จนกว่าจะพบกันใหม่ - วันสุดท้ายที่ไซ่ง่อน 7/1/2559

 
kanchana.c
วันที่  9 ม.ค. 2559
หมายเลข  27360
อ่าน  1,700

สนทนาธรรมวันสุดท้ายที่ไซ่ง่อน 7/1/2559

ไม่เคยเข้าร่วมสนทนาธรรมนอกรอบในตอนเช้าเลย ทราบมาว่า พระภิกษุเปิดตำราอภิธรรมถามท่านอาจารย์เรื่องปัจจัย ถามธรรมชั้นสูงที่ยากที่สุดเลย ถึงเข้าร่วมก็คงฟังไม่รู้เรื่อง

คนฟังยังหนาแน่นเหมือนเดิม แม้จะสนทนาธรรมติดต่อกันเป็นวันที่ 6 แล้ว คนเก่าหลายคนต้องกลับไปทำงาน แต่ก็มีคนใหม่ๆ ที่ไม่เคยเห็นหน้ามาเพิ่ม ที่เวียดนามมีการสนทนาธรรมออนไลน์อาทิตย์ละ 3 วัน อาจารย์ตั้มบัคแข็งขันจริงๆ เธอมีบุคคลิกเหมาะกับเป็นอาจารย์สอนธรรม ดูนิ่ง เย็น มีเมตตา มีคุณธรรม อ่อนน้อม ไม่ยกตนข่มผู้อื่นว่ารู้มากกว่า และมีเสียงเพราะ นุ่มนวล ชัดเจน สมกับที่ได้รับสมญาว่า อาจารย์สุจินต์เวียดนาม จริงๆ

ยังคงมีคำถามเกี่ยวกับการทำสมาธิ เพราะส่วนใหญ่เคยทำสมาธิแบบมหายานกันมาก่อนเป็นเวลานานหลายปี หลายคนเดินทางไกลไปประเทศต่างๆ เพื่อแสวงหาอาจารย์สอนสมาธิ ไปพม่าบ้าง ไต้หวันบ้าง อินเดีย ธิเบต ศรีลังกา จึงยากที่จะไถ่ถอนความเห็นผิดที่คิดว่า ต้องทำสมาธิเท่านั้นจึงจะรู้แจ้งในคำสอนได้ แต่เพราะอยากเข้าใจว่าที่ถูกเป็นอย่างไร จึงมานั่งฟังติดต่อกันถึง 6 วัน และถามปัญหาแง่มุมต่างๆ ถ้าไม่ใช่ท่านอาจารย์สุจินต์คงตอบยาก แต่ท่านอาจารย์มีความรอบรู้ในปริยัติและมีปฏิภาณไหวพริบ จึงตอบได้ตรงจุด ทำให้ผู้ถามและผู้ติดตามที่หลับๆ ตื่นๆ อย่างเราเข้าใจได้ แม้จะไม่ถึงขั้นหงายของที่คว่ำ เปิดของที่ปิด บอกทางกับคนหลงทาง ซึ่งเป็นขั้นวิปัสสนาญาณก็ตาม

อย่างถามว่า ที่กล่าวว่า ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา การทำสมาธิก็เป็นอนัตตาด้วย แล้วกล่าวว่าเป็นอัตตาได้อย่างไร ท่านอาจารย์ตอบว่า มีธรรมต่างกัน 2 อย่าง คือ อวิชชากับปัญญา อวิชชาไม่รู้ว่า ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา แต่ปัญญารู้ตามความเป็นจริง ไปทำสมาธิรู้หรือไม่ว่า ทำด้วยอัตตาที่เลือกจะทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดเพื่อให้รู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริง ถ้าไม่เข้าใจมั่นคงในความเป็นอนัตตาก็ไม่สามารถรู้ได้

ผู้ถาม ในครั้งพุทธกาลพระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมตามจริตของผู้ฟังทำให้รู้แจ้งแริยสัจธรรมได้ ตอนนี้จะรู้ว่าใครมีจริตอย่างไร

