ทำอย่างไรได้อย่างนั้นจริงหรือเปล่าคะ

 
วิพรรณี
วันที่  1 ก.พ. 2559
หมายเลข  27416
อ่าน  2,098

การที่เราปลูกบ้านให้คนอื่นอยู่เมื่อเราตายไปแล้วกลับมาเกิดใหม่จะทำให้เรามีบ้านอยู่นี้ใช่คำสอนของพระพุทธเจ้าหรือเปล่าคะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 1 ก.พ. 2559

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระธรรมเป็นเรื่องละเอียดลึกซึ้ง โดยเฉพาะเรื่องกรรมและผลของกรรม ที่มีความละเอียดอย่างยิ่ง ดังนั้น กรรมดี ย่อมให้ผลดี กรรมชั่ว ย่อมให้ผลชั่ว แต่ตามเหตุปัจจัยที่จะให้ผล อย่างไร ซึ่ง ผลของกรรม ก็ทำให้เกิด จิตและรูป คือ เกิดจิตทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย เช่น เห็นสิ่งที่ดี ได้ยินสิ่งที่ดี เป็นต้น นั่นคือ ผลของกรรมที่เป็นกรรมดีให้ผล ส่วน กรรมชั่วก็นัยตรงกันข้าม ซึ่ง การให้ผลของกรรม มีความละเอียดวิจิตร ไม่ได้หมายความว่า ทำบุญด้วยบ้าน ก็จะได้บ้าน แต่ การให้ผลของกรรม ก็ให้ผล ทำให้เห็นสิ่งที่ดี ได้ยินสิ่งที่ดี โดยที่ไม่จำเป็นจะต้องได้บ้านก็ได้ และ ทำบุญให้ทาน อย่างอื่น ที่ไม่ใช่บ้าน แต่ ได้สิ่งอื่น ที่ไม่ใช่สิ่งนั้น หรือ จะเป็นทรัพย์สมบัติที่สมมติว่าบ้านก็ได้ แม้ ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี เมื่อคราวยากจน ก็ให้ทานด้วยข้าวปรายเกรียน หัก ไม่ดี ไม่ประณีต แต่ วิบากกรรมท่านประณีต เพราะ จิตที่ดี และ ถวายในพระอริยสงฆ์ ไม่จำเป็นจะต้องได้ของไม่ดี ตามที่ถวายเลย เพราะ สำคัญที่จิตและผู้รับด้วย แสดงถึงความละเอียดของกรรมและผลของกรรม ที่แม้พระพุทธเจ้าทรงแสดงว่า ไม่ควรคิดเกินไปเพราะเหลือวิสัยเป็นอจินไตย ครับ ดังนั้น สำคัญที่ความเข้าใจถูกเป็นสำคัญ ได้มีโอกาสฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม ประโยชน์สูงสุด คือ การเข้าใจความจริงของสภาพธรรมในขณะนี้ครับ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 1 ก.พ. 2559

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ธรรม เป็นจริงอย่างไร ก็เป็นจริงอย่างนั้น ใครๆ ก็เปลี่ยนแปลงไม่ได้ ไม่มีใครสามารถที่จะบังคับบัญชาให้สภาพธรรมเกิดขึ้นได้ เพราะธรรมเกิดขึ้นเป็นไปตามเหตุปัจจัย ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น เหตุย่อมสมควรแก่ผล กรรมที่ได้กระทำแล้ว ย่อมจะเป็นเหตุให้เกิดผลในภายหน้า ตามเหตุปัจจัย ซึ่งไม่สามารถจะรู้ได้ว่าจะเป็นเมื่อใด ชาติใด กุศลกรรมให้ผลเป็นผลที่ดี น่าปรารถนา น่าใคร่น่าพอใจ ส่วนอกุศลกรรม ซึ่งเป็นกรรมชั่วนั้น ก็ให้ผลเป็นผลที่ไม่ดี ไม่น่าปรารถนา ไม่น่าใคร่ ไม่น่าพอใจ ที่ยังมีการได้รับผลของกรรมและ สะสมกรรมใหม่ ก็เพราะยังมีภพชาติอยู่ มีการเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏฏ์ สืบเนื่องมาจากเหตุ คือ ยังไม่ได้ดับกิเลสทั้งหลายทั้งปวงจนหมดสิ้นนั่นเอง

พระพุทธศาสนา ซึ่งเป็นพระธรรมคำสอนที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง นั้น เป็นไปเพื่อละ เป็นไปเพื่อขัดเกลากิเลสโดยตลอด แม้ในเรื่องของการเจริญกุศล (ทำความดี) ก็ไม่ใช่เพื่ออย่างอื่น แต่เพื่อขัดเกลากิเลสของตนเอง สะสมเป็นเหตุที่ดี เพราะถ้าความดีไม่เกิดก็เป็นโอกาสที่อกุศลจะเกิดขึ้น, กุศลเป็นสภาพธรรมฝ่ายดี ควรที่จะอบรมเจริญในชีวิตประจำวัน ขณะใดที่กุศลจิตเกิด ขณะนั้นจะเบาสบาย ผ่องใส ซึ่งจะตรงกันข้ามกับขณะที่จิตเป็นอกุศลอย่างสิ้นเชิง เมื่อเหตุที่ดี มีแล้ว เมื่อถึงคราวที่กรรมดีให้ผล ก็ต้องให้ผลเป็นผลที่ดี เท่านั้น เป็นไปไม่ได้ที่กรรมดีจะให้ผลที่ไม่ดี ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
ํํญาณินทร์
วันที่ 2 ก.พ. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
peem
วันที่ 11 ก.พ. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
chatchai.k
วันที่ 22 ธ.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