อยากรู้ความหมายของการสวดพระอภิธรรมในงานศพ
ได้ฟังการสวดพระอภิธรรมในงานศพแต่สวดเป็นภาษาบาลี ฟังแล้วไม่รู้เรื่อง อยากรู้คำแปลที่เป็นภาษาไทยค่ะ พระท่านสวดพระอภิธรรมทั้งหมดที่มีในพระไตรปิฎกหรือเปล่าคะ แล้วทำไมพระท่านสวดจบเร็วจัง หรือสวดแค่บางส่วนคะ
ประเพณีของชาวพุทธที่ประพฤติสืบๆ กันมา คือเมื่อมีญาติเสียชีวิตก็นิยมทำบุญถวายทานกับพระภิกษุผู้ทรงศีลแล้วอุทิศให้ญาติผู้จากไป เมื่อพระภิกษุท่านมาท่านก็แสดงพระธรรม เพื่อให้ญาติที่โศกเศร้าถึงผู้ล่วงลับไปได้คลายความโศกเศร้า บทธรรมที่นิยมแสดงหรือสวดในงานศพก็คือมาติกาพระอภิธรรมปิฎก หรือพระอภิธรรมมัตถสังคหะ สำหรับมาติกาพระอภิธรรมปิฎก อ่านได้ในพระอภิธรรมปิฎก และอรรถกถา เล่มที่ 75 ขึ้นไป ส่วนพระอภิธรรมมัตถสังคหะ มีแปลเป็นภาษาไทย และมีวางจำหน่ายตามร้านขายหนังสือธรรมทั่วไป และขอยกคำบาลีคำแปลมาให้ดูเป็นตัวอย่างดังนี้
อภิธมฺมตฺถสงฺคหปาลิยา สห อภิธรรมฺมภตฺวิภาวินีนาม อภิธมฺมตฺถสงฺคหฏีกา นมตฺถุ รตนตฺตยสฺส อภิธมฺมตฺถสงฺคหปาลิ ปกรณารมฺภคาถา สมฺมาสมฺพุทฺธมตุลํ สสทฺธมฺมคณุตฺตมํ อภิวาทิย ภาสิสฺสํ อภิธมฺมตฺถสงฺคหํ ฯ ตตฺถ วุตฺตาภิธมฺมตฺถา จตุธา ปรมตฺถโต จิตฺตํ เจตสิกํ รูปํ นิพฺพานมิติ สพฺพถา ฯ ปฐโม ปริจฺเฉโท ตตฺถ จิตฺตํ ตาว จตุพฺพิธํ โหติ กามาวจรํ รูปาวจรํ อรูปาวจรํ โลกุตฺตรญฺเจติ ฯ ตตฺถ กตมํ กามาวจรํ ฯ โสมนสฺสสหคตํ ทิฏฺฐิคตสมฺปยุตฺตํ อสงฺขาริกเมกํ สสงฺขาริกเมกํ โสมนสฺสสหคตํ ทิฏฺฐิคตวิปฺปยุตฺตํ อสงฺขาริกเมกํ สสงฺขาริกเมกํ อุเปกฺขาสหคตํ ทิฏฺฐิคตสมฺปยุตฺตํ อสงฺขาริกเมกํ สสงฺขาริกเมกํ อุเปกฺขาสหคตํ ทิฏฺฐิคตวิปฺปยุตฺตํ อสงฺขาริกเมกํ สสงฺขาริกเมกนฺติ อิมานิ อฏฺฐปิ โลภสหคตจิตฺตานิ นาม ฯ โทมนสฺสสหคตํ ปฏิฆสมฺปยุตฺตํ อสงฺขาริกเมกํ สสงฺขาริกเมกนฺติ อิมานิ เทฺวปิ ปฏิฆจิตฺตานิ ๑ นาม ฯ อุเปกฺขาสหคตํ วิจิกิจฺฉาสมฺปยุตฺตเมกํ อุเปกฺขาสหคตํ อุทฺธจฺจสมฺปยุตฺตเมกนฺติ อิมานิ ฯลฯ
อภิธัมมัตถสังคหบาลีแปล
[ปริเฉทที่ ๑ ชื่อจิตตสังคหวิภาค]
ขอความนอบน้อมจงมีแด่พระรัตนตรัย
อภิธัมมัตถสังคหบาลี
คาสถาเริ่มต้นปกรณ์
