เหตุใดพระพุทธองค์จึงบอกให้ไปทำอานาปานสติ
พุทธวจน “ดูกร ภิกษุทั้งหลาย เมื่ออานาปานสติอันบุคคลกระทำให้มากแล้ว ผลอานิสงค์อย่างใดอย่างหนึ่งในบรรดาผลสองประการอันเป็นสิ่งที่หวังได้คือ อรหัตตผลในปัจจุบัน แต่ถ้ามีอุปัทธิเหลืออยู่จะเป็นอนาคามี”
จากพระธรรมที่เราเรียนคือ ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นธรรมะ ไม่มีสัตว์ บุคคล ตัวตนที่จะไปทำอะไร แต่เพราะเหตุใดพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงบอกให้ไปทำอานาปานสติ จากคำกล่าวที่ว่า อันบุคคลกระทำให้มากแล้ว ซึ่งดูเหมือนกับว่ามีตัวตนที่ไปพยายามกระทำ ทำให้กระผมเกิดความสับสนในเรื่องของความเป็นอนัตตาของสภาพธรรม จึงกราบขอความกรุณาจากท่านผู้รู้ช่วยให้ความกระจ่าง
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
อานาปานสติ คือ สติที่ระลึกรู้เป็นไปในลมหายใจ ซึ่งก็ต้องเป็นผู้ละเอียดว่า ไม่ใช่มีแต่สติเท่านั้น แต่ต้องมีปัญญาด้วย ซึ่งอานาปานสติ มีทั้งที่เป็นใน สมถภาวนา และวิปัสสนาภาวนา
อานาปานสติ มีประโยชน์อย่างไร
ถ้าอบรมถูก ด้วยความเข้าใจถูก หากอบรมโดยนัย สมถภาวนา ก็ถึงฌานขั้นสูงสุด แต่ไม่สามารถดับกิเลสได้ แต่ถ้าอบรมโดยนัย วิปัสสนา ย่อมถึงการดับกิเลส เป็นพระอรหันต์ได้ครับ
ทำอย่างไร
ก็ต้องเข้าใจเบื้องต้น ว่าใครทำ เรา หรือธรรม หากไม่มีความเข้าใจเบื้องต้น แม้แต่คำว่า ธรรมคืออะไรให้ถูกต้อง ไม่ต้องกล่าวถึงอานาปานสติ แม้แต่การเจริญสติปัฏฐานที่เป็นปกติในชีวิตประจำวัน ก็ไม่สามารถเกิดขึ้นได้เลย ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องที่จะทำ แต่เป็นเรื่องที่จะค่อยๆ เข้าใจ ซึ่งในพระไตรปิฎกแสดงถึงเรื่องอานาปานสติว่า เป็นอารมณ์ของมหาบุรุษ คือ ผู้ที่ปัญญามาก สะสมบารมีมามาก จึงจะอบรม อานาปานสติ ได้ เพราะอานาปานสติ เป็นอารมณ์ที่ละเอียดลึกซึ้งอย่างยิ่ง หากอยากจะทำ ก็ไม่มีทางถึง เพราะด้วยความต้องการ ไม่ใช่ด้วยความเข้าใจครับ
ขณะนี้ กำลังหายใจ แต่ไม่รู้เลยว่ากำลังหายใจอยู่ และหากบอกว่ารู้ไหมที่กำลังหายใจขณะนี้ ก็ตอบได้ ว่ากำลังหายใจ แต่การรู้ว่ากำลังหายใจอยู่ ไม่ใช่เป็นการเจริญวิปัสสนา ที่เป็น อานาปานสติเลย ซึ่งการเจริญวิปัสสนา ต้องมี สภาพธรรมที่มีจริง เป็นอารมณ์ให้สติและปัญญารู้ นั่นคือ ขณะที่หายใจ มีอะไรปรากฏที่กำลังหายใจ ขณะที่มีลมกระทบ ก็มี เย็น ร้อน เป็นต้น สภาพธรรมเหล่านี้มีจริง ก็รู้ความเป็นธรรมไม่ใช่เรา ขณะที่หายใจ เช่น เย็นก็เป็นธรรมไม่ใช่เรา ขณะที่สติและปัญญาเกิดในขณะนั้นครับ ทีละขณะ แต่ละสภาพธรรมครับ
เรื่องที่สำคัญที่สุดคือ ความเข้าใจถูก นั่นคือ ปัญญา ซึ่งปัญญาจะเจริญได้ ก็ต้องเริ่มจากปัญญาขั้นการฟัง ศึกษาพระธรรมให้เข้าใจ เป็นเบื้องต้น เพราะเมื่อมีความเข้าใจเบื้องต้น ก็สามารถทำให้เข้าใจในคำแต่ละคำ และหนทางปฏิบัติที่ถูกต้อง แม้แต่เรื่องของ อานาปานสติ ครับ
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
อานาปานสติ เป็นสติที่ระลึกรู้ลมหายใจซึ่งเป็นปรมัตถ์ ลมหายใจเป็นส่วนหนึ่งของกาย เป็นสภาพที่ปรุงแต่งกาย และเคยยึดถือว่าเป็นลมหายใจของเรา เป็นเราหายใจ แต่ขณะที่สติปัฏฐานเกิดขึ้น ก็ระลึกรู้ลักษณะของสิ่งที่กำลังปรากฏคือ ธาตุดิน ธาตุไฟ หรือธาตุลม ว่าเป็นเพียงสภาพธรรมเท่านั้น ไม่ใช่เรา
ที่สำคัญ ไม่ใช่ว่ามีตัวตนที่จะไปทำอะไร ไปกำหนดอะไร เพราะนั่นเป็นเรื่องของความไม่รู้ การทำอะไรด้วยความไม่รู้ ผลก็คือ ไม่รู้ เพราะพระธรรมทั้งหมดเป็นไปเพื่อการอบรมเจริญปัญญาโดยตลอด จึงควรตั้งต้นด้วยการฟังพระธรรมให้เข้าใจ ซึ่งก็ไม่พ้นไปจากการฟังในเรื่องของรูปธรรมและนามธรรม เพื่อความเข้าใจอย่างถูกต้องตามความเป็นจริง เมื่อเหตุปัจจัยพร้อมก็จะเป็นเหตุให้มีการระลึกรู้สภาพธรรมที่มีจริงตามความเป็นจริง แม้แต่ในเรื่องของลมหายใจก็เป็นสภาพธรรมที่มีจริง ไม่ว่าจะเป็นสภาพธรรมใดปรากฏก็สามารถเข้าใจได้ จึงสำคัญอยู่ที่การตั้งต้นจริงๆ ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...