ส. นอกจากพระพุทธเจ้าแล้ว ไม่มีใครรู้ความคิดของคนอื่น ใครคิดถึงสิ่งใดบ่อยๆ นั่นคือจริตหรือสิ่งที่สะสมมาจนเคยชินติดข้อง บางทีก็ติดข้องในความสนุกสนานเพลิดเพลิน บางทีก็ขุ่นเคืองใจ บางทีก็สนใจฟังพระธรรม ไม่แน่นอนเปลี่ยนไปมา จึงต้องฟังธรรมให้เข้าใจว่า มีเพียงโลก 6 โลกที่ปรากฏให้รู้ได้ทีละ ๑ คือ โลกทางตา เห็นสิ่งต่างๆ ที่ปรากฏให้เห็นได้ โลกทางทางหู ได้ยินเสียงต่างๆ โลกทางทางจมูก ได้กลิ่นต่างๆ โลกทางลิ้นรู้รสต่างๆ โลกทางกายกระทบสัมผัสเย็น ร้อน อ่อน แข็ง ตึง ไหว และโลกทางใจคิดนึกถึงสิ่งต่างๆ ที่ปรากฏแล้ว โดยเฉพาะสิ่งที่ติดข้องต้องการ หมุนเวียนจากโลกหนึ่งไปสู่อีกโลกหนึ่ง จากทางตา ไปทางหู ไปทางจมูก ไปทางลิ้น ไปทางกาย ไปทางใจ จากขณะหนึ่งไปสู่อีกขณะหนึ่ง จากวันหนึ่งไปสู่อีกวันหนึ่ง จากชาติหนึ่งไปสู่อีกชาติหนึ่งในความมืด ด้วยความไม่รู้เหมือนอยู่ในความฝันที่เมื่อตื่นขึ้นแล้วไม่มีอะไรเลย จนกว่าจะได้ยินได้ฟังคำสอนของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าและเข้าใจว่า แท้ที่จริงแล้วไม่มีเรา มีแต่ธรรมที่เกิดดับ เป็นอนัตตาตามที่ทรงแสดงไว้ ค่อยๆ เข้าใจขึ้น ไม่ใช่ฟังแล้วรู้ว่า เห็นเป็นเห็นทันที ไม่ใช่เราเห็น เพราะนั่นเป็นพระปัญญาของพระพุทธเจ้าและพระสาวกที่สะสมปัญญาบารมีมามากแล้ว

ได้ยินว่า เมื่อท่านอาจารย์มาสนทนาที่เวียดนาม หลายคนก็ติดตามมาฟังและเริ่มเข้าใจ แต่เมื่อไม่มีท่านอาจารย์ก็ไปสำนักปฏิบัติเพื่อนั่งสมาธิอีก ช่างเหมือนกับสหายของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีในครั้งพุทธกาล ที่เมื่อพระพุทธเจ้าไม่ได้ประทับที่พระวิหารเชตวันก็พากันไปเคารพนับถือเดียรถีย์ปริพาชก คงเพราะยังไม่มีความเข้าใจมั่นคงในคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ให้เดินทางสายกลาง คือ อบรมเจริญปัญญา ไม่ใช่ทางสุดอีก 2 อย่าง คือ ทรมานตนให้ลำบากกับเพลิดเพลินในกามสุขจนประมาทในการอบรมเจริญปัญญา ตามที่ทรงแสดงไว้ในปฐมเทศนา ธัมมจักกัปปวตนสูตร

จบการสนทนาธรรมวันสุดท้ายสำหรับในไซ่ง่อน ไม่ยืดเยื้อต่อเวลาออกไปเหมือนทุกวัน เพราะหลายคนรวมทั้งอาจารย์ตั้มบัคต้องกลับภูมิลำเนาตามกำหนดเวลา แต่เมื่อจบการสนทนาแล้วก็ยังมีอีกหลายท่านมามอบของขวัญและขอถ่ายภาพกับท่านอาจารย์เป็นที่ระลึกมากมาย รวมทั้งมอบภาพขาดใหญ่ 2 ภาพ ภาพหนึ่งแม่ชีวาดเองเป็นภาพพระพุทธเจ้าใส่กรอบที่มีไฟเปลี่ยนสีได้ และอีกภาพหนึ่งใหญ่กว่ามาก เป็นผ้าปักครอสติชท์ภาพพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าประทับนั่งใต้ต้นโพธิ์ในคืนตรัสรู้ในกรอบขนาดใหญ่ที่มีไฟประดับ ที่แม่ชีอีกคนหนึ่งทำเองเหมือนกัน เห็นแล้วหนักใจในการขนส่งมาก แต่ผู้มอบยืนยันว่าจะจัดการห่อส่งขึ้นเครื่องบินเรียบร้อย เพราะเคยถวายไปพม่าแล้ว ขออนุโมทนาในกุศลแบบหนักๆ นี้นะคะ

