สารธรรมจากการสนทนา อสุรินทกสูตร

 
sutta
วันที่  12 ธ.ค. 2558
หมายเลข  27296
อ่าน  2,319

อสุรินทกสูตร

12 ธันวาคม 2558

@ การเห็นโทษของความโกรธ คือ เข้าใจความจริงของสิ่งที่ปรากฏ และ แม้สภาพธรรมอื่นๆ กิเลสอื่นๆ ว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา

@ เดี๋ยวนี้เห็นโทษของการเห็นไหม แล้วจะไปเห็นโทษความโกรธได้อย่างไร ถ้าไม่เข้าใจถูกว่าเห็นและโกรธเป็นธรรมไม่ใช่เรา

@ การเข้าใจถูกว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา ในขณะที่กิเลสเกิด มีความโกรธเกิด เป็นต้น ยังดีเสียกว่า การหาวิธีที่จะไม่โกรธ เพราะ ไม่ใช่หนทางที่จะรู้ความจริงได้เลย และ ก็เป็นเราที่ไม่โกรธ จะดับกิเลสได้อย่างไร

@ โกรธ ก็หาวิธีที่จะไม่ให้โกรธ สำเร็จไหม แต่ถ้าเขาชอบวิธีนั้นกัน ที่จะไม่โกรธชั่วคราว ก็ยังคงเป็นเราที่โกรธ แสดงว่าเขาชอบที่จะเกิดอีก ตายอีก เพราะ ไม่มีทางดับกิเลสได้ และ ไม่สามารถดับกิเลสได้เลย

@ บางคนหาวิธีนั้น วิธีอย่างนี้ ที่จะละความโกรธ ละกิเลสอื่นๆ จะทำ พิจารณาโทษ แต่ไม่ใช่หนทาง แต่หนทางที่ถูก คือ เริ่มตั้งแต่เข้าใจว่าธรรมคืออะไร เป็นหนทางที่ถูก ที่จะเริ่มละกิเลสว่า เป็นธรรมไม่ใช่เรา

@ เพียรที่จะละกิเลส เพียรที่จะละความโกรธ กับ เพียรที่ค่อยๆ เข้าใจถูกว่าเป็นธรรมไม่ใช่เราอย่างไหนถูกต้องกว่ากัน

@ ไม่มีเราที่จะทำ ไม่มีเราที่จะให้คลายกิเลส มีปัจจัยให้กิเลสเกิด ก็ต้องเกิด แต่หนทางที่ถูกเข้าใจสิ่งที่เกิดว่าเป็นแต่เพียงธรรมไม่ใช่เรา แม้ในขณะที่กิเลสเกิดขึ้นว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา

@ มีเราที่จะพิจารณาบ่อยๆ เนืองๆ ขณะนั้นเข้าใจอะไร แต่ ถ้าเข้าใจว่ามีเหตุเกิด ก็เกิด เป็นธรรมอนัตตา อย่างนี้เข้าใจ

@ จะบอกว่าละความโกรธ แต่ไม่รู้จักธรรมเลย แต่ กับคนที่ได้ฟังว่าละความโกรธ แต่มีความเข้าใจถูกสะสมมาแล้ว โดยเฉพาะพราหมณ์ที่ได้ฟัง และ ความโกรธเกิดมีในขณะนั้น ก็เข้าใจถูกว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา นั่นคือ หนทางการละความโกรธ

@ ถ้าได้ยินคำว่า ควรละความโกรธ ควรละไหม ละได้จริงๆ หรือเปล่า กับ ความเป็นเราที่ยึดถือว่าเป็นเราที่โกรธ ควรละไหม เพราะ เป็นกิเลสที่ควรละก่อน คือ ความยึดถือธรรมว่าเป็นเรา เพราะฉะนั้นต้องเข้าใจความละเอียดจริงๆ ของพระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง

@ แค่ได้ยินคำว่าโกรธเข้าใจแค่ไหน ถ้าเป็นเราที่จะละความโกรธ เห็นโทษของความโกรธ แต่ ไม่ได้เข้าใจว่าไม่ใช่เรา จะละความโกรธได้อย่างไร เพราะ ไม่เข้าใจพระธรรม ไม่ได้เข้าใจว่าไม่ใช่เรา ไม่ได้เข้าใจว่าเป็นธรรม

@ เลือกไม่ได้ พยายามที่จะกดทับไม่ได้ แต่ธรรมที่เกิดแล้ว ปัญญาที่เห็นถูก เข้าใจสิ่งที่เกิดแล้วว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา

@ ขณะใดก็ตามที่ได้เข้าใจพระธรรม ขณะนั้นเป็นบุญ และ บุญที่จะสะสมต่อไป

@ การจะละความโกรธ และ ไม่ใช่เฉพาะความโกรธ กิเลสทุกอย่าง คือ เข้าใจถูกว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา

@ อ่านพระธรรม แต่อ่านเป็นคนนั้นคนนี้ แต่ไม่เข้าใจว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา ก็ไม่ชื่อว่ารู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

