สารธรรมจากการสนทนา อสุรินทกสูตร
อสุรินทกสูตร
12 ธันวาคม 2558
@ การเห็นโทษของความโกรธ คือ เข้าใจความจริงของสิ่งที่ปรากฏ และ แม้สภาพธรรมอื่นๆ กิเลสอื่นๆ ว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา
@ เดี๋ยวนี้เห็นโทษของการเห็นไหม แล้วจะไปเห็นโทษความโกรธได้อย่างไร ถ้าไม่เข้าใจถูกว่าเห็นและโกรธเป็นธรรมไม่ใช่เรา
@ การเข้าใจถูกว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา ในขณะที่กิเลสเกิด มีความโกรธเกิด เป็นต้น ยังดีเสียกว่า การหาวิธีที่จะไม่โกรธ เพราะ ไม่ใช่หนทางที่จะรู้ความจริงได้เลย และ ก็เป็นเราที่ไม่โกรธ จะดับกิเลสได้อย่างไร
@ โกรธ ก็หาวิธีที่จะไม่ให้โกรธ สำเร็จไหม แต่ถ้าเขาชอบวิธีนั้นกัน ที่จะไม่โกรธชั่วคราว ก็ยังคงเป็นเราที่โกรธ แสดงว่าเขาชอบที่จะเกิดอีก ตายอีก เพราะ ไม่มีทางดับกิเลสได้ และ ไม่สามารถดับกิเลสได้เลย
@ บางคนหาวิธีนั้น วิธีอย่างนี้ ที่จะละความโกรธ ละกิเลสอื่นๆ จะทำ พิจารณาโทษ แต่ไม่ใช่หนทาง แต่หนทางที่ถูก คือ เริ่มตั้งแต่เข้าใจว่าธรรมคืออะไร เป็นหนทางที่ถูก ที่จะเริ่มละกิเลสว่า เป็นธรรมไม่ใช่เรา
@ เพียรที่จะละกิเลส เพียรที่จะละความโกรธ กับ เพียรที่ค่อยๆ เข้าใจถูกว่าเป็นธรรมไม่ใช่เราอย่างไหนถูกต้องกว่ากัน
@ ไม่มีเราที่จะทำ ไม่มีเราที่จะให้คลายกิเลส มีปัจจัยให้กิเลสเกิด ก็ต้องเกิด แต่หนทางที่ถูกเข้าใจสิ่งที่เกิดว่าเป็นแต่เพียงธรรมไม่ใช่เรา แม้ในขณะที่กิเลสเกิดขึ้นว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา
@ มีเราที่จะพิจารณาบ่อยๆ เนืองๆ ขณะนั้นเข้าใจอะไร แต่ ถ้าเข้าใจว่ามีเหตุเกิด ก็เกิด เป็นธรรมอนัตตา อย่างนี้เข้าใจ
@ จะบอกว่าละความโกรธ แต่ไม่รู้จักธรรมเลย แต่ กับคนที่ได้ฟังว่าละความโกรธ แต่มีความเข้าใจถูกสะสมมาแล้ว โดยเฉพาะพราหมณ์ที่ได้ฟัง และ ความโกรธเกิดมีในขณะนั้น ก็เข้าใจถูกว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา นั่นคือ หนทางการละความโกรธ
@ ถ้าได้ยินคำว่า ควรละความโกรธ ควรละไหม ละได้จริงๆ หรือเปล่า กับ ความเป็นเราที่ยึดถือว่าเป็นเราที่โกรธ ควรละไหม เพราะ เป็นกิเลสที่ควรละก่อน คือ ความยึดถือธรรมว่าเป็นเรา เพราะฉะนั้นต้องเข้าใจความละเอียดจริงๆ ของพระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง
@ แค่ได้ยินคำว่าโกรธเข้าใจแค่ไหน ถ้าเป็นเราที่จะละความโกรธ เห็นโทษของความโกรธ แต่ ไม่ได้เข้าใจว่าไม่ใช่เรา จะละความโกรธได้อย่างไร เพราะ ไม่เข้าใจพระธรรม ไม่ได้เข้าใจว่าไม่ใช่เรา ไม่ได้เข้าใจว่าเป็นธรรม
