กลัวความตาย
ดิฉันเป็นคนหนึ่งที่กลัวความตาย กลัวว่าจะไม่ได้เจอพ่อแม่ ญาติพี่น้องหรือคนที่รัก ในบางเวลาที่คิดเรื่องนี้ขึ้นมาก็ทุกข์ใจ เศร้าใจ หม่นหมองใจ คำถามคือ เหตุใด มนุษย์เราจึงต้องกลัวความตาย ทั้งๆ ที่ก็รู้อยู่แก่ใจว่าเป็นสิ่งที่หนีไม่พ้น ช่วยแนะนำ ด้วยค่ะ
ที่กลัวตายเพราะกิเลส ที่ยึดถือว่าเป็นเรา เป็นของเรา ผู้ที่ละกิเลสและความยึดถือได้แล้วย่อมไม่กลัวตาย เพราะฉะนั้น ต้องอบรมเจริญปัญญาเพื่อละกิเลสอันเป็นสาเหตุของทุกข์ทั้งปวง
แม้แต่มหาบุรุษอย่างพระพุทธเจ้าก็ยังต้องปรินิพพานเลย ทุกคนเกิดมาหนีไม่พ้น ความตายแต่ก่อนตายได้ทำความดี ไม่เบียดเบียนใคร อบรมปัญญา ภพภูมิข้างหน้า ก็เกิดดีจริงๆ ความตายไม่น่ากลัว เหมือนคนนอนหลับแล้วตื่น แต่ที่กลัวคือ การ พลัดพรากจากของรักทั้งปวง และกลัวเกิดในอบายภูมิต่างหากน่ากลัวค่ะ
สัตว์และบุคคลที่ไม่กลัวความตาย และสาเหตุที่ไม่กลัวความตาย
[เล่มที่ 42] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หน้าที่ 70
แม้เมื่อพระศาสดา ตรัสว่า "สัตว์ทั้งหมด ย่อมหวาดหวั่น" ดังนี้. สัตว์ทั้งหลาย ที่เหลือเว้นสัตว์วิเศษ ๔ จำพวกเหล่านั้น คือ 'ช้างอาชาไนย ม้าอาชาไนย โคอุสภอาชาไนยและพระขีณาสพ บัณฑิตพึงทราบว่า ย่อมไม่หวาดหวั่น ฉันนั้นเหมือนกัน.จริงอยู่ บรรดาสัตว์วิเศษเหล่านี้ พระขีณาสพ ไม่เห็นสัตว์ ที่จะตาย เพราะความที่ท่านละสักกายทิฏฐิเสียได้แล้วจึงไม่กลัว. สัตว์วิเศษ ๓ พวกนอกนี้ไม่เห็นสัตว์ที่เป็นปฏิปักษ์ต่อตน เพราะความที่สักกายทิฏฐิมีกำลัง จึงไม่กลัว.
กลัวตายอีกประการหนึ่งกลัวไปอบายภูมิยังเจริญกุศลไม่พอ
อย่ากลัวเลยค่ะ เพราะความกลัวไม่ได้ช่วยทำให้อะไรดีขึ้น มีแต่จะบั่นทอนจิตใจให้เป็นอกุศล ยังไงก็ต้องตายด้วยกันทุกคน ความตายไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด แต่การ เกิดนี่ซิคะน่ากลัวกว่า ผู้มีปัญญาท่านจึงเห็นโทษของการเกิด เห็นภัยของสังสารวัฏฏ์ เพราะถ้ายังมีการเกิดก็ต้องมีการตาย เป็นของธรรมดาค่ะ
ความกลัว ก็เป็นนามธรรมอย่างหนึ่ง ขณะนั้น ไม่ใข่ ตัวเรา ที่ำกำลัง กลัว แต่เป็น โทสมูลจิต (โท - สะ - มูน - ละ - จิด) เกิดขึ้นทำหน้าที่ " กลัว " เป็นลักษณะที่เรา ไม่ชอบ ลักษณะของโทสะ มีมากมาย ไม่ว่า จะเป็น ความกลัว, เสียใจ , น้อย ใจ , กังวลใจ , คิดมาก , เครึียด , โทมนัสใจ , จิตคร่ำครวญ ฯลฯ ซึ่งมูลเหตุ มาจาก ความติดข้อง ในกามคุณ 5 (รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัสทางกาย) พระอนาคามีบุคคล ดับความยินดี พอใจ ใน กามคุณ 5 ได้แล้ว ท่านจึงดับ โทสะ ได้เด็ดขาด ไม่มีโทสะ เกิดกับท่านอีกเลย
