เป็นมะเร็ง เพราะเจ้ากรรมนายเวร หรือเพราะเหตุใด
ปัจจุบันมีผู้ป่วยมะเร็งเพิ่มขึ้นมาก หลายท่านก็พยายามดูแลสุขภาพ เช่น ออกกำลังกาย ทานอาหารที่เป็นประโยชน์ รับประทานอาหารอินทรีย์ ที่ไม่ใช้สารเคมีและยาฆ่าแมลง เป็นต้น แต่ก็ยังเป็นมะเร็ง บางท่านคิดว่าเพราะเจ้ากรรมนายเวร จึงทำให้เป็นมะเร็ง
ขอเรียนถามเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องของพุทธศาสนิกชน ว่า เจ้ากรรมนายเวรมีในคำสอนของพระพุทธศาสนาหรือไม่ การเจ็บป่วยเป็นผลจากอะไรบ้างครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
เจ้ากรรมนายเวร ไม่มีในคำสอนของพระพุทธเจ้า สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของๆ ตน ไม่มีใครเป็นเจ้ากรรมนายเวร ครับ
เวลานี้ใครมองเห็นเจ้ากรรมนายเวรบ้าง ฟังดูเสมือนว่าทุกคนมีเจ้ากรรมนายเวร แต่ตามความเป็นจริงนั้น ทุกคนเป็นทายาทของกรรมของตนเอง กรรมที่ได้กระทำแล้วในอดีตย่อมเป็นเหตุเป็นปัจจัยให้ผลเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นผลดีที่กำลังได้รับความสุขทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ก็ไม่ใช่บุคคลอื่นบันดาลให้ แต่กุศลที่ผู้นั้นได้กระทำแล้วในอดีตเป็นเหตุเป็นปัจจัยให้เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส สัมผัสสิ่งที่ดีๆ
ฉะนั้น เมื่อกุศลให้ผล ก็ทำให้ได้รับความสุขทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ก็ฉันนั้น ถ้าถูกคนอื่นทำร้าย ก็อาจจะคิดว่าเพราะคนนั้นทำ แต่ถ้าไม่ได้ถูกใครทำร้ายเลย เวลาตกบันไดหรือเจ็บป่วยต่างๆ นั้น ใครทำให้ ขณะที่ถูกก้อนหินหล่นใส่ ก้อนหินเป็นเจ้ากรรมนายเวรเราหรือไม่ ขณะที่เกิด ที่เป็นผลของกรรม มีเจ้ากรรมนายเวรที่ทำให้เกิดหรือไม่ หรือว่าเพราะกรรมของเราเองที่ทำไว้ จึงทำให้เกิด ฉะนั้น แต่ละคนจึงมีกรรมของตนเอง เป็นเหตุเป็นปัจจัยที่จะทำให้ผลของกรรมเกิดขึ้นรับรู้อารมณ์ต่างๆ สิ่งต่างๆ ที่ปรากฏทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย
ฉะนั้น เรื่องเจ้ากรรมนายเวร จึงเป็นเรื่องรับฟังต่อๆ กันมา โดยไม่รู้ว่าใครเคยเห็นเจ้ากรรมนายเวรที่ไหน เมื่อไหร่ เพียงแต่นึกว่ามีบุคคลที่เป็นเจ้ากรรมนายเวรที่ทำให้เป็นทุกข์เดือดร้อนต่างๆ แต่ความจริงนั้น ทุกคนมีกรรมเป็นของของตนเอง ครับ ซึ่งเรื่อง การผูกเวร ก็มีหลายตัวอย่างให้พิจารณา ดังนี้
