เส้นผม บังภูเขา
เส้นผม มันบังภูเขาได้อย่างไร?
ขอบพระคุณครับ
เส้นผมบังภูเขา โดยทั่วไปหมายถึง การคิดแก้ปัญหายากลำบาก แต่จริงง่ายนิดเดียว แต่จะขอแสดงเรื่อง ภูเขาบังเส้นผม ที่เป็นธรรม ดังนี้
พระธรรมของพระผู้มีพระภาคเจ้า ละเอียดลึกซึ้ง ยากที่จะรู้ได้ บัณฑิตเท่านั้นที่จะรู้ได้เมื่อครั้งที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ใหม่ๆ และไม่น้อมพระทัยที่จะแสดงพระธรรมเพราะพระองค์ได้เกิดพระปริวิตก ว่าธรรมที่พระองค์ได้ตรัสรู้นั้นลึกซึ้ง ยากที่ใครที่จะรู้ได้พระองค์ทรงอุปมาประการต่างๆ ดังอุปมาที่ว่าพระธรรมที่พระองค์ทรงตรัสรู้เห็นได้ยากเปรียบเหมือนเมล็ดพันธุ์ผักกาดถูกภูเขาบังไว้ ซึ่งดังเช่นที่ท่านอาจารย์สุจินต์ได้กล่าวไว้ว่า เปรียบดังภูเขาบังเส้นผม ขณะนี้มีสภาพธรรมที่เปรียบเหมือนเส้นผมที่มีเป็นปรกติในชีวิตประจำวันแต่ถูกภูเขาคืออวิชชาปกปิดไว้ไม่ให้รู้ความจริงในขณะนี้ อวิชชาเปรียบเหมือนภูเขาใหญ่ หากไม่ใช่ปัญญาแล้วก็ไม่มีทางรู้ความจริงในขณะนี้ที่เป็นเพียงเส้นผมที่มีปกติในชีวิตประจำวันเลย เมล็ดพันธุ์ผักกาด ถูกภูเขาบังไว้ เมล็ดพันธุ์ผักกาดคือสัจจธรรมความจริงที่พระองค์ทรงตรัสรู้ว่าขณะนี้เป็นธรรมไม่ใช่เรา ไม่เที่ยง เป็นทุกข์เป็นอนัตตา แต่ถูก ภูเขาคืออวิชชาปิดบังไว้ไม่ให้รู้ความจริง จึงยากที่จะรู้ความจริงๆ ได้เพราะอวิชชาปิดบังไว้
[เล่มที่ 25] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๒ - หน้าที่ 119
พึงทราบว่า ทรงน้อมพระทัยไปอย่างนั้น แม้ด้วยอานุภาพการพิจารณาความที่ธรรมลึกซึ้งว่า ธรรมนี้ลึกซึ้งเหมือนลำน้ำรองแผ่นดิน เห็นได้ยากเหมือนเมล็ดพันธุ์ผักกาดถูกภูเขาบังไว้ แทงตลอดได้ยาก เหมือนเอาปลายต่อปลายแห่งขนทรายที่แยกออก ๗ ส่วน
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ธรรม เป็นสิ่งที่มีจริงทุกอย่างทุกประการ ซึ่งสิ่งที่มีจริงนี้ ก็กำลังมีในขณะนี้ แต่ก็ไม่รู้เลยว่าเป็นธรรม มีแต่เป็นเราที่เห็น เป็นเราที่ได้ยิน เป็นเราที่ได้กลิ่น ... เป็นเราที่คิดนึก เป็นเราที่เป็นกุศลหรือเป็นอกุศล จนกว่าจะได้ฟังพระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดง จึงจะค่อยๆ รู้ขึ้นมาบ้างว่าเป็นธรรม ทำให้เห็นถึงความหนาแน่นของอวิชชา (ความไม่รู้) ที่ได้สะสมมาอย่างเนิ่นนานในสังสารวัฏฏ์ ที่ปกคลุมปิดบังไม่ให้รู้สภาพธรรมตามความเป็นจริง ถึงแม้จะมีอยู่ในชีวิตประจำวันอย่างเป็นปกติอยู่ตลอดเวลาก็ตาม ธรรมจึงเป็นเรื่องที่ยาก ละเอียด ลึกซึ้ง เป็นอย่างยิ่ง ทั้งหมดนั้นเป็นพระปัญญาตรัสรู้ของพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ผู้ที่เป็นบัณฑิตมีปัญญาเท่านั้นถึงจะรู้ตามความเป็นจริงได้ และประการที่สำคัญ เมื่อเป็นธรรม ก็ไม่ใช่เรา ไม่ใช่สัตว์บุคคลตัวตน ไม่ใช่สิ่งหนึ่งสิ่งใด และไม่ต้องแสวงหาธรรมที่ไหนเลย เพราะมีอยู่ทุกขณะ หนทางเดียวที่จะค่อยๆ ละคลายอวิชาให้เบาบางลงได้ คือ การศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดง สะสมปัญญาซึ่งเป็นความเข้าใจถูกเห็นถูกไปตามลำดับ ไม่ละทิ้งโอกาสสำคัญในชีวิต นั่นก็คือ การฟังพระธรรม ขณะที่มีความเข้าใจเพิ่มขึ้นก็จะค่อยๆ ละคลายอวิชชาไปตามลำดับ เพราะไม่มีอะไรที่จะมีค่าเท่ากับเกิดมาแล้วได้เข้าใจธรรม ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...