สัมมาทิฏฐิ คือความเห็นชอบเห็นชอบในอะไร
เรียนถามเรื่องพระพุทธเจ้าแสดงเรื่องสัมมาทิฏฐิคือความเห็นชอบเห็นชอบในอะไร?
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ปัญญา เป็นสภาพธรรมที่มีจริง ปัญญา คือ ความเห็นถูก ส่วน สัมมาทิฏฐิ ก็คือ ความเห็นชอบ ซึ่งก็เป็นความเห็นที่ถูกต้อง ความเห็นถูกนั่นเอง ซึ่งก็เป็นชื่อหนึ่งของปัญญา เพราะฉะนั้น พยัญชนะ แม้ต่างกัน แต่ อรรถ ก็ไม่ต่างกัน คือ เป็นความเห็นถูก เห็นชอบ เห็นถูกต้องตามความเป็นจริง ครับ ดังนั้น สัมมาทิฏฐิ คือ ความเห็นชอบ เห็นชอบในอะไร ก็มีหลายระดับ แต่เป็นการเห็นชอบ ตามความเป็นจริง คือ สัมมาทิฏฐิ เห็นชอบ เห็นชอบในเรื่องกรรมมี ผลของกรรมมี ก็เป็นปัญญาที่เชื่อกรรมและผลของกรรม ก็เป็นความเห็นชอบประหารหนึ่ง จนถึง สัมมาทิฏฐิ ที่เป็น การเห็นชอบ ตามความเป็นจริง เห็นชอบในอะไร เห็นชอบในสภาพธรรมในขณะนี้ว่าเป็นแต่เพียงธรรมไม่ใช่เรา ละความไม่รู้ในขณะนั้น ครับ
สัมมาทิฏฐิเป็นชื่อของปัญญา ชื่อหนึ่ง คือ ความเห็นชอบ ความเห็นถูกต้องตามความเป็นจริง ซึ่ง สัมมาทิฏฐิ เหตุผลที่เริ่มด้วย ปัญญา คือ ความเห็นชอบก่อนนั้น เพราะหากขาดปัญญาแล้ว ขาดความเห็นถูกแล้ว ก็ไม่สามารถละกำจัดกิเลส มีความไม่รู้ เป็นต้นได้เลย เพราะมีความรู้ สัมมาทิฏฐิ ตามความเป็นจริงย่อมละความไม่รู้ได้ และค่อยๆ รู้ขึ้นในสภาพธรรมที่มีจริงในขณะนี้ครับ และที่แสดงสัมมาทิฏฐิก่อน เพราะการกำจัดกิเลส และสภาพธรรมฝ่ายดีประการอื่นๆ ที่เป็นองค์ของมรรคประการต่างๆ จะเจริญไม่ได้เลย หากขาด ปัญญา คือ สัมมาทิฏฐิ ธรรม คือ ปัญญาที่เป็นสัมมาทิฏฐิ จึงเป็น ธรรมที่มีอุปการะมาก อุปการะ เกื้อกูลทำให้สามารถบรรลุธรรมได้ครับ
ปัญญา สัมมาทิฏฺฐิ ก็จะเกิดขึ้นได้ก็ต้องอาศัยการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม เมื่อปัญญาเจริญขึ้น ปัญญา สัมมาทิฏฐิ แม้ขั้นการฟังก็มีอุปการะ เกื้อกูล เพราะถ้าไม่ฟังพระธรรมให้เข้าใจ ให้มีปัญญาขั้นการฟังแล้ว การปฏิบัติ ก็ผิดตามไปด้วยหมด ปัญญาจึงเป็นเบื้องต้น ต่อการบรรลุธรรมในอนาคต ครับ
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
[เล่มที่ 33] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย เอกนิบาต-ทุกนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๒- หน้าที่ ๑๘๒
[๑๘๒] ดูกร ภิกษุทั้งหลาย เราไม่เล็งเห็นธรรมอย่างอื่นแม้ข้อหนึ่ง ซึ่งเป็นเหตุให้กุศลธรรมที่ยังไม่เกิด เกิดขึ้น หรือกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อความเจริญ ไพบูลย์ยิ่ง เหมือนกับสัมมาทิฏฐินี้เลย ดูกร ภิกษุทั้งหลาย เมื่อบุคคลเป็นผู้มีความเห็นชอบ กุศลธรรมที่ยังไม่เกิด ย่อมเกิดขึ้น และกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้วย่อมเป็นไปเพื่อความเจริญ ไพบูลย์ยิ่ง.
ความเป็นจริงของธรรม เป็นอย่างไร ย่อมเป็นอย่างนั้น ใครๆ ก็เปลี่ยนแปลงไม่ได้ แม้จะมีหลากหลายพยัญชนะที่กล่าวถึงปัญญา รวมถึงสัมมาทิฏฐิ ความเห็นถูก ความเห็นโดยชอบ ด้วย ก็ไม่พ้นไปจากความเข้าใจถูกเห็นถูก เป็นสภาพธรรมที่มีจริง [เมื่อเป็นธรรม ก็ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน] เมื่อปัญญาเกิดขึ้น ก็ทำกิจหน้าที่ของปัญญา คือ เข้าใจถูกเห็นถูก เมื่อปัญญาเจริญขึ้นคมกล้าขึ้น ก็สามารถถึงการรู้แจ้งอริยสัจจธรรม ถึงความเป็นพระอริยบุคคลขั้นต่างๆ ดับกิเลสได้ตามลำดับขั้น กิเลสใดๆ ที่ถูกดับ จะไม่เกิดอีกในสังสารวัฏฏ์ จากที่มากไปด้วยกิเลส สามารถถึงการดับกิเลสได้ ก็เพราะปัญญาหรือสัมมาทิฏฐินั่นเอง ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...