บุตรเศรษฐีผู้ประมาท - สนทนาธรรมที่ไซ่ง่อน 02/01/2559

 
kanchana.c
วันที่  3 ม.ค. 2559
หมายเลข  27340
อ่าน  1,826

วันนี้สนทนาธรรมกลุ่มย่อยนอกรอบตอนเช้าเวลา 8:15 กับพระและผู้สนใจอื่นๆ ท่านอาจารย์ทานมะม่วงน้ำปลาหวานและเครื่องดื่มร้อนๆ เป็นอาหารเช้าในห้องแล้วไปห้องประชุมแต่เช้าก่อนแปดโมงตามลำพังกับคุณสุนดารา ชาวนิวซีแลนด์ พวกเรายังรับประทานเช้าอยู่เพราะนัดไว้ตอนแปดโมง ไปทำหน้าที่ไม่ทันเป็นครั้งที่สอง สมควรถูกไล่ออกจริงๆ แต่ตอนนี้ไม่มีตัวแทนจึงยังไล่ออกไม่ได้ ต้องให้ทำหน้าที่ต่อไป

เมื่อตามไปที่ห้องประชุมจึงเห็นผู้ร่วมสนทนากลุ่มใหญ่ ไม่ใช่กลุ่มย่อยนั่งล้อมรอบท่านอาจารย์ที่นั่งอยู่ด้านหลังห้องประชุม ต่างคนตั้งใจฟังทั้งๆ ที่ต้องแปลกลับไปกลับมาจากภาษาอังกฤษเป็นเวียดนาม ช่างมีศรัทธาเห็นคุณค่าของการได้ยินได้ฟังธรรมรัตนะจริงๆ เหมือนคนจนเมื่อได้ข่าวว่า มีผู้นำสิ่งของมีค่ามาให้ต่างก็ร่าเริงยินดีมาคอยรับแม้จะต้องเดินทางมาที่ไกลๆ

นึกถึงพวกเราที่มีโอกาสได้ศึกษาพระธรรมในภาษาของตัวเอง จะฟัง จะอ่าน จะสอบถามเวลาไหนก็ได้ ทั้งทางวิทยุและโทรทัศน์ซึ่งออกอากาศทุกวัน วันละหลายเวลา รวมทั้งหนังสือและเว็บไซต์ แต่เหมือนบุตรเศรษฐีผู้ประมาท ไม่ค่อยได้ฟังมากเท่าที่ควร เพราะคิดว่าฟังเมื่อไรก็ได้ อ่านเมื่อไรก็ได้ ปล่อยให้เวลาผ่านไปด้วยการคุยเล่นสนุกสนานเวลาไปฟังธรรมที่มูลนิธิ หรือเวลาไปธรรมสัญจรนอกสถานที่ก็ไปสัญจรอย่างเดียว หาได้ไปฟังธรรมไม่ นี่คือตัวดิฉันเองบางครั้ง ไม่บังอาจไปพาดพิงถึงใครค่ะ คิดว่าตัวเองเป็นลูกสาวเศรษฐี เลยไม่หาทรัพย์ คือ ธรรมรัตนะมาเก็บสะสมไว้ใช้สอยทั้งในชาตินี้และชาติต่อๆ ไป ด้วยการฟังและพิจารณาธรรมที่ได้ยินได้ฟังให้เข้าใจมากขึ้นว่า ไม่ใช่เรา ไม่ใช่สิ่งหนึ่งสิ่งใด เป็นเพียงธรรมแต่ละหนึ่งอย่างไร

ตอนเช้าคุณนีน่าพูดถึง อารัมมณปัจจัย คือ แต่ละขณะที่เห็นรูปทางตา ได้ยินเสียงทางหู ฯลฯ ซึ่งเป็นเพียงสภาพธรรมแต่ละหนึ่งที่เกิดปรากฏเพราะเหตุปัจจัย แต่เราสับสนเพราะรวมทุกอย่างไว้ด้วยกัน จึงติดข้องว่าเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด เป็นเรา แต่ยากที่จะรู้ว่าเป็นเพียงสิ่งที่ปรากฏให้รู้เพราะเกิดแล้ว ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา เพราะยังไม่รู้ ยังไม่เข้าใจพอ จึงฟังแล้วก็ลืมว่า เป็นธรรมะ ไม่ใช่เรา แต่ไม่มีใครพยายามจำหรือทำอะไรได้ จึงต้องอดทนฟัง พิจารณามากขึ้น พระพุทธเจ้าไม่ทรงสอนสิ่งที่พิสูจน์ไม่ได้

- อารมณ์ที่เป็นอารัมมณปัจจัยต้องเป็นปรมัตถธรรม ไม่ใช่บัญญัติ

- ไม่สามารถเห็นวิบาก เพราะเป็นจิต เห็นเป็นวิบาก สัมปฏิจฉันนะ สันตีรณะเป็นวิบาก แล้วจึงเป็นชวนะ กุศลหรืออกุศล ซึ่งยากจะรู้เพราะจิตเกิดดับเร็วมาก

