เป็นไปตามกฎหมายและเป็นไปตามกฎแห่งกรรม
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขอยกตัวอย่างจากข่าวสารต่างๆ เช่น
๑. มีโจรมาปล้นบ้านและฆ่าคนในบ้านตายทางการก็จับโจรมาลงโทษตามกฎหมายแต่ทรัพย์สินไม่ได้คืนเพราะโจรใช้ไปหมดแล้ว ก็เป็นผลจากอดีตกรรมของเจ้าบ้านที่ต้องยอมรับไป ดิ้นรนอะไรไปก็ป่วยการทุกข์ใจไม่จบ
๒. คนเมาข้างบ้านเดินผ่านหน้าบ้านทีไร สุนัขตัวเล็กๆ ในบ้านก็เห่ากรรโชกใส่ทุกทีไป จนขุดดินรอดรั้วไปเห่าหน้าประตูบ้าน ที่สุดก็โดนคนเมานั้นใช้มีดฟันตายไป เจ้าบ้านไม่กล้าเอาเรื่องเพราะเกรงอันตรายจากคนขี้เมาแถมอยู่ข้างบ้านด้วย ก็เป็นผลของอดีตกรรมของเจ้าบ้านที่ต้องยอมรับไป กฎหมายคุ้มครองก็มี แต่จบเรื่องดีกว่ามีปัญหาไม่จบ
๓. สามีแอบไปมีภรรยาใหม่รุ่นลูกจนมีบุตร ด้วยกัน เลิกดูแลครอบครัว ภรรยาตามกฎหมายถูกระรานเสียดสีเพื่อให้หย่า บางรายก็หย่าให้ ด้วยเหตุผลต่างๆ กัน บางรายก็ฟ้องเรียกค่าทดแทนตามกฎหมายจากภรรยาน้อย มีกฎหมายคุ้มครองให้เกิดความสงบเรียบร้อย ลงโทษคนไม่ดีเป็นอุทาหรณ์แก่คนอื่นๆ ก็ควรใช้ แต่ก็จะเป็นจองเวรจองกรรมต่อไปไม่จบสิ้น ปล่อยคนบาปให้เป็นไปตามกรรม
ขอเรียนถามความคิดเห็นอย่างเป็นธัมมะถึงความถูกต้องสมควรระหว่างการดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย กับ การยอมรับว่าเป็นไปตามกฎแห่งกรรม (ไม่ได้คิดให้อภัยแต่อาจขี้เกียจมีปัญหา) หรือข้อธรรมะประการอื่นๆ
ขอบพระคุณที่อนุเคราะห์ให้ความรู้ความเข้าใจค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
จากที่กล่าวมาเป็นเรื่องราวที่คิดนึก จะจัดการ ลืมความเป็นธรรม และ เป็นอนัตตา ที่เป็นไปตามเหตุปัจจัย ไม่มีใครจัดการ จงใจ ตามแต่ละเหตุการณ์ สถานการณ์ได้เลย เหตุการณ์เดียวกัน ก็เป็นไปตามเหตุปัจจัยของแต่ละคน แต่ละเวลา เพราะฉะนั้น กฎหมาย กรรม ก็ตามเหตุปัจจัยในแต่ละเรื่องนั้น สำคัญที่เข้าใจถูกว่าขณะนั้น สิ่งที่มีจริง คือ อะไร คือ อนัตตาตั้งแต่ต้น บังคับบัญชาไม่ได้เลย และเป็นแต่ธรรมเป็นไปแต่ละขณะ อกุศลก็เป็นอกุศล เป็นธรรมไม่ใช่เรา ผลของกรรม วิบาก มี ขณะที่เห็น ได้ยิน เป็นต้น ก็เป็นไปตามเหตุปัจจัย ตามการสะสมมาและ ตามกรรมที่จะให้ผล การเข้าใจเช่นนี้ก็จะเข้าใจเหตุการณ์ เรื่องที่เกิดขึ้น ตามความเป็นจริง เบาสบายด้วยความเข้าใจพระธรรม ครับ
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
แต่ละคน ก็เป็นแต่ละหนึ่ง ไม่เหมือนกันเลย แตกต่างกันตามการสะสม เรื่องของคนอื่น ก็เป็นเรื่องของคนอื่นจริงๆ ซึ่งก็ไม่พ้นจากความเกิดขึ้นเป็นไปของธรรม จึงกล่าวหมายรู้ว่าเป็นคนนั้น คนนี้ เป็นโจร เป็นคนเมา เป็นต้น แต่ก็ต้องมั่นคงในความเป็นจริงว่า ถ้าใครก็ตามทำเหตุที่ไม่ดีไว้ ก็สะสมสืบต่ออยู่ในจิตของผู้นั้น เมื่อถึงคราวที่กรรมให้ผล ก็ให้ผล ไม่มีใครยับยั้งหรือบังคับบัญชาได้เลย และไม่สามารถจะรู้ได้ว่า กรรมใด จะให้ผลเมื่อใด ผู้ที่เข้าใจความจริง มั่นคงในความเป็นธรรม แทนที่จะโกรธไม่พอใจในความประพฤติไม่ดีของผู้อื่น ก็เกิดกุศลจิต มีความสงสารเห็นใจเขาที่เขาจะต้องสะสมเหตุที่ไม่ดี ซึ่งจะเป็นโทษต่อตัวเขาเองเท่านั้น ความเข้าใจถูกเห็นถูก จึงเป็นที่พึ่งได้อย่างแท้จริง
ชีวิต เล็กน้อย สั้นมาก ไม่รู้ว่าจะละจากโลกนี้ไปเมื่อใด โอกาสที่มีค่าที่สุดในชีวิต คือ การได้ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมสะสมความเข้าใจถูกเห็นถูก และไม่ประมาทในการเจริญกุศลประการต่างๆ ในชีวิตประจำวัน สะสมเป็นที่พึ่งต่อไป ครับ
... ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ ...