เข้าใจธรรมะที่ถูกต้องจริงหรือ?
ธรรมะคือ
จิตคือ
ขันธ์ ๕ คือ
นิพพานคือ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
» พระธรรมของพระพุทธเจ้าที่ทรงแสดง ละเอียด ลึกซึ้งครับ แม้แต่คำว่า ธรรม คำว่าธรรมชาติ พระธรรมที่พระองค์ทรงแสดง ไม่ได้มีกล่าวไว้ว่า ธรรม คือ ธรรมชาติ พระองค์ทรงแสดง คำว่า ธรรม คือ สภาพธรรมที่มีจริงทั้งหมด และคำว่า ธรรม ยังมีความหมายกว้าง แม้สิ่งที่ไม่มีจริงที่เป็นบัญญัติ เช่น ต้นไม้ ภูเขา ก็เป็นธรรมที่เป็นบัญญัติธรรม ดังนั้นคำว่า ธรรมจึงมีหลายความหมาย และกว้าง รวมที่สภาพธรรมที่มีจริง ที่เป็น จิต เจตสิก รูปและสิ่งที่ไม่มีจริงด้วยครับ แต่โดยความมุ่งหมาย เมื่อเรากล่าวถึงคำว่า ธรรมตามที่พระองค์ทรงแสดง ก็มุ่งหมายถึงสิ่งที่มีจริงนั่นเองครับ ส่วนคำว่าธรรมชาติตามที่ชาวโลกเข้าใจกันก็คือ ต้นไม้ ภูเขา ทุกๆ สิ่งๆ แต่ชาวโลกไม่ได้รู้สัจจะความจริงว่า มีสิ่งที่มีจริงที่เป็นนามธรรมและรูปธรรมด้วยจึงสำคัญว่าทุกสิ่งเป็นธรรมชาติก็คือบัญญัติต่างๆ ที่เป็นเรื่องราว เช่น บ้าน คน สัตว์ ต้นไม้ ภูเขา ดังนั้น เมื่อได้ยินใครกล่าวว่า ธรรม คือ ธรรมชาติ นั่นก็ไม่ตรงไม่ถูกต้อง เพราะ ธรรม หมายถึงสิ่งที่มีจริงที่เป็นนามธรรม และรูปธรรม ที่เป็น จิต เจตสิก รูป และนิพพาน ด้วย ไม่ใช่ ธรรม คือ ธรรมชาติที่เป็น ต้นไม้ ภูเขา สัตว์ สิ่งของ ที่เป็นบัญญัติเท่านั้นครับ
» จิต คือ สภาพธรรมที่มีจริงเป็นนามธรรม เป็นใหญ่ในการรู้
» ขันธ์ หมายถึง สภาพธรรมที่ทรงไว้ซึ่งความว่างเปล่า เกิดเพราะเหตุปัจจัย แล้วก็ดับไป ไม่เที่ยงไม่ยั่งยืน ขันธ์ ทั้งหมด มี ๕ ได้แก่ รูปขันธ์ (รูปทั้งหมด) เวทนาขันธ์ (ความรู้สึก) สัญญาขันธ์ (ความจำ) สังขารขันธ์ (ได้แก่เจตสิก ๕๐ มี ผัสสะเจตนา เป็นต้น) และวิญญาณขันธ์ ได้แก่ จิตทั้งหมด ดังนั้น ขันธ์ มี ๕ ไม่ขาดและไม่เกิน
» นิพพาน คือ พระนิพพานเป็นสภาพธรรมที่มีจริง แน่นอนครับว่า นิพพานต้องเป็นพระนิพพานไม่เป็นอย่างอื่น คือ ไม่เป็น จิต เจตสิกและรูป แต่พระนิพพาน เป็นสภาพธรรมที่ไม่มีปัจจัยปรุงแต่ง คือ ไม่มี จิต เจตสิกและรูป จึงไม่เกิดขึ้นและดับไปเลย เป็นสภาพธรรมที่เที่ยง และเป็นสภาพธรรมที่เป็นสุขด้วย แต่ที่สำคัญ พระนิพพาน แม้จะเที่ยง เป็นสุขแต่พระนิพพานก็เป็นอนัตตาด้วย ไม่ใช่อัตตา เพราะพระนิพพาน เป็นสภาพธรรมที่สูญสูญในที่นี้ไม่ไ่ด้หมายความว่าไม่มีอะไรเลย แต่สูญ จากความเป็นสัตว์ บุคคล คือ ไม่มีเรา ไม่มีสัตว์บุคคลให้ยึดถือในพระนิพพาน พระนิพพานจึงไม่ใช่สัตว์ บุคคล แต่เป็นสภาพธรรมที่มีจริง และที่สำคัญ บังคับบัญชาไม่ได้ด้วยครับจึงเป็นอนัตตา ตามที่กล่าวมา ไม่ใช่อัตตา ดังนั้น เรียกพระนิพพานว่าพระนิพพานได้ และพระนิพพานก็เป็นอนัตตาด้วยครับ
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
» ไม่พ้นจากขณะนี้ สิ่งที่มีจริงๆ เป็นธรรม ไม่ว่าจะเป็นเห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รู้สิ่งที่กระทบสัมผัส คิดนึก ความดี ความชั่ว เป็นต้น เป็นสิ่งที่มีจริงๆ ที่ใครๆ ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงลักษณะให้เป็นอย่างอื่นได้ ธรรมไม่ได้อยู่ในตำรา แต่มีจริงในขณะนี้
» จิต เป็นธรรมที่มีจริง เป็นสภาพธรรมที่น้อมไปสู่อารมณ์ เป็นใหญ่เป็นประธานในการรู้แจ้งอารมณ์ ทุกขณะไม่เคยขาดจิต จิตขณะหนึ่งเกิดแล้วดับไป เป็นปัจจัยให้จิตขณะต่อไปเกิดสืบต่อทันที และจิตแต่ละขณะที่เกิดขึ้นก็มีเจตสิกธรรม (สภาพธรรมที่เกิดประกอบกับจิต) เกิดร่วมด้วย ตามควรแก่จิตขณะนั้นๆ
» ขันธ์ ๕ คือ ขณะนี้ จิต เจตสิก และ รูปเป็นขันธ์ เป็นสภาพธรรมที่เกิดเพราะเหตุปัจจัย แล้วก็ดับไป ไม่เที่ยงไม่ยั่งยืน
» พระนิพพาน เป็นสภาพธรรมที่มีจริงอย่างหนึ่ง เป็นสภาพธรรมที่ดับทุกข์ดับกิเลส ไม่เกิดไม่ดับ เป็นสภาพธรรมที่ตรงกันข้ามกับสภาพธรรมที่เกิดดับอย่างสิ้นเชิง ผู้ที่จะประจักษ์แจ้งในพระนิพพานได้ต้องเป็นพระอริยบุคคลเท่านั้น
จะเข้าใจธรรมอย่างถูกต้องตรงตามความเป็นจริง ไม่ใช่ด้วยการคิดเอาเอง แต่ต้องได้ฟังพระธรรมศึกษาพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงค่อยๆ สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปทีละเล็กทีละน้อย ไม่ขาดการฟังพระธรรมเป็นปกติในชีวิตประจำวัน ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...