ถ. ธรรมมีมากมาย ทำไมจึงมีเหตุแค่ 6

ส. ถ้าไม่ใช่สภาพธรรมซับซ้อนสับสนมาก ปัญญาเป็นสภาพธรรมเช่นกัน ไม่เข้าใจสภาพธรรมตามความเป็นจริงก็เป็นเหตุทำให้ติดข้องมากขึ้น เห็นว่าเที่ยง เป็นสุข เป็นเรา เป็นเหตุที่เป็นโมหเจตสิก เป็นเหตุให้เกิดอกุศลอื่นๆ

- เพราะโมหะและโลภะ ทำให้ชีวิตสืบต่อไม่สิ้นสุด จากชาตินี้ไปชาติหน้า
- แต่ละคำของพระพุทธเจ้าเป็นคำจริงของสภาพธรรมที่ลึกซึ้งยากจะเข้าใจ เช่น เห็นเดี๋ยวนี้ โมหะและโลภะทำให้เป็นเราเห็น ทั้งที่เห็นเป็นธรรมะตั้งแต่เกิดจนตาย ขณะแรกของชีวิตคือขณะเกิด เป็นธรรมะ ไม่ใช่ใคร ไม่ใช่ของใคร แต่ละคนต่างกัน เพราะจิตที่สะสมมาเนิ่นนานจากชาติหนึ่งไปอีกชาติหนึ่ง จากกัปหนึ่งไปอีกกัปหนึ่งต่างกัน

- คำแรกที่ทรงสอน คือ ธรรม ทุกอย่างเป็นธรรมะ จึงไม่ใช่แค่เหตุ ๖

- โมหะไม่สามารถเข้าใจสภาพธรรมแต่ละขณะได้ว่า เป็นธรรมะ แต่เห็นเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด เป็นเรา

- ทั้งจิต เจตสิก รูป เกิดดับทุกขณะ ถ้าคำสอนไม่สามารถทำให้ละคลายความไม่รู้ ความติดข้องได้ ก็ไม่ได้รับประโยชน์จากคำสอนเลย

- เริ่มต้นเข้าใจคำสอนด้วยการรู้ว่า สภาพธรรมเกิดขึ้นทีละ ๑ ขณะ

- เหมือนฟังธรรมในฝัน เมื่อตื่นขึ้นก็หายไป เพราะเพียงคิดเมื่อได้ยิน ทั้งชีวิตเหมือนฝันว่า มีคน มีเรา ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วไม่มีอะไรเลย

- ความเข้าใจจึงมี ๓ ระดับ ปริยัติ ไม่ใช่เพียงฟัง แต่จำได้ รู้ทั่วถึงคำสอนว่า เป็นธรรมะ ไม่ใช่เรา จนความเข้าใจทำกิจรู้เฉพาะสิ่งที่กำลังปรากฏ

- ปฏิปัตติ ไม่ใช่ทำสมาธิ แต่อบรมเจริญปัญญาทีละเล็กทีละน้อย เป็นปัญญาเจตสิกที่เข้าใจถูกตามความเป็นจริง

- เริ่มเข้าใจว่า อยู่คนเดียวกับอารมณ์ที่ปรากฏ

- คำสอนของพระพุทธเจ้าไม่ได้ให้ทำอะไร แต่ให้เข้าใจเดี๋ยวนี้ ถ้าไม่มีปริยัติ ปฏิปัตติ ก็ไม่มีการประจักษ์แจ้ง ปฏิเวธ ซึ่งต้องอาศัยบารมีที่เกิดจากกุศลที่ประกอบด้วยปัญญาเพิ่มขึ้นๆ

- พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมถึง ๔๕ พรรษาเรื่องเห็น ... ที่ กำลังปรากฏเดี๋ยวนี้ว่า เห็นเป็นเห็น ก่อนเห็นไม่มีเห็น สิ่งที่ปรากฏต้องเกิดจึงปรากฏได้ ก่อนเห็นมีอะไร มีกระแสภวังค์เกิดดับสืบต่อแล้วมีจิตเห็น ได้ยิน .. เกิดสลับเมื่อจิตกระทบกับรูปารมณ์ เสียง กลิ่น รส สัมผัส

ถ. ต้องเรียนคำสอนของพระพุทธเจ้าก่อนหรือปฏิบัติเลย?

นีน่า ถามวิธีว่าทำอย่างไร แสดงถึงความไม่รู้และติดข้อง ท่านอาจารย์เตือนให้รู้ว่า ที่ถามนั้นเพราะอะไร ไม่มีใครสามารถตอบให้เข้าใจได้แจ่มแจ้งได้ นอกจากจะพิจารณาและประจักษ์แจ้งด้วยตัวเอง

จอน ต้องฟัง พิจารณาให้เข้าใจ แล้วความเข้าใจจะทำกิจปฏิบัติเอง

ถ. ในพุทธศาสนาสอนให้สวดมนต์เพื่อรักษาคำสอน?

