เมื่อสภาพธรรมปรากฏที่ญาจาง เวียดนาม 2
สภาพธรรมที่เกิดบ่อย
ในการสนทนาธรรมที่ห้องประชุมชั้น 1โรงแรม The Light ในครั้งนี้ ผู้จัดได้แจ้งให้ทราบตั้งแต่นั่งรถบัสจากสนามบินว่า มีผู้ร่วมลงทะเบียนสนทนานับร้อยคน เป็นคนในพื้นที่ญาจาง 50 คน ที่เหลือมาจากจังหวัดต่างๆ เช่น ไซ่ง่อน (ถ้าเดินทางโดยรสบัสต้องนั่งทั้งคืน 10 ชม.) ดาลัท (นั่งรถขึ้นเขาลงเขา 4 ชม.) ฮอยอัน หวฺงเต่า ฮานอย และอื่นๆ แต่ละคนมีศรัทธาที่จะได้ฟังความจริงที่ไม่เคยฟังมาก่อน
และเมื่อได้ฟังเข้าใจแล้ว ความเข้าใจนั้นก็ทำกิจระลึกรู้สภาพธรรมที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริง รู้ว่าไม่ว่าสุขหรือทุกข์ต่างเสมอกัน คือต่างก็เป็นความจริงที่เกิดเพราะเหตุปัจจัย ไม่มีใครเปลี่ยนแปลงได้ เพราะเกิดแล้วจึงปรากฏให้รู้ว่าเป็นอย่างนั้น เกิดแล้วก็ดับไป ไม่กลับมาอีก เหลือไว้แต่ความติดข้องให้แสวงหาต่อไป หรือความขุ่นเคืองใจให้ผูกโกรธ จำไว้เอาคืน และที่ปรากฏบ่อยๆ ก็คือความไม่รู้ในสภาพธรรมนั้นว่าเป็นความจริงที่เกิดแล้ว ดับแล้ว จะหาความเป็นเรา เป็นสัตว์ บุคคล จากที่ไหน? แต่เพราะไม่รู้จึงเป็นเราดีใจ เราเสียใจ จำไว้ ต้องทำอย่างนั้นเพื่อจะได้มีความสุขอย่างนั้น หรือเขาเคยทำให้เราโกรธอย่างนั้น จำไว้นะอย่าให้มีโอกาสเอาคืนก็แล้วกัน จะเจ็บหนักกว่าหลายเท่า
หลายคนกราบเรียนท่านอาจารย์ว่า เข้าใจธรรมแล้วมีความสุขมากขึ้น แม้เหตุการณ์ที่เกิดกับตนจะเหมือนเดิม แต่ก็เข้าใจว่า เป็นของจริงที่เกิดแล้วเพราะเหตุปัจจัยที่แต่ละคนสะสมมาไม่เหมือนกัน จะไปเปลี่ยนแปลงคนใกล้ตัวให้ทำอย่างที่ตนเองต้องการไม่ได้ แม้แต่การกระทำของตัวเองก็เปลี่ยนแปลงไม่ได้ เพราะเกิดแล้ว และก็สะสมอุปนิสัยมายาวนานที่จะเป็นอย่างนั้น
ในการสนทนาธรรมคราวนี้จึงได้เห็นผู้ฟังคราวก่อนพาคนที่ตนรักผูกพันมาด้วย เพื่อจะได้ฟังความจริงอันประเสริฐนี้ด้วย ครอบครัวที่ลูกชายตายด้วยมะเร็งที่ดาลัท แล้วท่านอาจารย์ไปเยี่ยมก่อนสิ้นชีวิตก็พาลูกสาววัยรุ่น 2 คนมาด้วย คุณแม่ที่เข้าใจธรรมบ้างแล้วคงได้ปูพื้นให้อย่างดี เพราะลูกสาวเข้าใจและยืนขึ้นถามปัญหาหลายครั้ง บางท่านก็พาคุณแม่ พาสามีภรรยา เพื่อนฝูงมาร่วมฟังมากขึ้น รวมทั้งหมอยาลูกกลอนที่พวกเราได้รับประทานก็มาฟังด้วย ข่าววงในที่ไม่สามารถยืนยันได้เล่าว่า ตอนแรกเขาจะไปนั่งสมาธิ แต่ผู้จัดชักชวนให้มาฟังท่านอาจารย์ เพื่อลูกค้าจะได้ซักถามรายละเอียดวิธีใช้ยาด้วย
ในการสนทนาธรรมครั้งนี้ สาวมาดมั่น 2 ท่าน คือคุณยุพิน สุชลธาดาและคุณมารศรี บูรณะไทย ทำหน้าที่ควบคุมการถ่ายทอดสดทุกขั้นตอน (เรียกศัพท์เทคนิคไม่ถูก) รู้แต่ว่ามีเพียง 2 ท่าน ที่ทำทุกอย่างเพื่อถ่ายสดให้คนที่สนใจทั่วโลกได้ร่วมฟังความจริงที่หาฟังได้ยากยิ่งนี้ จะไม่ยากได้อย่างไร เมื่อเกิดขึ้นเป็นคนก็ยากอยู่แล้ว แล้วมีอายุยืนยาวจนมีโอกาสได้ฟังธรรมก็ยาก การทรงอุบัติขึ้นของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้ายิ่งยากที่สุด และการได้ฟังธรรมของพระองค์พอเข้าใจขึ้นๆ ก็ยิ่งยาก เพราะกิเลสอกุศลที่สะสมมายาวนานจนหนาแน่น
