ถ้าเข้าใจแล้วไม่ลืม
ข้อความบางส่วนจากการสนทนาธรรมที่เชียงใหม่และลำพูน ๒ ก.พ. ๒๕๕๙
# เราไม่รู้เลย วันๆ หนึ่งทุกอย่างผ่านไปเป็นเราสุข เราทุกข์ เราเห็น เราได้ยิน เราเพลิดเพลิน ทุกอย่างเพื่อลืม "ทุกข์ก็ไม่เข็ด เพราะหวังรอสุข"
☆ ทั้งพระสูตร พระวินัย พระอภิธรรม ทั้งหมดฟังธรรมเพื่อเข้าใจ ไม่ใช่ให้จำชื่อจำเรื่อง สาระคือความเข้าใจ "ถ้าเข้าใจแล้วไม่ลืม" ฟังธรรมแล้วลืมเรื่องลืมคำ แต่ถ้าเข้าใจในความเป็นธรรมแล้วจะไม่ลืม จึงควรฟังธรรมซ้ำๆ บ่อยๆ เนืองๆ
# ธรรมเป็นสิ่งที่เกิดเพราะเหตุปัจจัย แล้วดับไป ไม่ใช่เราไปทำให้เกิด "เหมือนมีเรา เหมือนเป็นเรา แต่ความจริงเป็นธรรมแต่ละหนึ่ง" ถ้าเห็นไม่เกิดขึ้น ก็ไม่มีเราเห็น เห็นเกิดแล้ว ไม่มีใครไปทำอะไร เห็นไม่ใช่คิด เป็นธรรมแต่ละหนึ่ง ไม่ใช่เรา
# "มีเราหรือมีธรรมะ" ต้องตรงตั้งแต่ต้น ให้มีความมั่นคงว่า เป็นธรรม ไม่ใช่เรา
# ต้องมีสิ่งที่มีจริงๆ แน่ แต่เข้าใจผิดในสิ่งนั้นว่าเป็นเรา เป็นตัวตน เห็นเกิดขึ้นขณะนี้ จึงเข้าใจผิดว่าเป็นเราเห็น
# "ขณะนี้เกิดดับเพราะอะไร เพราะยังไม่รู้ความจริง" เมื่อรู้ความจริง ไม่ติดข้อง จึงดับการเกิดได้
# บอกว่าไม่อยากเกิด ให้ตายเดี๋ยวนี้เอาไหม
# "ปัญญานำไปในกิจทั้งปวง" เมื่อเข้าใจธรรมจนดับกิเลสหมด นำไปในกิจทั้งปวงที่จะดับกิเลส ถึงปัญญาที่เป็นอรหัตตผลทำกิจดับกิเลสหมด
# "ปัญญานำไปในกิจของปัญญา" คือ ดับอกุศล เข้าใจถูกเห็นถูก ปัญญาเป็นหัวหน้าของกุศลธรรม ทำให้กุศลธรรมอื่นๆ เจริญขึ้นด้วย
# ตั้งแต่เกิดพูดคำที่ไม่รู้จัก จนกว่าจะได้ฟังพระธรรม
# บวช คือ การเว้นทั่ว เว้นจากความไม่ดีทั้งหมดที่คฤหัสถ์มี / เป็น บวชเพราะเห็นโทษจริงๆ บวชเพื่อขัดเกลาในเพศบรรพชิต
# เนกขัมมะ คือ การออกจากอกุศลทั้งปวงด้วยปัญญาที่เข้าใจถูกต้องตรงตามความเป็นจริง ไม่จำเป็นต้องบวช เพราะฉะนั้น จะบวชเนกขัมมะได้อย่างไร ไม่มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งเพราะไม่เข้าใจ บวชเนกขัมมะเพื่ออะไร ถ้าไม่มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง มืดไม่มีสว่างเลย
# กุศลธรรมทั้งหมดเป็นเนกขัมมะ เพราะออกจากอกุศล
# ปัญญาไม่มีจำกัด ไม่ว่าจะเป็นเพศไหน ฐานะใด เพศบรรพชิตหรือคฤหัสถ์ กษัตริย์หรือขอทาน
# บารมี คือ คุณความดีทั้งปวงที่ทำให้ถึงฝั่งของการดับกิเลส ธรรมที่เป็นบารมีคือคุณความดีทั้งหมดที่มีปัญญาเป็นประธาน
# ทุกคนที่ไม่เข้าใจธรรมะ ก็ทำกุศล พุทธะเป็นคำสอนที่เป็นสัจจธรรม เป็นคำจริง ต้องเป็นกุศลที่มีความเข้าใจที่ถูกต้อง ออกจากอกุศลได้จึงเป็นบารมี
# ค่อยๆ สะสมบารมี ขณะที่มีความเข้าใจธรรม สิ่งที่มีแล้วไม่หายไปไหน เพียงแต่ว่ามีปัจจัยจะให้เกิดเมื่อใด
☆ กาม คือ สภาพที่น่าใคร่ น่าพอใจ ติดข้อง โลภะ สภาพที่ติดข้องก็คือกาม โลภะติดข้องสิ่งใด สิ่งนั้นคือกามวัตถุหรือวัตถุกาม กามตรงข้ามกับสละ ต้องเริ่มจากการสละสิ่งที่เราติดข้อง วัตถุภายนอกสละยากก็ยังพอสละได้ เคยสละความโกรธที่จะไม่พูดคำที่ไม่น่าฟังไหม เมื่อสละได้ง่ายขึ้น บ่อยขึ้น ก็ติดข้องน้อยลง ปัญญาเห็นประโยชน์ก็สละได้มากขึ้น ทีละเล็กทีละน้อย สละได้ทุกวัน อย่างอื่นพอสละได้ แต่ความเป็นเราสละได้ยาก เพราะสะสมความเห็นผิดมานาน "การฟังธรรมและเข้าใจประโยชน์ ทำให้เป็นคนดี ทำให้ความไม่รู้หมดไป เห็นพระคุณของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าว่าต้องบำเพ็ญพระบารมีมากกว่าพระสาวก เพราะฉะนั้น จะฟังคำของคนอื่นที่ไม่ใช่วาจาสัจจะ หรือจะมีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง
# ต้องมีความเข้าใจขึ้น เพื่อละ
# สิ่งเดียวที่สามารถดับการเกิด คือ ปัญญา
# ขณะนี้ธรรมปรากฏกับอวิชชา ต้องฟังธรรมจนกว่าจะค่อยๆ ปรากฏกับปัญญา
☆☆ ท่านอ.สุจินต์กล่าวจบการสนทนาธรรมที่ลำพูนว่า "ความสุขของดิฉัน ก็คือความเข้าใจธรรมะของแต่ละคน"
อนุโมทนาในคุณความดีและกราบบูชาคุณท่านอ.สุจินต์ บริหารวนเขตต์
อนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