ซาราห์ สวดแล้วต้องเข้าใจด้วย

จอน จะรักษาศาสนาให้คงอยู่ได้ด้วยความเข้าใจ

ไปรับประทานกลางวันที่ร้านอาหารซีฟู้ดกลางเมืองไซ่ง่อนที่หรูหรา สะอาดและอร่อย ได้เห็นความตั้งใจในการจัดของคุณ Thai และคณะชมรมบ้านธัมมะเวียดนามที่ต้องการมอบสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับคณะธรรมทูตและผู้ติดตาม อยากจะอวยพรขอให้ได้รับแต่สิ่งดีๆ ที่ชีวิตต้องการ แต่รู้ว่า สิ่งดีๆ เหล่านั้นไม่ได้เกิดขึ้นเพราะการขอ แต่เกิดขึ้นเพราะกุศลจิตของท่านทั้งหลายเป็นเหตุให้ได้รับความเจริญทั้งทางโลกและทางธรรมอย่างแน่นอน

ระหว่างรับประทานอาหารกลางวัน ให้ Hang ฮั่ง สอนให้พูดภาษาเวียดนาม อย่างนับเลข 1 ถึง 10 ซึ่งจำแสนยาก บอกกี่ครั้งก็ลืม คุณมารศรีที่เคยติดตามสามี Mr. Peter ที่มาทำงานที่เวียดนามนานหลายปี จึงสอนให้จำอย่างนี้ว่า มด หาย ป้า บ่น หนำ ซ้ำ ตาม หา จน เมื่อย คือ ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ ลูกสาวเวียดนามฟังแล้วหัวเราะชอบใจ แสดงว่าเข้าใจ คงพอใช้ได้

ภาคบ่ายไปตลาดตามหาร้านขายเสื้อผ้าไหมปักที่เคยซื้อ แต่ไม่เจอ เวลาผ่านไปกว่า 2 ปี เมืองไซ่ง่อนเปลี่ยนไปมาก มีตึกใหญ่ๆ ที่ญี่ปุ่นกับเวียดนามลงทุนร่วมกันกำลังก่อสร้างมากมาย รวมทั้งรถใต้ดินด้วย ลูกสาวเศรษฐีผู้ประมาทบางคนก็พากันไปเที่ยวเล่นอีกตามเคย ปล่อยให้ลูกคนจนรับทรัพย์ฝ่ายเดียว เป็นไปตามการสะสมของแต่ละหนึ่งจริงๆ เปลี่ยนไม่ได้เพราะอยากเปลี่ยน จะเปลี่ยนได้เพราะเข้าใจขึ้นว่า พระธรรมมีค่าที่สุดในรัตนะทั้งหลาย ชาติหน้าอยากเป็นอย่างไรก็สร้างเหตุให้สมควรแก่ผลก็แล้วกัน ตัวใครตัวมันนะคะ

ปล. ได้ข่าวว่า เวียดนามบล็อคสัญญาณถ่ายทอดสดแล้ว คงเพื่อความมั่นคงปลอดภัย สงสารคุณยุพินที่ได้ฝึกซ้อมหัดทำกับคุณเอ็ม วรศักดิ์ ลงทุนซื้อและแบกหามอุปกรณ์ต่างๆ มาเพื่องานนี้โดยเฉพาะ ไม่เป็นไรน้อง กุศลที่ทำแล้วไม่หายไปไหน สะสมอยู่ในจิต ที่เห็นได้ชัด คือ น้องทำได้แล้วและได้ทำแล้วด้วย ขออนุโมทนาค่ะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
peem
วันที่ 3 ม.ค. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
Tommy9
วันที่ 3 ม.ค. 2559

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
j.jim
วันที่ 3 ม.ค. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
ปาริชาตะ
วันที่ 3 ม.ค. 2559

ขอบพระคุณ และอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
jirat wen
วันที่ 3 ม.ค. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
ปวีร์
วันที่ 3 ม.ค. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
panasda
วันที่ 3 ม.ค. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
wirat.k
วันที่ 4 ม.ค. 2559

"สิ่งดีๆ เหล่านั้นไม่ได้เกิดขึ้นเพราะการขอ แต่เกิดขึ้นเพราะกุศลจิตของท่านทั้งหลาย เป็นเหตุให้ได้รับความเจริญทั้งทางโลกและทางธรรมอย่างแน่นอน"

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
Guest
วันที่ 4 ม.ค. 2559

กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
ํํญาณินทร์
วันที่ 7 ม.ค. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
nong
วันที่ 8 ม.ค. 2559

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
papon
วันที่ 8 ม.ค. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
chatchai.k
วันที่ 11 พ.ย. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
Kalaya
วันที่ 15 พ.ย. 2563

ให้ชีวิตคือทุกขณะสะสมที่ชวนะที่แล่นไปค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