@ ถ้าไม่รู้จักธรรม ก็ไม่รู้จักความเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีแต่อ่านแล้วก็เข้าใจแต่ชื่อว่า พระพุทธเจ้าตรัสกับพราหมณ์ผู้นี้ แต่แท้ที่จริง พระพุทธองค์ตรัสรู้ความจริงในสภาพธรรมในขณะนี้

@ การศึกษาธรรมจริงๆ คือ ศึกษาที่เข้าใจว่าธรรมเป็นธรรมไม่ใช่เรา ดั้งนั้นการศึกษาธรรมไม่ใช่อ่านแล้วเอาไปคิดเอง แต่ อ่านแล้วเข้าใจความจริงว่าธรรม คือ อะไร

@ ถ้าไม่รอบรู้ แม้แต่คำว่า ธรรม คืออะไร อ่านธรรมก็เป็นคนนั้นคนนี้ เป็นเราที่โกรธ เป็นเราที่ไม่โกรธ เป็นเราที่จะละความโกรธ ก็ไม่สามารถเข้าใจธรรมได้จริงๆ

@ ไม่ควรที่จะโกรธตอบคนอื่น คนพูดก็มีกิเลส เพราะฉะนั้น จะละกิเลสได้อย่างไร ถ้าไม่มีปัญญาที่เข้าใจถูกว่าโกรธเป็นธรรมไม่ใช่เรา

@ ฟังแต่ละคำ เข้าใจด้วยปัญญา แม้แต่เรื่องความโกรธว่าเป็นแต่เพียงธรรมไม่ใช่เรา แต่ถ้าเข้าใจว่า โกรธเป็นเราที่โกรธ เป็นเราที่ไม่โกรธ เป็นเราที่จะละความโกรธ เป็นเราที่จะไม่โกรธตอบ

@ การศึกษาพระสูตรผิดมีโทษ เพราะ เข้าใจว่า มีเราที่จะละความโกรธ มีเราที่จะทำ ละกิเลส เพราะฉะนั้น การศึกษาพระธรรมต้องเป็นผู้ละเอียดรอบคอบ

@ การศึกษาธรรมต้องตามลำดับขั้น จะไม่ให้มีความโกรธไม่ได้ ตราบใดที่ยังมีเรา แต่ กิเลสจะละเป็นไปตามลำดับได้ ด้วยการละความเป็นเรา

@ เดี๋ยวนี้กำลังลืมหรือเปล่า ลืมในขณะนี้ว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา เพราะฉะนั้นจึงเป็นผู้หลงลืมเป็นปกติ

@ การศึกษาพระธรรมต้องศึกษาให้ละเอียด ต้องเข้าใจถูกว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา จึงละความโกรธได้ ไม่เช่นนั้น ก็เป็นตัวเราที่จะละความโกรธ เป็นเราที่เห็นโทษของความโกรธ แต่ไม่สามารถละความโกรธได้เลย เพราะ ไม่ใช่หนทางละความโกรธและกิเลสอื่นๆ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
khampan.a
วันที่ 12 ธ.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
chamaikorn
วันที่ 12 ธ.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาคะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
pulit
วันที่ 12 ธ.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
ปาริชาตะ
วันที่ 12 ธ.ค. 2558

สาธุ กราบขอบพระคุณค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
jirat wen
วันที่ 12 ธ.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่ 12 ธ.ค. 2558

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
thilda
วันที่ 12 ธ.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
napapongsumran
วันที่ 12 ธ.ค. 2558

กราบอนุโมทนาสาธุค่ะขอบพระคุณมากค่ะที่เผยแพร่พระธรรมให้ได้เข้าใจเพิ่มขึ้น

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
peem
วันที่ 12 ธ.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
ํํญาณินทร์
วันที่ 13 ธ.ค. 2558

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
siraya
วันที่ 14 ธ.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
j.jim
วันที่ 14 ธ.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
Noparat
วันที่ 14 ธ.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
worrasak
วันที่ 16 ธ.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
wannee.s
วันที่ 17 ธ.ค. 2558

@ เดี๋ยวนี้กำลังลืมหรือเปล่า ลืมในขณะนี้ว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา เพราะฉะนั้นจึงเป็นผู้หลงลืมเป็นปกติ

อนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 16  
 
nong
วันที่ 29 ธ.ค. 2558

ดีมากๆ ค่ะ ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 17  
 
kukeart
วันที่ 10 มิ.ย. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 18  
 
Komsan
วันที่ 23 เม.ย. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 19  
 
Somporn.H
วันที่ 14 มิ.ย. 2561

การศึกษาพระธรรมต้องเป็นผู้ละเอียด

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 20  
 
เจียมจิต
วันที่ 13 ส.ค. 2561

กราบอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 21  
 
kullawat
วันที่ 9 ต.ค. 2562

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 22  
 
chatchai.k
วันที่ 10 พ.ย. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