ข้าพเจ้า (ชื่ออนุรุทธาจารย์) ขอถวายอภิวาทพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้มีพระภาคอันชั่งไม่ได้ พร้อมทั้งพระสัทธรรมและหมู่แห่งพระอริยสงฆ์อันสูงสุดแล้ว จักกล่าวปกรณ์อภิธัมมัตถสังคหะฯ อรรถแห่งพระอภิธรรม อันพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ในพระอภิธรรมนั้น โดยปรมัตถ์ทุกประการ มี ๔ อย่าง คือ จิต ๑ เจตสิก ๑ รูป ๑ นิพพาน ๑ ฯ
ปริเฉทที่ ๑
บรรดาอรรถแห่งพระอภิธรรม ๔ อย่างนั้น จิตอันดับแรกมี ๔ อย่าง คือ กามาจิต ๑ รูปาจรจิต ๑ อรูปาวจรจิต ๑ โลกุตตรจิต ๑ ฯ บรรดาจิต ๔ อย่างนั้น กามาวจรจิตเป็นไฉน? จิต ๘ เหล่านี้ คือจิตที่สหรคตด้วยโสมนัส ประกอบด้วยทิฏฐิ เป็นอสังขาริก ๑ สสังขาริก ๑ จิตที่สรหคตด้วยโสมนัส ไม่ประกอบด้วยทิฏฐิ เป็นอสังขาริก ๑ สสังขาริก ๑ จิตที่สหรคตด้วยอุเบกขา ประกอบด้วยทิฏฐิ เป็นอสังขาริก ๑ สสังขาริก ๑ จิตที่สหรคตด้วยอุเบกขา ไม่ประกอบด้วยทิฏฐิ เป็นอสังขาริก ๑ สสังขาริก ๑ ชื่อว่า โลภสกคตจิต (จิตประกอบด้วยโลภะ)
จิต ๒ นี้ คือ จิตที่สหรคตด้วยโทมนัส ประกอบด้วยปฏิฆะ เป็นอสังขาริก ๑ เป็นสสังขาริก ๑ ชื่อว่า ปฏิฆจิต ฯ
จิต ๒ นี้ คือ จิตที่สหรคตด้วยอุเบกขา ประกอบด้วยวิกิจฉา ๑ จิตที่สหรคตด้วยอุเบกขา ประกอบด้วยอุทธัจจะ ๑ ชื่อว่า โมมูหจิต ฯ
อกุศลจิต ๑๒ จบบริบูรณ์ทุกประการ ด้วยประการฉะนี้แล ฯ
การศึกษาพระอภิธรรมอันดับแรก จะต้องมีปัญญาจากขั้นการฟัง (สุตมยปัญญา) ก่อน คือการศึกษาเรื่องราวของสภาพธรรมจากคำสอนของผู้ที่ตรัสรู้ เมื่อมีความเข้าใจในระดับหนึ่ง ปัญญาจะเริ่มทำกิจพิจารณาสภาพธรรมนั้นๆ (จินตามยปัญญา) จนกว่าจะเห็นจริงตรงตามที่ตรัสรู้ เพราะฉะนั้น จุดประสงค์ของการศึกษาพระธรรมทั้งหมด ก็เพื่อเกื้อกูลให้เข้าใจความจริงว่า สิ่งที่ปรากฏทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ นั้นแท้ที่จริง เป็นเพียงแต่ธาตุหรือธรรม
พระอภิธรรมที่พระท่านสวดนั้น ก็เป็นสภาพธรรมที่อยู่ในชีวิตประจำวันนั่นเอง ธรรมเป็นกุศล เช่น เมตตา ก็อยู่ในชีวิตประจำวัน (แต่ยึดถือว่าเป็นเรา) ธรรมเป็นอกุศล ก็อยู่ในชีวิตประจำวัน (แต่ยึดถือว่าเป็นเรา) ธรรมเป็นอัพยากฤต ก็อยู่ในชีวิตประจำวัน เช่น เสียง (แต่ยึดถือว่าเป็นเรา) ดังนั้น พระอภิธรรมที่อยู่ในหนังสือก็อยู่ในขณะนี้นั่นเอง ปัญญาจะต้องรู้ว่า ไม่ใช่เรา เมื่อสภาพธรรมนั้นเกิดครับ