การประพฤติไม่เหมาะสมของพระภิกษุสงฆ์
เดี๋ยวนี้เรามักจะเห็นภาพข่าว และเนื้อหาของข่าวที่เกี่ยวกับการประพฤติไม่เหมาะสม ของพระภิกษุสงฆ์เมื่อได้รับข่าวสารนี้บ่อยๆ จิตใจเราก็เศร้าหมอง และทำให้รู้สึกไม่ศรัทธาพระภิกษุ จนบางครั้งเห็นพระภิกษุผ่านมายังแอบเผลอคิดเลยว่า เป็นพระจริงหรือเปล่า ทำไมมาเดินในห้างสรรพสินค้า ซึ่งเป็นที่ไม่สมควร ความคิดแบบนี้ จะเป็นอกุศลกรรมรึเปล่าค่ะ ช่วยแนะนำด้วยค่ะ
พระอริยสงฆ์สาวกของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นผู้ปฏิบัติดีแล้ว เป็นผู้ปฏิบัติตรงต่ออริยมรรค เป็นเนื้อนาบุญของโลก ผู้ปรารถนาบุญควรกระทำการบูชา พระอริยสงฆ์เราควรเข้าใจว่าพระภิกษุสงฆ์สาวกของพระพุทธองค์ และพระภิกษุบุคคลที่ไม่ประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมวินัยเป็นคนละอย่าง คือที่ท่านกระทำไปเพราะ อำนาจกิเลสก็เป็นธรรมดาของพระปุถุชนที่ยังละกิเลสไม่ได้ เรียกว่าเป็นคนคนหนึ่งที่ห่มผ้าเหลืองแล้วกระทำการต่างๆ นอกธรรมนอกวินัยแต่พระอริยสาวกของพระพุทธองค์ไม่มีพฤติกรรมแบบนี้ เมื่อพบนักบวชที่ถือผ้ากาสาวพัสตร์อันเป็นสัญลักษณ์ธงชัยของพระอรหันต์ เราก็เคารพในฐานะที่ท่านเป็นบรรพชิตการถวายอาหารบิณฑบาตรตอน เช้าๆ เพื่อบูชาคุณของพระอริยสงฆ์ ไม่ควรคิดอกุศลกับคนอื่นแม้ว่าเขาจะมีความประพฤติอย่างไร ก็ตาม
พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย จตุกนิบาต เล่ม ๒ - หน้าที่ 130
สงฆ์ทั้งหลายก็ดี คณะทั้งหลายก็ดีมีประมาณเท่าใด สงฆ์สาวกของตถาคต ปราชญ์กล่าวว่าเป็นยอดแห่งสงฆ์แห่งคณะทั้งปวงนั้น สงฆ์สาวก ของตถาคตคือใคร คือคู่แห่งบุรุษ ๔ บุรุษบุคคล ๘ นี่สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า ผู้ควรของคำนับ ผู้ควรของต้อนรับ ผู้ควรของทำบุญ ผู้ควรทำอัญชลี ผู้เป็นนาบุญของโลกไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า สัตว์เหล่าใดเลื่อมใสในพระสงฆ์ สัตว์เหล่านั้น จึงชื่อว่าเลื่อมใสในวัตถุอันเลิศ เมื่อเลื่อมใสในวัตถุอันเลิศ ก็ย่อมได้ผลอันเลิศ.