ซึ่งตัวอย่างพระเทวทัตจองเวรพระพุทธเจ้า ในความเป็นจริงความโกรธที่พระเทวทัตเกิดขึ้น คิดจะจองเวรมีอยู่ ความโกรธก็ต้องเป็นความโกรธของพระเทวทัต ในอดีตชาติ ซึ่งเกิดและดับไปแล้ว ความโกรธในอดีตชาติของพระเทวทัต ถ้าจะให้ผล ก็ต้องให้ผลกับอดีตชาติของพระเทวทัต ไม่ใช่กับอดีตชาติของพระพุทธเจ้า แต่เพราะพระพุทธองค์ในชาตินี้หรือแม้ชาติก่อนๆ ที่ยังทรงเป็นพระโพธิสัตว์ ที่ถูกสมมติว่าถูกทำร้ายจากพระเทวทัต เช่น กลิ้งหินลงมาโดนพระบาทจนถึงกับห้อพระโลหิต ซึ่งแท้ที่จริงแล้วใครเป็นเจ้ากรรมนายเวรพระเทวทัตหรือเปล่า หากพระพุทธเจ้าไม่เคยทำอกุศลกรรมในอดีต จะได้รับอกุศลวิบาก มีหินมากระทบที่พระบาทไม่ได้เลย ซึ่งนั่นไม่ใช่ผลที่มาจากการผูกเวรของพระเทวทัต แต่พระพุทธเจ้าได้ทรงแสดงไว้ว่าเพราะในอดีตชาติเมื่อครั้งยังทรงเป็นพระโพธิสัตว์ ทรงเคยทำให้น้องชายต่างมารดาสิ้นชีวิตเพราะเหตุแห่งทรัพย์ โดยจับโยนลงในซอกเขา แล้วบดทับด้วยหิน ด้วยเหตุนี้ เศษของกรรมทำให้พระองค์ได้รับการทำร้ายจากพระเทวทัต ด้วยสะเก็ดหินที่กระทบนิ้วแม่พระบาทจนห้อพระโลหิต
นี่แสดงว่า พระพุทธเจ้าทรงมีกรรมเป็นของพระองค์เอง ทรงมีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ ทรงมีกรรมเป็นทายาท ทรงมีกรรมเป็นของๆ พระองค์ ไม่มีเจ้ากรรมนายเวรไหน มาทำให้เลย แม้ความผูกโกรธ ก็เป็นความโกรธของพระเทวทัตเอง ไม่สามารถทำอะไรได้อย่างแท้จริง แต่เพราะอกุศกลรรมที่พระองค์ทรงเคยทำ ทำให้พระองค์ได้รับวิบากที่ไม่ดี จึงไม่มีเจ้ากรรมนายเวร เช่นเดียวกับเรื่อง นางรัชชุมาลา ก็อธิบายได้โดยนัยนี้เช่นกัน ครับ
หากเข้าใจความจริง ก็ต้องประกอบกับพระอภิธรรมด้วย เพราะในความเป็นจริงแล้ว สัตว์ บุคคลไม่มี มีแต่ธรรม และที่สมมติว่าเป็นใครก็เพราะมีสภาพธรรมที่เป็นจิต เจตสิกประชุมรวมกัน ซึ่งอดีตชาติของพระเทวทัต ก็ไม่ใช่พระเทวทัตในสมัยพุทธกาล เป็นคนละคน และก็ต้องเป็นคนละจิต จะกล่าวว่าเป็นจิตเดียวกันไม่ได้เพราะไม่เช่นนั้น ก็จะเป็นความเห็นผิดว่าเที่ยงคือ จิตไม่เกิดดับ แต่แท้ที่จริงเป็นคนละจิต แต่เป็นสภาพธรรมที่สืบต่อกัน เป็นจิตที่เกิดดับเนื่องกัน ชาตินี้ของเราเมื่อสิ้นชีวิตลง บุคคลนี้ลักษณะอย่างนี้ ก็จะไม่กลับมาอีกเลย เป็นคนใหม่ทันที ที่สมมติกัน เพราะฉะนั้น ต่างคนก็มีกรรมเป็นของๆ ตน จึงไม่มีเจ้ากรรมนายเวรตามที่เข้าใจ แต่พระพุทธเจ้าทรงแสดงว่าบุคคลนี้ที่เคยเจองเวร ก็ยังมีความผูกโกรธอยู่ได้ เกิดได้อีกชาติหนึ่ง เพราะอาศัยการสะสมของจิตและเจตสิกที่เกิดดับสืบต่อกันนั่นเอง แต่การจะได้รับผลของกรรม ก็เป็นเพราะกรรมของผู้นั้นเอง ไม่ใช่เพราะการผูกโกรธของคนที่จองเวรเป็นปัจจัยครับ เพราะฉะนั้น จะต้องแยกระหว่างเหตุและผล ความผูกโกรธ ซึ่งมีจริง เป็นความผูกโกรธของคนนั้น แต่ความผูกโกรธไม่สามารถทำให้คนที่ถูกโกรธได้รับผลของกรรม แต่อกุศลกรรมของผู้ที่ได้รับความผูกโกรธนั่นเองที่เป็นเจ้าของกรรม คนที่ผูกโกรธไม่สามารถทำอะไรได้ และ ไม่ใช่เจ้ากรรมนายเวร ครับ
สมุฏฐานของโรค หรือ เหตุให้เกิดโรค มีทั้งที่เกิดจาก กรรม จิต อุตุและอาหาร ไม่ได้เกิดจากเจ้ากรรมนายเวร ครับ
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของตน ทำกรรมใดไว้ ก็จะเป็นผู้ได้รับผลของกรรมนั้นตามควรแก่กรรมที่ได้ทำไว้ เพราะฉะนั้น เรา จึงไม่มีผู้อื่นเป็นเจ้ากรรมที่จะบันดาลหรือจะทำให้เรามีความสุขหรือมีความทุกข์ได้ แต่สัตว์ทั้งหลายจะมี ความสุข ความทุกข์ ได้ลาภ เสื่อมลาภ ได้ยศ เสื่อมยศ ได้สรรเสริญ หรือ นินทา เกิดโรคภัยไข้เจ็บประสบกับความเดือดร้อนทางกาย ต่างๆ ก็เพราะกรรม ของตน บุคคลอื่นไม่สามารถจะบังคับบัญชาเป็นผู้ที่เหนือกรรมได้ ที่สำคัญ คำว่าเจ้ากรรมนายเวรไม่มีในพระไตรปิฎก เพราะว่าพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงว่าธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใคร เพราะฉะนั้น จึงไม่มีใครเป็นเจ้ากรรมของใคร เพราะทั้งหมด มีเหตุมีผล มีเหตุมีปัจจัย, คนหนึ่งทำกรรมดี แต่อีกคนหนึ่งจะเป็นผู้ได้ดีมีสุข จะได้รับวิบากที่เป็นกุศลวิบาก หรือ คนหนึ่งทำกรรมชั่ว แต่อีกคนหนึ่งจะเป็นผู้ได้รับผลของกรรมชั่ว นั้น ย่อมไม่ถูกต้อง ไม่ตรงตามคำสอน แต่ละบุคคลล้วนแต่มีกรรมเป็นของตนทั้งนั้น จะทำกรรมแทนกันไม่ได้ จะทำกรรมดีแทนคนอื่นที่เขาไม่สามารถจะทำได้ ก็เป็นไปไม่ได้ แต่ถ้าผู้นั้นอนุโมทนาก็เป็นความดีของเขาในขณะที่กุศลจิตเกิด แต่จะทำกรรมแทนกันนั้น ย่อมไม่ได้
ถ้าได้ศึกษาพระธรรมคำสอนในทางพระพุทธศาสนาอย่างละเอียด ก็จะทำให้เข้าใจถูก เห็นถูกยิ่งขึ้น เข้าใจในเหตุในผลยิ่งขึ้น โดยสรุปแล้ว คือ ไม่มีเจ้ากรรมนายเวร เพราะสัตว์โลกมีกรรมเป็นของตน นั่นเอง ครับ.
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...