อย่างตัวเองแม้รู้ว่าฟังธรรมแล้วเข้าใจมีประโยชน์อย่างยิ่ง แต่อย่างนั้นก็ยังติดนอน ก่อนเดินทางมาเวียดนามก็เตรียมนอนไว้ก่อน เพราะคาดว่าจะต้องเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทาง เมื่อเดินทางมาถึงแล้วก็นอนพักอีกเพราะเหน็ดเหนื่อยจริงๆ จะไปฟังธรรมแต่ละครั้ง ถ้ามีเวลาก็ของีบก่อน (งีบคือหลับเล็กๆ ไม่ทันฝัน) เพื่อจะได้สดชื่นฟังธรรมเข้าใจ สภาพธรรมที่เป็นความคิดส่วนใหญ่จะหมดไปกับเรื่องการนอน
โชคดีที่ก่อนเดินทางได้รีบแก้ไข e book แนวทางเจริญวิปัสสนาถึงเล่มที่ 36 ครั้งที่ 351 - 360 ท่านอาจารย์ยกพระสูตรนี้ขึ้นมา ขออนุญาตยกขึ้นมาทั้งหมด เพราะตนเองอ่านแล้วเชื่อเลยว่า พระพุทธองค์ทรงรู้อุปนิสัยหยาบ ปานกลาง ประณีตของสัตว์โลก และทรงทราบว่า จะแสดงธรรมอย่างไรเพื่อผู้มีอุปนิสัยต่างกันจะได้เข้าใจความจริงได้ สำหรับผู้ที่มีอัธยาศัยหยาบก็ทรงแสดงทุจริต 3 และผลทำให้เกิดในอบาย ผู้มีอุปนิสัยประณีตทรงแสดงสุจริต 3 และผลที่ทำให้เกิดในสุคติและบรรลุมรรคผลนิพพาน สำหรับผู้มีอุปนิสัยปานกลางก็ทรงแสดงทั้งทุจริตและสุจริตตามควรแก่เหตุ สำหรับตนเองเป็นมีอัธยาศัยหยาบ อ่านพระสูตรนี้จึงถูกกับอัธยาศัยมาก
[เล่มที่ 37] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต เล่ม ๔ หน้า๖๖๒
๑๘. กุสีตวัตถุสูตร
[๑๘๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย กุสีตวัตถุ ๘ ประการนี้ ๘ ประการเป็นไฉน ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ต้องทำการงาน เธอมีความคิดอย่างนี้ว่า เราจักต้องทำการงาน ก็เมื่อเราทำการงานอยู่ กายจักลำบาก ผิฉะนั้น เราจะนอน เธอนอนเสีย ไม่ปรารภความเพียรเพื่อถึงธรรมที่ยังไม่ถึง เพื่อบรรลุธรรมที่ยังไม่ บรรลุ เพื่อกระทำให้แจ้งธรรมที่ยังไม่ทำให้แจ้ง นี้เป็นกุสีตวัตถุประการที่ ๑ ฯ
อีกประการหนึ่ง ภิกษุทำการงานแล้ว เธอมีความคิดอย่างนี้ว่า เราแล ทำการงานแล้ว ก็เมื่อเราทำการงานอยู่ กายลำบากแล้ว ผิฉะนั้น เราจะนอน เธอ นอนเสีย ไม่ปรารภความเพียรเพื่อถึงธรรมที่ยังไม่ถึง เพื่อบรรลุธรรมที่ยังไม่บรรลุ เพื่อกระทำให้แจ้งธรรมที่ยังไม่ทำให้แจ้ง นี้เป็นกุสีตวัตถุประการที่ ๒ ฯ
อีกประการหนึ่ง ภิกษุต้องเดินทาง เธอมีความคิดอย่างนี้ว่า เราจักต้อง เดินทาง ก็เมื่อเราเดินทางอยู่ กายจักลำบาก ผิฉะนั้น เราจะนอน เธอนอนเสีย ไม่ปรารภความเพียรเพื่อถึงทางที่ยังไม่ถึง เพื่อบรรลุทางที่ยังไม่บรรลุ เพื่อทำให้ แจ้งทางที่ยังไม่ทำให้แจ้ง นี้เป็นกุสีตวัตถุประการที่ ๓ ฯ
