เส้นผม บังภูเขา

 
Jumzper
วันที่  1 มี.ค. 2559
หมายเลข  27509
อ่าน  3,261

เส้นผม มันบังภูเขาได้อย่างไร?

ขอบพระคุณครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 1 มี.ค. 2559

เส้นผมบังภูเขา โดยทั่วไปหมายถึง การคิดแก้ปัญหายากลำบาก แต่จริงง่ายนิดเดียว แต่จะขอแสดงเรื่อง ภูเขาบังเส้นผม ที่เป็นธรรม ดังนี้

พระธรรมของพระผู้มีพระภาคเจ้า ละเอียดลึกซึ้ง ยากที่จะรู้ได้ บัณฑิตเท่านั้นที่จะรู้ได้เมื่อครั้งที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ใหม่ๆ และไม่น้อมพระทัยที่จะแสดงพระธรรมเพราะพระองค์ได้เกิดพระปริวิตก ว่าธรรมที่พระองค์ได้ตรัสรู้นั้นลึกซึ้ง ยากที่ใครที่จะรู้ได้พระองค์ทรงอุปมาประการต่างๆ ดังอุปมาที่ว่าพระธรรมที่พระองค์ทรงตรัสรู้เห็นได้ยากเปรียบเหมือนเมล็ดพันธุ์ผักกาดถูกภูเขาบังไว้ ซึ่งดังเช่นที่ท่านอาจารย์สุจินต์ได้กล่าวไว้ว่า เปรียบดังภูเขาบังเส้นผม ขณะนี้มีสภาพธรรมที่เปรียบเหมือนเส้นผมที่มีเป็นปรกติในชีวิตประจำวันแต่ถูกภูเขาคืออวิชชาปกปิดไว้ไม่ให้รู้ความจริงในขณะนี้ อวิชชาเปรียบเหมือนภูเขาใหญ่​ หากไม่ใช่ปัญญาแล้วก็ไม่มีทางรู้ความจริงในขณะนี้ที่เป็นเพียงเส้นผมที่มีปกติในชีวิตประจำวันเลย เมล็ดพันธุ์ผักกาด ถูกภูเขาบังไว้ เมล็ดพันธุ์ผักกาดคือสัจจธรรมความจริงที่พระองค์ทรงตรัสรู้ว่าขณะนี้เป็นธรรมไม่ใช่เรา ไม่เที่ยง เป็นทุกข์เป็นอนัตตา แต่ถูก ภูเขาคืออวิชชาปิดบังไว้ไม่ให้รู้ความจริง จึงยากที่จะรู้ความจริงๆ ได้เพราะอวิชชาปิดบังไว้

[เล่มที่ 25] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๒ - หน้าที่ 119

พึงทราบว่า ทรงน้อมพระทัยไปอย่างนั้น แม้ด้วยอานุภาพการพิจารณาความที่ธรรมลึกซึ้งว่า ธรรมนี้ลึกซึ้งเหมือนลำน้ำรองแผ่นดิน เห็นได้ยากเหมือนเมล็ดพันธุ์ผักกาดถูกภูเขาบังไว้ แทงตลอดได้ยาก เหมือนเอาปลายต่อปลายแห่งขนทรายที่แยกออก ๗ ส่วน

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
ปาริชาตะ
วันที่ 1 มี.ค. 2559

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
khampan.a
วันที่ 2 มี.ค. 2559

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ธรรม เป็นสิ่งที่มีจริงทุกอย่างทุกประการ ซึ่งสิ่งที่มีจริงนี้ ก็กำลังมีในขณะนี้ แต่ก็ไม่รู้เลยว่าเป็นธรรม มีแต่เป็นเราที่เห็น เป็นเราที่ได้ยิน เป็นเราที่ได้กลิ่น ... เป็นเราที่คิดนึก เป็นเราที่เป็นกุศลหรือเป็นอกุศล จนกว่าจะได้ฟังพระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดง จึงจะค่อยๆ รู้ขึ้นมาบ้างว่าเป็นธรรม ทำให้เห็นถึงความหนาแน่นของอวิชชา​ (ความไม่รู้) ที่ได้สะสมมาอย่างเนิ่นนานในสังสารวัฏฏ์ ที่ปกคลุมปิดบังไม่ให้รู้สภาพธรรมตามความเป็นจริง ถึงแม้จะมีอยู่ในชีวิตประจำวันอย่างเป็นปกติอยู่ตลอดเวลาก็ตาม ธรรมจึงเป็นเรื่องที่ยาก ละเอียด ลึกซึ้ง เป็นอย่างยิ่ง ทั้งหมดนั้นเป็นพระปัญญาตรัสรู้ของพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ผู้ที่เป็นบัณฑิตมีปัญญาเท่านั้นถึงจะรู้ตามความเป็นจริงได้ และประการที่สำคัญ เมื่อเป็นธรรม ก็ไม่ใช่เรา ไม่ใช่สัตว์บุคคลตัวตน ไม่ใช่สิ่งหนึ่งสิ่งใด และไม่ต้องแสวงหาธรรมที่ไหนเลย เพราะมีอยู่ทุกขณะ หนทางเดียวที่จะค่อยๆ ​ ละคลายอวิชาให้เบาบางลงได้ คือ การศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดง สะสมปัญญาซึ่งเป็นความเข้าใจถูกเห็นถูกไปตามลำดับ ไม่ละทิ้งโอกาสสำคัญในชีวิต นั่นก็คือ การฟังพระธรรม ขณะที่มีความเข้าใจเพิ่มขึ้นก็จะค่อยๆ ละคลายอวิชชาไปตามลำดับ เพราะไม่มีอะไรที่จะมีค่าเท่ากับเกิดมาแล้วได้เข้าใจธรรม ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
wannee.s
วันที่ 2 มี.ค. 2559

ทุกอย่างเป็นธรรม เช่น เห็นมีจริงเป็นธรรม ไม่ใช่เรา แต่ไม่รู้ว่าเป็นธรรม จึงเปรียบเหมือนเส้นผมบังภูเขาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
Jumzper
วันที่ 2 มี.ค. 2559

สาธุ ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
peem
วันที่ 3 มี.ค. 2559

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
ํํญาณินทร์
วันที่ 4 มี.ค. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
chatchai.k
วันที่ 11 ม.ค. 2564

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