เคยได้ยินมาว่า วิญญาณเวียนว่ายตายเกิด แต่เป็นความเห็นผิด ที่ถูกนั้นเป็นอย่างไร
เคยได้ยินมาว่า จิต หรือ วิญญาณนั้นมีการเวียนว่ายตายเกิดตั้งแต่ยังเด็กๆ จนวันหนึ่ง กระผมได้ฟังจากพุทธวจน เรื่องมีอยู่ว่า ภิกษุที่ชื่อสาตินั้น มีความเห็นว่าวิญญาณเวียนว่ายตายเกิด พระพุทธเจ้าจึงสั่งประชุมสงฆ์ และได้สอบถามภิกษุที่ชื่อสาตินั้นว่า “ดูกร สาติ วิญญาณเป็นอย่างไร” สาติจึงทูลตอบพระผู้มีพระภาคว่า “วิญญาณเวียนว่ายตายเกิด” จากนั้นพระผู้มีพระภาคตำหนิว่า “โมฆบุรุษ! เธอรู้ทั่วถึงธรรมที่เราแสดงแล้วอย่างนี้ เมื่อแสดงแก่ใครเล่า โมฆบุรุษ! เรากล่าววิญญาณว่าเป็นปฏิจจสมุปันนธรรมเป็นอันมาก วิญญาณเกิดดับตลอด ถ้าเว้นจากปัจจัยแล้ว ความเกิดแห่งวิญญาณมิได้มี ดังนี้มิใช่หรือ โมฆบุรุษ! เมื่อเป็นอย่างนั้น เธอชื่อว่ากล่าวตู่เราด้วยถ้อยคำที่ตนเองถือเอาผิดด้วย ย่อมขุดตนเองด้วย ย่อมประสบสิ่งมิใช่บุญเป็นอันมากด้วย โมฆบุรุษ! ข้อนั้นแล จักเป็นไปเพื่อความทุกข์ ไม่เกื้อกูลแก่เธอตลอดกาลนาน ดังนี้” นี้คือถ้อยคำทั้งหมดที่พระผู้มีพระภาคได้ทรงตำหนิภิกษุชื่อว่า สาติ
กราบท่านอาจารย์ครับ หากวิญญาณไม่ได้เวียนว่ายตายเกิดแล้ว อะไรที่กำลังเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏฏ์
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
การกล่าวว่าวิญญาณเวียนว่ายตายเกิด ตามที่ภิกษุ ชื่อ สาติ นั้น ภิกษุมีความเข้าใจผิดว่า วิญญาณ คือ จิต นั้นเอง ที่ไม่ดับไป แต่ จิตที่ไม่ดับไปนั้นเอง ท่องเที่ยว วนเวียนไป ซึ่งเป็นความเห็นผิด คือ เห็นผิดว่าเที่ยงนั่นเอง เพราะ ความจริงแล้ว จิต จะต้องเกิดแล้วดับไป เกิดจิตใหม่ วิญญาณใหม่ ไม่ใช่ จิตเดิมที่ท่องเที่ยวไป ไม่ดับ ที่เป็น สัตตทิฏฐิ ความเห็นผิดว่าเที่ยง พระพุทธเจ้าทรงตรัสติเตียนพระภิกษุชื่อ สาติ ที่มีความเห็นผิดนั้น และ พระองค์ทรงแสดงพระธรรมตามความเป็นจริงว่า ธรรมทั้งหลายเกิดจากเหตุ เมื่อมีเหตุจึงเกิดขึ้น ทั้ง วิญญาณ ก็มีเหตุให้เกิด และก็ดับไป ไม่ใช่ เที่ยงแท้ ถาวร จิตเดิม วิญญาณเดิมที่เวียนว่ายตายเกิดครับ
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ธรรม เกิดเพราะเหตุปัจจัย และเมื่อเกิดแล้วก็ดับไป ไม่เที่ยง ตราบใดที่ยังไม่ได้ดับกิเลสทั้งปวงได้อย่างเด็ดขาด เป็นผู้ที่ยังมีตัณหา ยังมีอวิชชาอยู่ เมื่อตายแล้ว (คือจุติจิตเกิดขึ้น ทำกิจเคลื่อนจากความเป็นบุคคลนี้ในภพนี้ ไม่สามารถกลับมาเป็นบุคคลนี้อีก) ต้องเกิดทันที มีปฏิสนธิจิตเกิดสืบต่อทันที โดยไม่มีระหว่างคั่น ปฏิสนธิจิต ก็คือ จิต ประเภทหนึ่งนั่นเอง จะเรียกว่าปฏิสนธิวิญญาณ ก็ได้ เมื่อจุติจิตของชาติที่แล้วเกิดขึ้นแล้วดับไป จิตขณะต่อไป ก็จะเกิดสืบต่อทันทีโดยไม่มีจิตอื่นคั่นเลย ก็คือ ปฏิสนธิจิต ในภพใหม่ชาติใหม่ จิตขณะแรกในแต่ละภพในแต่ละชาติ ก็คือ ปฏิสนธิจิต เป็นจิตที่เกิดขึ้นทำกิจหน้าที่สืบต่อจากจุติจิตของชาติที่แล้ว การที่จะเกิดเป็นอะไรในภพไหน นั้น ขึ้นอยู่กับกรรมเป็นสำคัญ ถ้าเป็นผลของกรรมดี ก็ทำให้ไปเกิดในสุคติภูมิ เกิดเป็นมนุษย์หรือเป็นเทวดา ถ้าเป็นผลของอกุศลกรรม ก็ทำให้ไปเกิดในอบายภูมิต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น นรก สัตว์ดิรัจฉาน เปรต อสุรกายทั้งหมดทั้งปวงนั้น ยังอยู่ในสังสารวัฏฏ์ ยังพ้นไปจากสังสารวัฏฏ์ไม่ได้ จนกว่าจะเป็นผู้อบรมเจริญปัญญา ถึงขั้นที่จะดับกิเลสทั้งปวงได้อย่างเด็ดขาด เป็นพระอรหันต์ จึงจะเป็นผู้พ้นจากทุกข์ และเมื่อดับ ขันธปรินิพพาน แล้ว ไม่มีการเกิดอีกเลย ไม่มีสภาพธรรมใดๆ เกิดอีกเลย สังสารวัฏฏ์เป็นอันสิ้นสุด ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...