พระไตรปิฎก มีกล่าวถึง ลักษณะของโลก ว่ากลมไหม (กลมแบบ3d ไม่ใช่2d)
อยากได้เนื้อความนี้จากพระไตรปิฎกครับ
อ่านเรื่องเขาพระสุเมร และการเสด็จขึ้นสวรรค์ และการสิ้นไปแห่งกัป มีไฟ น้ำ ลม กำเริบทำลายภพ ตั้งแต่นรก จนถึง พรหมโลกขั้นต้น ราวกับว่า โลกและภพนั้นแบ่งเป็นชั้นๆ เหมือน ตึกอาคาร
ซึ่งเมื่ออ่านไปความเข้าใจส่วนนี้ไม่ถูกต้องก็เกิดการสะดุดขึ้น เพราะหากเบื้องล่างคือนรก ใต้เท้าเรา คืออเมริกาก็คือนรกนี่เอง และใต้เท้าของอเมริกาก็นรกคือเรานั่นเอง
อยากให้ท่านผู้รู้ ท่านผู้เข้าใจ รบกวนอธิบาย สาธยายให้หายข้องใจทีครับ ถึงภาษา ถึงอะไรหลายๆ อย่าง ผมกำลังศึกษาปริยัติ อาจจะเป็นคำถามที่ไม่เหมาะสมในศาสนานัก ต้องขอขมา มา ณ ที่นี้ด้วย
ขออนุโมทนาในความรู้ครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
โลก คือ สภาพธรรมที่แตกดับ เกิดขึ้นและดับไป เป็นสภาพธรรมที่มีจริงๆ เกิดขึ้นเพราะมีปัจจัยปรุงแต่ง เกิดขึ้นแล้วต้องแตกสลายไป ควรที่จะอบรมความเข้าใจถูกเห็นถูกโลกขณะนี้ ฟังธรรมเพื่อเข้าใจสิ่งที่มีจริงในขณะนี้ เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป คือ โลก โลก ๓ คือ สัตวโลก โอกาสโลก และสังขารโลก ฟังสิ่งที่มีจริง ไม่ไปติดที่คำ ฟังเพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูก เป็นผู้ละเอียด ไม่ฟังเผิน สัตวโลก คือ หมู่สัตว์ที่เกิดมาในภพภูมิต่างๆ แต่ตามความเป็นจริงแล้วเป็นเพียงสภาพธรรมที่เกิดขึ้นและดับไป ที่กล่าวว่า มีบุคคลคนนี้ มีบุคคลคนนั้น แท้จริงก็เป็นเพียง จิต เจตสิก และรูป ไม่มีสัตว์ ไม่มีบุคคลใดๆ ทั้งนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นเพียง ขันธ์ ๕ ไม่มีคน สัตว์ เกิด นอกจากขันธ์ ๕ คือ จิต เจตสิก และรูป เท่านั้นที่เกิดขึ้นเป็นไป สิ่งที่มีจริงขณะนี้ ว่างเปล่า เพราะเกิดแล้วดับ เห็น มีจริง สิ่งที่ปรากฏทางตา มีจริง เกิดแล้วดับ คนไม่มี สัตว์ไม่มี มีแต่ธรรม เมื่อมี จิต เจตสิก จึงมีบุคคลต่างๆ ตามธรรมที่เป็น โอกาสโลก คือ สถานที่ซึ่งเป็นที่เกิดของหมู่สัตว์ทั้งหลาย ได้แก่ ๓๑ ภูมิ ขณะนี้เรากำลังฟังธรรมอยู่ที่ห้องนี้ นี่คือ โอกาสโลก ซึ่งเป็นเพียงรูปธาตุ หากแยกย่อยออกมาจนไม่สามารถแยกได้อีกก็มีเพียง ๘ รูป คือ ดิน น้ำ ไฟ ลม สี กลิ่น รส โอชา และ สังขารโลก คือ สภาพธรรมทั้งหลายที่เกิดขึ้นแล้วดับไป ก็ไม่พ้นจาก จิต เจตสิก และรูป
ดังนั้น โลกที่เป็นสถานที่เกิด ไมได้แสดงละเอียดว่า โลกกลมแบน เพราะ ไม่ได้เป็นประโยชน์ในการละกิเลส เพื่อถึงการดับทุกข์ แต่ พระพุทธเจ้าทรงแสดงโลกในวินัยของพระอริยเจ้า คือ โลกทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ ว่า มีจริง เป็นธรรมและไม่ใช่เรา อันเป็นทางที่จะทำให้พ้นทุกข์ดับกิเลส ครับ
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขอเชิญคลิกฟัง (และอ่าน) คำบรรยายของท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ เพิ่มเติมได้ที่นี่ ครับ
สิ่งใดก็ตามที่เกิดดับ สิ่งนั้นเป็นโลก
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
เดี๋ยวนี้ก็มีโลกที่น่าสนใจกว่า คือ โลกทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เป็นธรรมเกิดดับ ที่เราไม่เคยรู้มาก่อน และรู้ยากมากๆ จึงต้องอาศัยการฟังธรรมเพื่อละความไม่รู้ค่ะ