แม้จะเป็นพระภิกษุที่ทุศีล ถ้าเรามีจิตมุ่งตรงต่อสงฆ์ก็เป็นมหากุศลแล้วค่ะ เรานอบน้อมผ้าเหลืองเป็นตัวแทนของพระศาสดา จิตเป็นกุศลดีกว่าคิดเป็นอกุศลค่ะ
พระอริยบุคคล ๘ บุคคล คือ
โสตาปติมรรคบุคคล ๑ โสตาปติผลบุคคล ๑
สกทาคามิมรรคบุคคล ๑ สกทาคามิผลบุคคล ๑
อนาคามิมรรคบุคคล ๑ อนาคามิผลบุคคล ๑
อรหัตตมรรคบุคคล ๑ อรหัตตผลบุคคล ๑
ซึ่งกล่าวโดยบัญญัติ เป็น ๘ บุคคล
แต่ถ้ากล่าวโดยปรมัตถ์ ก็คือ สภาพของ มรรคจิต ๔ และผลจิต ๔ นั่นเอง
คิดไม่ดีเป็นอกุศลจิต ยังไม่ได้ทำอกุศลกรรมใดๆ เป็นเพียงอกุศลจิตที่คิด ภิกษุที่ประพฤติไม่ตรงพระวินัย เพราะท่านไม่เห็นคุณของพระวินัยที่ขัดเกลากิเลส การเข้า ใจความจริงของจิต เจตสิกและรูป จะทำให้เราเข้าใจการกระทำของบุคคลอื่น และตัวเรามากขึ้น ไม่ว่ากายกรรม วจีกรรมและมโนกรรมของผู้ใด ก็เป็นแต่อาการเป็นไปของจิต เจตสิกและรูป เมื่อเข้าใจมากขึ้นก็อภัยได้มากขึ้น เพราะเข้าใจความ เป็นอนัตตาบังคับบัญชากิเลสไม่ได้ ความเข้าใจนี้เองจะเป็นปัจจัยทำให้กุศลธรรมต่างๆ เจริญขึ้น เช่น เมตตา
ผ้ากาสาวะ เป็นเหมือนธงชัยของพระอรหันต์ ผู้มีปัญญาย่อมน้อมระลึกถึงสงฆ์สาวกของพระพุทธเจ้า จะขอยกตัวอย่างในพระไตรปิฎก แม้สัตว์เดรัจฉาน ยังเคารพในผ้ากาสาวะ อันเป็นตัวแทนของพระอรหันต์ครับและเรื่องผลบุญของการบูชาแม้ผ้ากาสาวะ ลองอ่านดูนะ
เชิญคลิกอ่านที่นี่ครับ ...
เคารพผ้ากาสาวะ [เรื่องพระเทวทัต]
[เล่มที่ 51] พระะสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรคาถา เล่ม ๒ ภาค ๓ ตอน ๒ - หน้าที่ 70
๖. มหากาฬเถรคาถา
อรรถกถามหากาฬเถรคาถา
คาถาของท่านพระมหากาฬเถระ เริ่มต้นว่า กาฬี อิตฺถี. เรื่องราว ของท่านเป็นอย่างไร แม้พระเถระนี้ ก็สั่งสมบุญไว้ในภพนั้นๆ ในพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ เกิดในเรือนแห่งตระกูล ในกัปที่ ๙๑ แต่ภัทรกัปนี้ บรรลุนิติภาวะแล้ว ไปป่า ด้วยกรณียกิจบางอย่าง เห็นผ้าบังสุกุลจีวรห้อยอยู่ที่กิ่งไม้มีจิตเลื่อมใสว่า ผ้ากาสาวพัสตร์ อันเป็นธงชัยของพระอริยเจ้าห้อยอยู่ แล้วเก็บเอาดอกกระดึงมาบูชาผ้าบังสุกุลจีวร. ด้วยบุญกรรมนั้น เขาท่องเที่ยวไปในเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย
อนุโมทนา กับ ม.ศ.พ. (ความเห็นที่ 1) และสมาชิก "แล้วเจอกัน" (ความเห็นที่ 7) ที่ได้นำข้อความ จากพระไตรปิฎก มาให้อ่าน เสมอๆ ก็เจอกันที่ ม.ศ.พ.เกือบทุก วัน สำหรับเจ้าของความเห็นที่ 1, 4, 7 เหมือนญาติ พี่น้องแล้วครับ รวมทั้งสมาชิก ท่านอื่นๆ แม้ไม่เห็นหน้า ก็เปรียบเหมือนสหายธรรม ครับ