การสนทนาธรรมครั้งนี้มีความพร้อมมากกว่าทุกครั้ง คงเพราะทีมงานผู้แข็งขันมีประสบการณ์มากขึ้น ทราบว่ามีกองทุนในการจัดสนทนาธรรมจากผู้บริจาค ค่าห้องประชุมวันละประมาณ 10 ล้านด่อง (15,000 บาท) รวม 6 วัน มีกองทุนสำหรับค่าเดินทาง ค่าที่พักและอาหารสำหรับพระภิกษุและแม่ชี กองทุนพิมพ์หนังสือ พร้อมกับมีการถ่ายทอดสดการสนทนาออนไลน์ทั้งจากชมรมบ้านธรรมเวียดนาม และไทยที่น้องยุพินลงทุนซื้ออุปกรณ์ต่างๆ แบกไปเวียดนาม ถ่ายทอดสดโดยมีคุณมารศรีเป็นผู้ช่วย คุณเอ็ม วรศักดิ์ช่วยอยู่เมืองไทย คุณแอ๊ว ฟองจันทร์ช่วยเผยแพร่ต่อ สำหรับงานเขียน มีช่างภาพสมัครเล่นหลายคน เช่น รศ.สงบ เชื้อทอง คุณมารศรี เป็นต้น ช่วยถ่ายภาพส่งไปให้คุณวันชัย ภู่งาม ใส่ภาพประกอบเรื่อง และผู้ติดตามท่านอาจารย์ทุกท่าน คุณพี่จี๊ด ท่านนพดล รศ.สงบ คุณกฤษณา คุณเผ่าทิพย์ ที่ช่วยกันคนละไม้คนละมือตามความสามารถ ขอบคุณและอนุโมทนาที่ช่วยกันเจริญกุศลด้วยการเผยแพร่พระธรรมที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ดีแล้วโดยท่านอาจารย์ให้ผ่านไปได้ด้วยดี

ร่ำลากันแล้วก็นัดพบกันใหม่ในเดือนเมษายนที่ญาจาง และเดือนตุลาคมที่ฮานอย

See you again. จนกว่าจะพบกันใหม่ค่ะ

พลอากาศตรีหญิง กาญจนา เชื้อทอง รายงานแดดเดียวจากมุยเน่ เวียดนาม


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
j.jim
วันที่ 9 ม.ค. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
ปาริชาตะ
วันที่ 9 ม.ค. 2559

กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
Boonyavee
วันที่ 9 ม.ค. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
panasda
วันที่ 9 ม.ค. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
kullawat
วันที่ 10 ม.ค. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
s_sophon
วันที่ 10 ม.ค. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
prasitkhotchakhot
วันที่ 10 ม.ค. 2559

อ่านแล้วครับ เวลาอ่านรู้สึกเหมือนกำลังฟังเสียงอาจารย์สุจินต์พูดเลยครับ ไม่ทราบว่าเป็นเพราะคนรายงานเขียนเก่งหรือเปล่า!

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
prasitkhotchakhot
วันที่ 10 ม.ค. 2559

เมื่อพระพุทธเจ้าไม่ได้ประทับที่พระวิหารเชตวันก็พากันไปเคารพนับถือเดียรถีย์ปริพาชก คงเพราะยังไม่มีความเข้าใจมั่นคงในคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ให้เดินทางสายกลาง คือ อบรมเจริญปัญญา ไม่ใช่ทางสุดอีก 2 อย่าง คือ ทรมานตนให้ลำบากกับเพลิดเพลินในกามสุขจนประมาทในการอบรมเจริญปัญญา ตามที่ทรงแสดงไว้ในปฐมเทศนา ธัมมจักกัปปวตนสูตร

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
ํํญาณินทร์
วันที่ 10 ม.ค. 2559

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
siraya
วันที่ 11 ม.ค. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
ปวีร์
วันที่ 11 ม.ค. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
khampan.a
วันที่ 12 ม.ค. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
orawan.c
วันที่ 21 ม.ค. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
mon-pat
วันที่ 25 ม.ค. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
chatchai.k
วันที่ 29 ม.ค. 2564

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