อนุสติ ที่มีต่อพ่อแม่

 
Jumzper
วันที่  4 มี.ค. 2559
หมายเลข  27519
อ่าน  1,053

มีสติตามรู้ ประวัติ ความเป็นมาของประเทศไทย ว่า กว่าจะมาเป็นชาติไทยนี้ได้อย่างไร เรียกว่า สยามานุสติ แต่ถ้านึกถึงพระคุณของพ่อแม่ นึกถึงอุปการคุณของพ่อแม่ที่มีต่อเรา ควรจะเรียก อนุสติ นี้ว่าอย่างไรดีครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 4 มี.ค. 2559

อนุสติมีหกหรือสิบ แต่ไม่มีสยามานุสติและอนุสติที่ระลึกถึงพ่อแม่ในพระพุทธศาสนาครับ

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย

อนุสติฐานะ ที่ตั้งแห่งความระลึก ๖ นี้ คือ

พุทธานุสติ ระลึกถึงพระพุทธเจ้า ๑

ธัมมานุสติ ระลึกถึงพระธรรม ๑

สังฆานุสติ ระลึกถึงพระสงฆ์ ๑

สีลานุสติ ระลึกถึงศีลที่ตนรักษา ๑

จาคานุสติ ระลึกถึงการบริจาคของตน ๑

เทวตานุสติ ระลึกถึงเทวดา และธรรมที่ทำให้เป็นเทวดา ๑

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 4 มี.ค. 2559

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ประโยชน์อยู่ที่ความเข้าใจธรรม ครับ

[เล่มที่ 25] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๒หน้า ๒๙๔

“บุคคลใดเลี้ยงมารดาและบิดาโดยธรรม เพราะการบำรุงมารดาและบิดานั่นแล บัณฑิตย่อมสรรเสริญบุคคลนั้นในโลกนี้ทีเดียว บุคคลนั้นละจากโลกนี้ไปแล้ว ย่อมบันเทิงในสวรรค์”

(พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค มาตุโปสกสูตร)

[เล่มที่ 60] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๖ หน้า ๑๖๐

“ผู้ไม่เลี้ยงดูมารดาบิดา ย่อมเดือดร้อนในภายหลังว่า เราสามารถพอที่จะเลี้ยงดูมารดาและบิดาผู้แก่เฒ่าชราได้ ก็มิได้เลี้ยงดูท่าน”

(พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก ชนสันธชาดก)

มารดาบิดา เป็นบุพการี คือ ผู้ที่กระทำอุปการะแก่บุตรมาก่อน เป็นผู้ที่เอาใจใส่เลี้ยงดูบุตรให้เจริญเติบโตอย่างปลอดภัย โดยไม่เห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อย ท่านเป็นผู้พร่ำสอนให้บุตรออกจากความชั่ว แล้วให้ตั้งอยู่ในความดี สอนให้รู้ว่าอะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ พร้อมทั้งให้ศึกษาศิลปวิทยา วิชาชีพต่างๆ เพื่อให้บุตรมีความรู้ติดตัวอันจะเป็นบ่อเกิดแห่งการงานประการต่างๆ ซึ่งจะทำให้ชีวิตของบุตรดำเนินไปด้วยความไม่เดือดร้อนในภายภาคหน้า เป็นต้น นี้คือ พระคุณของท่านซึ่งนำมากล่าวเป็นบางส่วน เพราะแท้ที่จริงแล้ว พระคุณของท่านทั้งสองมีมาก ไม่สามารถพรรณนาให้หมดสิ้นได้ และในคำสอนทางพระพุทธศาสนา

พระผู้มีพระภาคเจ้า ก็ทรงแสดงถึงพระคุณที่มารดาบิดามีต่อบุตรไว้มากมาย และเป็นบุคคลที่บุตรจะตอบแทนพระคุณท่านอย่างสมบูรณ์นั้น เป็นไปได้ยาก เพราะท่านทั้งสองมีพระคุณต่อบุตรเป็นอย่างมาก เป็นผู้มีอุปการะมาก บำรุงเลี้ยง แสดงโลกนี้ แก่บุตรทั้งหลาย และการตอบแทนพระคุณท่านอย่างสูงสุด คือ ให้ท่านทั้งสองดำรงตั้งมั่นในศรัทธา ศีล จาคะ (การสละวัตถุสิ่งของ สละความตระหนี่) และ ปัญญา กล่าวคือ ให้ดำรงตั้งมั่นในกุศลธรรมทั้งหลาย นั่นเอง

เมื่อเป็นเช่นนี้ สำหรับบุตรธิดาทุกคนแล้ว ทุกๆ วันจึงเป็นโอกาสของกาทำความดี ไม่จำกัดเฉพาะวันใดวันหนึ่งเท่านั้น ควรน้อมระลึกถึงพระคุณของท่านและกระทำตอบแทน บุคคลมีความกตัญญูกตเวที (รู้อุปการที่ผู้อื่นกระทำให้แล้ว กระทำตอบแทน) เป็นผู้ที่บัณฑิตทั้งหลาย มีพระพุทธเจ้า เป็นต้น ทรงสรรเสริญแล้ว และมงคล คือ ความเจริญก็เกิดขึ้นแก่ผู้นั้นแล้ว ถ้าหากบุตรธิดาคนใดได้มีโอกาสศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรม และมีความเข้าใจธรรม แล้ว คอยเกื้อกูลให้บิดามารดาได้ฟัง ได้ศึกษาด้วยนั้น ยิ่งจะเป็นการตอบแทนพระคุณของท่านได้ดีอย่างยิ่งทีเดียว เพราะจะเป็นไปเพื่อความเจริญขึ้นของปัญญาซึ่งจะเป็นที่พึ่งในชีวิตของท่านได้อย่างแท้จริง ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
ํํญาณินทร์
วันที่ 4 มี.ค. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
Jumzper
วันที่ 4 มี.ค. 2559

สาธุ ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
thilda
วันที่ 5 มี.ค. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
สุณี
วันที่ 5 มี.ค. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
chatchai.k
วันที่ 12 ส.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