@ เลือกไม่ได้ พยายามที่จะกดทับไม่ได้ แต่ธรรมที่เกิดแล้ว ปัญญาที่เห็นถูก เข้าใจสิ่งที่เกิดแล้วว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา
@ ขณะใดก็ตามที่ได้เข้าใจพระธรรม ขณะนั้นเป็นบุญ และ บุญที่จะสะสมต่อไป
@ การจะละความโกรธ และ ไม่ใช่เฉพาะความโกรธ กิเลสทุกอย่าง คือ เข้าใจถูกว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา
@ อ่านพระธรรม แต่อ่านเป็นคนนั้นคนนี้ แต่ไม่เข้าใจว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา ก็ไม่ชื่อว่ารู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
@ ถ้าไม่รู้จักธรรม ก็ไม่รู้จักความเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีแต่อ่านแล้วก็เข้าใจแต่ชื่อว่า พระพุทธเจ้าตรัสกับพราหมณ์ผู้นี้ แต่แท้ที่จริง พระพุทธองค์ตรัสรู้ความจริงในสภาพธรรมในขณะนี้
@ การศึกษาธรรมจริงๆ คือ ศึกษาที่เข้าใจว่าธรรมเป็นธรรมไม่ใช่เรา ดั้งนั้นการศึกษาธรรมไม่ใช่อ่านแล้วเอาไปคิดเอง แต่ อ่านแล้วเข้าใจความจริงว่าธรรม คือ อะไร
@ ถ้าไม่รอบรู้ แม้แต่คำว่า ธรรม คืออะไร อ่านธรรมก็เป็นคนนั้นคนนี้ เป็นเราที่โกรธ เป็นเราที่ไม่โกรธ เป็นเราที่จะละความโกรธ ก็ไม่สามารถเข้าใจธรรมได้จริงๆ
@ ไม่ควรที่จะโกรธตอบคนอื่น คนพูดก็มีกิเลส เพราะฉะนั้น จะละกิเลสได้อย่างไร ถ้าไม่มีปัญญาที่เข้าใจถูกว่าโกรธเป็นธรรมไม่ใช่เรา
@ ฟังแต่ละคำ เข้าใจด้วยปัญญา แม้แต่เรื่องความโกรธว่าเป็นแต่เพียงธรรมไม่ใช่เรา แต่ถ้าเข้าใจว่า โกรธเป็นเราที่โกรธ เป็นเราที่ไม่โกรธ เป็นเราที่จะละความโกรธ เป็นเราที่จะไม่โกรธตอบ
@ การศึกษาพระสูตรผิดมีโทษ เพราะ เข้าใจว่า มีเราที่จะละความโกรธ มีเราที่จะทำ ละกิเลส เพราะฉะนั้น การศึกษาพระธรรมต้องเป็นผู้ละเอียดรอบคอบ
@ การศึกษาธรรมต้องตามลำดับขั้น จะไม่ให้มีความโกรธไม่ได้ ตราบใดที่ยังมีเรา แต่ กิเลสจะละเป็นไปตามลำดับได้ ด้วยการละความเป็นเรา
@ เดี๋ยวนี้กำลังลืมหรือเปล่า ลืมในขณะนี้ว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา เพราะฉะนั้นจึงเป็นผู้หลงลืมเป็นปกติ
@ การศึกษาพระธรรมต้องศึกษาให้ละเอียด ต้องเข้าใจถูกว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา จึงละความโกรธได้ ไม่เช่นนั้น ก็เป็นตัวเราที่จะละความโกรธ เป็นเราที่เห็นโทษของความโกรธ แต่ไม่สามารถละความโกรธได้เลย เพราะ ไม่ใช่หนทางละความโกรธและกิเลสอื่นๆ
กราบอนุโมทนาสาธุค่ะขอบพระคุณมากค่ะที่เผยแพร่พระธรรมให้ได้เข้าใจเพิ่มขึ้น
@ เดี๋ยวนี้กำลังลืมหรือเปล่า ลืมในขณะนี้ว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา เพราะฉะนั้นจึงเป็นผู้หลงลืมเป็นปกติ
อนุโมทนาค่ะ