เจตสิก เป็น สังขารขันธ์ ไหมครับ

 
Adison
วันที่  27 ม.ค. 2559
หมายเลข  27397
อ่าน  2,567

ขอนอบน้อมแด่องค์สมเด็จพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

เจตสิก คือ สังขารขันธ์ ที่ต้นสายของปฏิจจสมุปบาท ไหมครับ ถ้าใช่ แล้ว ผัสสะ กับเวทนา ที่เกิดกลางสายของปฏิจจสมุปบาท ใช่เจตสิกไหมครับ แล้วทำไม ผัสสเจตสิกถึงเกิดร่วมกับจิต (วิญญาณขันธ์) ได้ครับ ทั้งที่อยู่ต้นสายครับ

เรียนท่านผู้รู้ แก้ความสงสัยของผมด้วยครับ ด้วยความเคารพ ครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 27 ม.ค. 2559

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

สำคัญที่การตั้งต้นจริงๆ ว่า เจตสิก คือ อะไร เจตสิก เป็นนามธรรมที่รู้อารมณ์ โดยเกิดประกอบพร้อมกับจิต ไม่พ้นจากขณะนี้เลย ทุกขณะของจิตที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นวิถีจิต หรือ ไม่ใช่วิถีจิต อย่างที่กล่าวถึงภวังคจิต (ไม่ใช่วิถีจิต) นั้น ก็มีเจตสิกเกิดร่วมด้วย ตามควรแก่ภวังคจิตขณะนั้นๆ จะเห็นได้ว่าจิตมีหลากหลายมาก เหตุประการหนึ่งที่ทำให้มีจิตหลากหลาย แตกต่างกันไป ก็เพราะเจตสิกธรรมที่เกิดร่วมด้วย เจตสิกบางประเภท เกิดกับจิตได้ทุกประเภท เจตสิกบางประเภท เกิดเรี่ยราย คือ เกิดกับกุศลจิตก็ได้ เกิดกับอกุศลจิต ก็ได้ เกิดกับวิบากจิต ก็ได้ เกิดกับกิริยาจิตก็ได้ เจตสิกบางประเภท เกิดได้เพียงกับอกุศลจิตเท่านั้น เกิดกับจิตชาติอื่นไม่ได้ เจตสิกบางประเภท เกิดได้เฉพาะกับจิตที่ดีงามเท่านั้น เกิดกับอกุศลจิตไม่ได้ ทั้งหมดนั้น ก็จะต้องค่อยๆ ฟังค่อยๆ ศึกษาไปตามลำดับจริงๆ และ ที่สำคัญ เป็นสภาพธรรมที่ไม่ใช่สัตว์บุคคล ตัวตน ไม่มีเราแทรกอยู่ในสภาพธรรมเหล่านั้นๆ เลย สังขารขันต์ เป็นเจตสิก ๕๐ ดวง ซึ่ง ผัสสะ และ เวทนา ต่างก็นเป็นเจตสิก ใน เจตสิก ๕๒ แต่ เวทนา เป็นเวทนาขันธ์ และ ผัสสะ เป็นสังขารขันธ์ซึ่งหากเข้าใจถูก ในสภาพธรรมที่เป็น จิต (วิญญาณขันธ์) เจตสิก จิตเกิดขึ้น จะต้องมีเจตสิกเกิดร่วมด้วยเสมอ นั่นคือ เมื่อจิตเกิดขึ้น จะต้องมีเวทนาเจตสิกและผัสสเจตสิกเกิดร่วมด้วยเสมอ ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 27 ม.ค. 2559

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ความเป็นจริงของธรรม เป็นจริงอย่างไรก็เป็นจริงอย่างนั้น และธรรมก็หลากหลายมาก ไม่พ้นไปจากจิต เจตสิก รูป และพระนิพพาน สิ่งที่มีจริงๆ ไม่พ้นไปจากธรรมเหล่านี้เลย เมื่อกล่าวถึงผัสสเจตสิก ก็เป็นสภาพธรรมที่มีจริงๆ เป็นเจตสิกธรรมที่เกิดกับจิตทุกขณะ ทุกประเภท ไม่มีเว้นเลย ไม่ว่าจะเป็นจิตประเภทใดก็ตาม จะไม่ปราศจากผัสสเจตสิกเลย เกิดขึ้นทำกิจหน้าที่กระทบกับอารมณ์ กล่าวคือ ถ้าจิตเกิดขึ้นรู้อารมณ์ใด ผัสสะก็กระทบอารมณ์นั้นๆ ที่จิตรู้ ขณะที่เห็น ก็มีผัสสะเกิดร่วมกับจิตเห็น เป็นชาติวิบาก คือ เป็นผลของกรรม และถ้าเกิดความติดข้องยินดีพอใจ ขณะนั้นก็มีผัสสะเกิดร่วมกับอกุศลจิตที่มีโลภะเกิดร่วมด้วย ผัสสะในขณะนั้น ก็เป็นชาติอกุศล เป็นสภาพที่ปรุงแต่งจิต ถ้าเจตสิกไม่เกิด จิตก็เกิดขึ้นไม่ได้ เพราะจิตและเจตสิก ก็ต้องเกิดพร้อมกัน ดับพร้อมกัน รู้อารมณ์เดียวกัน และในภูมิที่มีทั้งรูปธรรมและนามธรรม จิตและเจตสิกก็อาศัยที่เกิดที่ เดียวกัน ด้วย ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
ํํญาณินทร์
วันที่ 27 ม.ค. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
ธนฤทธิ์
วันที่ 22 ต.ค. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
Tommy9
วันที่ 22 ต.ค. 2559

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
wannee.s
วันที่ 22 ต.ค. 2559

ปฏิจจสมุปบาท แสดงถึงธรรมะที่เกิดขึ้นต้องอาศัยเหตุปัจจัยเป็นไป เช่น เวทนาเกิดขึ้นต้องอาศัยผัสสะเป็นปัจจัย และไม่ใช่ปัจจัยเดียวต้องอาศัยหลายๆ ปัจจัยค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
chatchai.k
วันที่ 3 ธ.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
kullawat
วันที่ 7 ธ.ค. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