อีกประการหนึ่ง ภิกษุเดินทางแล้ว เธอมีความคิดอย่างนี้ว่า เราได้เดิน ทางแล้ว ก็เมื่อเราเดินทางอยู่ กายลำบากแล้ว ผิฉะนั้น เราจะนอน เธอนอนเสีย ไม่ปรารภความเพียรเพื่อถึงทางที่ยังไม่ถึง เพื่อบรรลุทางที่ยังไม่บรรลุ เพื่อทำให้ แจ้งทางที่ยังไม่ทำให้แจ้ง นี้เป็นกุสีตวัตถุประการที่ ๔ ฯ
อีกประการหนึ่ง ภิกษุเที่ยวบิณฑบาตตามบ้านหรือนิคม ไม่ได้โภชนะอัน เศร้าหมองหรือประณีตพอแก่ความต้องการ เธอมีความคิดอย่างนี้ว่า เราเที่ยวเดิน บิณฑบาตตามบ้านหรือนิคม ไม่ได้โภชนะอันเศร้าหมองหรือประณีตพอแก่ความ ต้องการ กายของเรานั้นลำบากแล้ว ไม่ควรแก่การงาน ผิฉะนั้น เราจะนอน เธอ นอนเสีย ไม่ปรารภความเพียร ฯลฯ นี้เป็นกุสีตวัตถุประการที่ ๕ ฯ
อีกประการหนึ่ง ภิกษุเที่ยวบิณฑบาตตามบ้านหรือนิคม ได้โภชนะ เศร้าหมองหรือประณีต พอแก่ความต้องการ เธอมีความคิดอย่างนี้ว่า เรา เที่ยวบิณฑบาตตามบ้านหรือนิคม ได้โภชนะเศร้าหมองหรือประณีต พอแก่ความ ต้องการแล้ว กายของเรานั้นหนัก ไม่ควรแก่การงาน เหมือนถั่วชุ่มด้วยน้ำ ผิฉะนั้นเราจะนอน เธอนอนเสีย ไม่ปรารภความเพียร ฯลฯ นี้เป็นกุสีตวัตถุ ประการที่ ๖ ฯ
อีกประการหนึ่ง อาพาธเล็กน้อยเกิดขึ้นแก่ภิกษุ เธอมีความคิดอย่างนี้ว่า อาพาธเล็กน้อยนี้เกิดแก่เราแล้ว มีข้ออ้างเพื่อจะนอน ผิฉะนั้นเราจะนอน เธอ นอนเสีย ไม่ปรารภความเพียร ฯลฯ นี้เป็นกุสีตวัตถุประการที่ ๗ ฯ
อีกประการหนึ่ง ภิกษุหายจากอาพาธแล้ว แต่ยังหายไม่นาน เธอมี ความคิดอย่างนี้ว่า เราหายจากอาพาธแล้ว แต่ยังหายไม่นาน กายของเรายังอ่อน เพลีย ไม่ควรแก่การงาน ผิฉะนั้นเราจักนอนเสียก่อน เธอนอนเสีย ไม่ปรารภ ความเพียร เพื่อถึงการงานที่ยังไม่ถึง เพื่อบรรลุการงานที่ยังไม่บรรลุ เพื่อทำให้แจ้ง การงานที่ยังไม่ได้ทำให้แจ้ง นี้เป็นกุสีตวัตถุประการที่ ๘ ดูกรภิกษุทั้งหลาย กุสีตวัตถุ ๘ ประการนี้แล ฯ
จบสูตรที่ ๑๘
ขอนอบน้อมแด่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้นด้วยเศียรเกล้า
ก็คงต้องเป็นอย่างนี้ต่อไปอีกแสนนาน จนกว่าจะเข้าใจขึ้น จนสามารถประจักษ์แจ้งว่า ไม่ว่าหลับหรือตื่นก็เป็นความจริงที่เกิดขึ้นแล้วเพราะเหตุปัจจัย เปลี่ยนแปลงไม่ได้เพราะเกิดขึ้นแล้ว ดับแล้วด้วย จะหาความเป็นเราจากที่ไหน?
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่ง
ขอกราบอนุโมทนาในกุศลจิตของชาวเวียดนามทุกท่านที่มีศรัทธามาฟังพระธรรม และสนใจสอบถามข้อสงสัยตลอดเวลา
ขอกราบอนุโมทนาในกุศลจิตของคุณพ่อสงบ เชื้อทอง คุณวันชัย ภู่งาม คุณยุพิน สุชลธาดาและคุณมารศรี บูรณะไทย ที่รวบรวมทั้งภาพถ่ายและถ่ายทอดสดมาให้ได้ร่วมรับชมการสนทนาธรรมครั้งนี้ค่ะ
ขอกราบอนุโมทนาในกุศลวิริยะของคุณแม่แดงที่ส่งเรื่องราวมาให้สหายธรรมได้ติดตามและร่วมอนุโมทนาด้วยค่ะ
ขออนุโมทนาครับ สนุกและได้สาระจากพระธรรมเช่นเคยครับ ติดตามตอนต่อไปอยู่นะครับ