ทุกคนทุกข์เพราะความคิด ถ้าศึกษาให้รู้ความจริงว่า เป็นแต่เพียงจิตที่คิด ทุกวัน คิดได้สารพัดเรื่อง คิดดีด้วยกุศลจิตก็เป็นสุข คิดไม่ดีด้วยอกุศลจิตก็เป็นทุกข์ แต่ก็ ห้ามไม่ได้เพราะสะสมมาที่จะคิดแบบนั้น ความเห็นผิดว่า เป็นสัตว์บุคคลตัวตน ทำ ให้ต้องคิดว่ามีเราเมื่อมีเราก็ต้องมีของเรา ผูกพันไปหมดและทุกข์ด้วยความไม่รู้ ผู้ที่ ได้ศึกษาคำสอนทำให้ได้รู้ความจริงของชีวิตว่า เป็นแต่เพียงสภาพธรรมต่างๆ ที่เกิด ขึ้นตามเหตุและปัจจัย เวลามีทุกข์ความรู้ที่ได้จากการศึกษาช่วยได้ เพราะวิชชาคือ ความรู้ซึ่งตรงข้ามกับอวิชชาคือความไม่รู้ มีความรู้ย่อมช่วยได้ พระธรรมคือคำสอนที่ ให้รู้ความจริงของชีวิต รู้ความจริงของการเกิด แก่ เจ็บและตาย และรู้ความตายทุก ขณะจิต คือการเกิดดับของจิตชึ่งเป็นทุกขอริยสัจทั้งๆ รู้ว่าคนเราเกิดแล้วก็ต้องตายแต่ ก็ทุกข์ ที่ทุกข์เพราะความไม่รู้และความรู้ยังไม่มั่นคงพอที่จะช่วยให้หายกังวลใจได้ รู้ ว่าทุกคนเกิดมาแล้วต้องตาย ความรู้เท่านี้ยังไม่พอ ศึกษาต่อคือฟังธรรม ในเวบนี้มี คำสอนที่ช่วยให้เกิดความรู้ความเข้าใจมากมายค่ะ
ขออนุโมทนาค่ะ ดิฉันเป็นปุถุชน ก็มีสลับกันไปค่ะ เดี๋ยวกลัว เดี๋ยวไม่กลัว เพียงแต่ไม่ได้วิตกกังวล มาก ในแต่ละวันตั้งใจคิดดี พูดดี ทำดี ให้มากที่สุด (เพราะคงมีเผลอคิดไม่ดี พูดไม่ดี และทำไม่ดีบ้างอยู่แล้ว) หาเวลาฟังธรรมเท่าที่เป็นไปได้ ใช้ชีวิตประจำวันตาม หน้าที่ เท่านี้ก็เกือบหมดเวลาของแต่ละวันแล้วค่ะ อีกอย่าง โทสมูลจิต หากเกิดขึ้น บ่อย สะสมไว้มาก จำได้ว่ามีอบายภูมิเป็นที่รองรับ เลยเลือกทำขณะนี้ให้ดีไว้ก่อนดีกว่า จะรอดหรือไม่รอดจากอบายภูมิดิฉันยังไม่รู้ คงต้องแล้วแต่การสะสมการเจริญกุศลว่า มากพอแล้วรึยัง
หากสติไม่เกิดจะไม่รู้เลยว่าแม้ขณะนี้ก็ตาย ตายจากการเห็น การได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้ม รส กระทบสัมผัส คิดนึกตายจากรูป เสียง กลิ่น รส โผฎฐัพพะ ธรรมารมณ์ แต่ละทาง แต่ละขณะ ตลอดเวลา ขอให้ฟังธรรมบ่อยๆ แล้วพิจารณาไปเถิด แล้วความเข้าใจจะ เจริญขึ้นเอง อย่ากลัวไปเลย ไม่เกิดต่างหากถึงจะประเสิรฐสุด