เกี่ยวกับความเข้าใจถูก

 
thilda
วันที่  24 มี.ค. 2559
หมายเลข  27591
อ่าน  795

เรียนถามอาจารย์ค่ะ จากที่ถามไปในกระทู้ปัญญาเจตสิก ปัญญามีลักษณะคือ ความเห็นถูก ความเข้าใจถูก ซึ่งมีหลายระดับ สงสัยว่าหมายถึงความเห็นถูก เข้าใจถูกในสิ่งที่มีจริงทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรใช่ไหมคะ เช่น เข้าใจถูกว่ากรรมมีจริง ผลของกรรมมีจริง สังสารวัฏฏ์มีจริง สภาพธรรมมีเพียงสภาพรู้ กับสภาพที่ไม่รู้อะไร การคิดว่ามีเราเป็นเพียงความคิด ทุกอย่างเกิดขึ้นตามเหตุปัจจัยไม่มีใครบังคับบัญชา ฯลฯ ทั้งหมดนี้คือความเข้าใจถูก ซึ่งการศึกษาธรรม อบรมให้เข้าใจ ก็เป็นการสะสมความเข้าใจถูกไปเรื่อยๆ ซึ่งก็จะทำให้มีกำลังมากขึ้น มีความมั่นคงมากขึ้นตามเหตุปัจจัย เข้าใจแบบนี้ถูกหรือเปล่าคะ

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาอาจารย์ทั้งสองท่านที่ให้ความรู้ความเข้าใจค่ะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 25 มี.ค. 2559

ถูกต้อง ครับ ความเข้าใจถูกมีหลายระดับ หรือ ปัญญามีหลายระดับตามที่ผู้กล่าวได้กล่าวมา ซึ่งปัญญา หรือ สัมมาทิฎฐิ มีหลายระดับดังนี้ สัมมาทิฏฐิ ความเห็นถูก , ความเห็นชอบ ได้แก่ ปัญญาเจตสิก ซึ่งมีลักษณะที่รู้สภาพธรรมตามความเป็นจริง สัมมาทิฎฐิมีหลายระดับ ตั้งแต่กัมมสกตาสัมมาทิฏฐิ (ความเห็นถูกเรื่องความมีกรรมเป็นของๆ ตน) ฌานสัมมาทิฏฐิ (ความเห็นถูกที่เกิดกับฌานจิต) วิปัสสนาสัมมาทิฏฐิ (ความเห็นถูกที่เกิดกับวิปัสสนา ซึ่งขณะที่เป็นสติปัฏฐานก็เป็นมรรคมีองค์ ๕ แต่ขณะที่มรรคจิตเกิดขึ้นประหาณกิเลสเป็นสมุจเฉทก็เป็นมรรคมีองค์ ๘ เป็นต้น ซึ่งก็ต้องเริ่มจากการฟัง ศึกษาพระธรรม อันเป็นเหตุให้เกิดปัญญา ครับ ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 25 มี.ค. 2559

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ปัญญา เป็นสภาพธรรมที่มีจริง เป็นสภาพธรรมที่เข้าใจถูก เห็นถูก ในภาษาไทยไม่มีคำว่าปัญญา แต่มีคำว่า ความเข้าใจถูกเห็นถูก ดังนั้น ปัญญา ก็คือ ความเข้าใจที่ถูกต้องตรงตามความเป็นจริง กิจหน้าที่ของปัญญา คือ เข้าใจถูก ซึ่งมีหลายระดับขั้นมาก กล่าวคือ ปัญญาขั้นการฟังพระธรรมเข้าใจ ขณะที่เข้าใจ ก็เป็นปัญญา เป็นความเข้าใจถูกเห็นถูก ปัญญาที่เชื่อกรรมและผลของกรรม เรียกว่า กัมมัสสกตาปัญญา ปัญญาระดับสมถภาวนาที่เป็นไปในการอบรมความสงบของจิต เรียกว่า ฌานปัญญา ปัญญาที่เกิดพร้อมสติระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมในขณะนี้ที่เป็นสติปัฏฐาน ก็เป็นปัญญาเช่นกัน จนกระทั่งถึงปัญญาในระดับที่เป็นโลกุตตระ สามารถดับกิเลสได้ตามลำดับ ทั้งหมดคือความเข้าใจถูกเห็นถูก การที่ปัญญาจะเจริญขึ้นได้ จะเกิดขึ้นได้ นั้น ต้องอาศัยการอบรมจากการฟัง การศึกษาพระธรรม พิจารณาไตร่ตรองในสิ่งที่ได้ยินได้ฟัง ที่สำคัญ คือไม่ขาดการฟังพระธรรม ปัญญาก็จะค่อยๆ เจริญขึ้นตามเหตุตามปัจจัย โดยที่ไม่มีใครไปบังคับหรือไปทำอะไรได้ ซึ่งจะต้องเป็นบุคคลที่เคยเห็นประโยชน์ของความเข้าใจพระธรรม สะสมเหตุที่ดีมาแล้วในอดีตจึงได้ฟัง ได้ศึกษา ได้สะสมปัญญาต่อไป แต่ถ้าเป็นบุคคลผู้ไม่มีศรัทธา ไม่เห็นประโยชน์แล้ว แม้จะมีเสียงพระธรรมอยู่ใกล้ๆ ก็ไม่ฟัง
การฟังพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ทำให้เราได้ยินได้ฟังสิ่งซึ่งเราไม่เคยได้ฟังมาก่อน ทำให้เริ่มเห็นประโยชน์ของการฟัง และรู้ว่าเหตุที่จะทำให้ปัญญาเกิด หลักๆ แล้วก็คือการฟัง ด้วยความตั้งใจ ด้วยความละเอียดรอบคอบ เพราะผู้ที่เป็นสาวก ต้องฟังพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ไม่มีตัวตนที่จะไปทำอย่างหนึ่งอย่างใดที่จะให้ปัญญาเกิด ต้องฟัง ต้องศึกษา เท่านั้น ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
thilda
วันที่ 25 มี.ค. 2559

กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
ํํญาณินทร์
วันที่ 26 มี.ค. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