตนไว้ ฉันนั้น

(อรรถกถา ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท นิรยวรรคที่ ๒๒ หน้าต่างที่ ๗ / ๙)

เรียนขอคำอธิบาย ข้อความนี้ และ แต่ละวรรค โดยละเอียดด้วยค่ะ ไม่ทราบว่า ถามอย่างนี้ เป็น ถามเกินฐานะ หรือเปล่า ถามเกินฐานะ เป็นอย่างไร มีผิดมีโทษอย่างไรค่ะ

ขอบพระคุณที่อนุเคราะห์ให้ความรู้ความเข้าใจค่ะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 26 พ.ย. 2558

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระธรรม เริ่มตั้งแต่ความเข้าใจเบื้องต้น ตั้งแต่อนัตตาตั้งแต่ต้นจนจบ หากอ่านพระสูตรไม่ดี ก็ทำให้เห็นผิดว่า ทำได้ เป็นอัตตาที่จะทำ จะรักษาจิต จะทำสติ ลืมความเป็นธรรมและอนัตตาที่บังคับให้สติเกิดไม่ได้เลย เมื่อจะทำ จะรักษา จะทำสติ ก็เป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน เมื่อมีความเข้าใจเบื้องต้นที่ผิด ก็ถามในสิ่งที่เกินฐานะ เกินวิสัย เพราะ เบื้องต้นยังไม่เข้าใจ แต่จะรู้ในความละเอียดทั้งหมดของพระไตรปิฎก ในแต่ละส่วน แต่ละวรรค แต่ละคำ ลืมแม้ความเป็นอนัตตา ว่า ทำไม่ได้ และ ศึกษามุ่งแต่ชื่อ ลืมว่าควรเข้าใจความจริงในขณะนี้ และ สิ่งที่พระพุทธองค์ทรงแสดง ไม่ว่าคำใดก็คือ ขณะนี้ทั้งหมด ครับ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 26 พ.ย. 2558

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

เข้าใจธรรม ตามกำลังปัญญาของตน แค่ไหนก็แค่นั้น สำคัญที่ความเข้าใจถูกเห็นถูกตั้งแต่ต้น ในเรื่องของสภาพธรรมที่มีจริงในชีวิตประจำวัน เพราะเหตุว่า พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง เป็นไปเพื่อความเข้าใจสภาพธรรมที่มีจริงในขณะนี้ว่าเป็นธรรม ไม่ใช่เรา ธรรมจึงไม่พ้นไปจากชีวิตประจำวันไม่ว่าจะทำอะไรอยู่ก็ตาม ก็มีธรรม ซึ่งเป็นชีวิตปกติธรรมดา เมื่อเหตุปัจจัยพร้อม ก็ย่อมเป็นเหตุให้สติปัฏฐานเกิดระลึกรู้สภาพธรรมในขณะนั้นได้ รักษาให้พ้นจากความไม่รู้ความจริงในขณะนั้น ซึ่งต้องมีพื้นฐานมาจากการได้ฟัง ได้ศึกษาพระธรรม ฟังในสิ่งที่มีจริงจนมีความเข้าใจอย่างถูกต้อง ไม่คลาดเคลื่่อนจากความเป็นจริง ไม่ใช่การไปทำอะไรด้วยความไม่รู้ ด้วยความอยาก ความต้องการ แต่เป็นกิจหน้าที่ของธรรม ที่เกิดเพราะเหตุปัจจัย คือ สติและปัญญา พร้อมกับโสภณธรรม อื่นๆ จะเห็นได้ว่าทุกขณะเป็นธรรม มีธรรมหนึ่งธรรมใดแน่นอน แล้วก็ค่อยๆ เข้าใจในลักษณะของสภาพธรรมตามที่ได้ยินได้ฟังให้ถูกต้องขึ้น ธรรมที่จะต้องศึกษาให้เข้าใจ นั้น มีมาก ไม่สามารถจะเข้าใจได้ในทันทีทันใด ต้องอาศัยการฟังบ่อยๆ เนืองๆ ไม่ขาดการฟัง และมีจุดประสงค์ที่ถูกต้องว่าศึกษาเพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูกไม่ใช่เพื่ออย่างอื่น เมื่อสงสัยในส่วนใด ก็มีการสอบถาม สนทนา เพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูกยิ่งขึ้นเท่าที่จะเข้าใจได้ ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
tanrat
วันที่ 27 พ.ย. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
ดอกหญ้า
วันที่ 3 ธ.ค. 2558

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
j.jim
วันที่ 7 ธ.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
wirat.k
วันที่ 9 ธ.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
วิริยะ
วันที่ 11 ธ.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
ํํญาณินทร์
วันที่ 23 ก.พ. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
Tommy9
วันที่ 25 ก.พ. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
chatchai.k
วันที่ 23 ต.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
Jarunee.A
วันที่ 17 ก.ค. 2566

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