ชวนจิต ..การให้ผลของกรรม
1.ชวนะดวงที่1 กำลังอ่อน ให้ผลกรรมในชาตินี้ คือให้ผลกรรมในปวัตติกาลชาติปัจจุบัน ถูกต้องหรือไม่ครับ
และในชาตินี้ จิตที่ขึ้นวิถีเสพอารมณ์ เป็นชวนจิตดวงที่1 มีมากมาย ย่อมเกิดกรรม และ อโหสิกรรมในชาตินี้มากมาย ถูกต้องหรือไม่ครับ
2.ชวนะดวงที่2-6 (5ดวง) กำลังมาก จึงให้ผลในชาติที่3ต่อจากชาติต่อจากชาติหน้า
ผลกรรมส่งถึงได้ ครั้งเดียวชาติเดียว หรือ 5 ครั้ง5ชาติ ตามจำนวนชวนะครับ
3.เรื่องการให้ผลของกรรม เป็น 1 ใน กรรมวิสัย ของ อจินไตย ที่ควรเข้าไปเข้าใจหรือไม่ครับ
ขอบพระคุณที่อนุเคราะห์ให้ความรู้ความเข้าใจด้วยครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
1.ชวนะดวงที่1 กำลังอ่อน ให้ผลกรรมในชาตินี้ คือให้ผลกรรมในปวัตติกาลชาติปัจจุบัน ถูกต้องหรือไม่ครับ
@ ถูกต้องครับ
และในชาตินี้ จิตที่ขึ้นวิถีเสพอารมณ์ เป็นชวนจิตดวงที่1 มีมากมาย ย่อมเกิดกรรม และ อโหสิกรรมในชาตินี้มากมาย ถูกต้องหรือไม่ครับ
@ ก็ต้องเป็นกรรมที่ครบกรรมบถ ถ้าไม่ครบ ก็ไม่เกิดวิบากครับ ซึ่งก็แล้วแต่ว่ากรรมใดจะให้ผลในชาตินี้ ครับ หรือ ไม่ให้ผลในชาตินี้ก็ได้ครับ
2.ชวนะดวงที่2-6 (5ดวง) กำลังมาก จึงให้ผลในชาติที่3ต่อจากชาติต่อจากชาติหน้า
ผลกรรมส่งถึงได้ ครั้งเดียวชาติเดียว หรือ 5 ครั้ง5ชาติ ตามจำนวนชวนะครับ
@ สามารถให้ผลได้ไม่ใช่เพียงชาติเดียวครับ
3.เรื่องการให้ผลของกรรม เป็น 1 ใน กรรมวิสัย ของ อจินไตย ที่ควรเข้าไปเข้าใจหรือไม่ครับ
@ เข้าใจได้ตามกำลัง ไม่สามารถเข้าใจได้ละเอียดทั้งหมด ครับ
ขอเชิญอ่านคำบรรยายท่านอาจารย์สุจินต์ดังนี้ครับ
ส. กรรมๆ หนึ่ง จิตเกิดขึ้นกี่ดวง การกระทำกรรมหนึ่งที่สำเร็จลงไปแต่ละครั้ง จิตเกิดขึ้นกี่ดวง จิตที่กระทำกรรมนั้นสำเร็จลง เกิดขึ้นกี่ดวง
สมนึก ไม่ทราบครับ
ส. วิถีจิตเกิดขึ้น ที่เป็นชวนกุศลจิตหรืออกุศลจิต จะเกิดซ้ำกัน ๗ ขณะ ถ้าเป็นชวนะดวงที่ ๑ สามารถให้ผลได้ในปัจจุบันชาติ คือชาติที่ทำกรรมนั้น ถ้าไม่ให้ผลในชาตินั้น ชวนะดวงที่ ๑ จะไม่ทำให้เกิดวิบากในชาติต่อๆ ไปได้เลย เพราะเหตุว่าชวนะดวงที่ ๑ มีกำลังอ่อนกว่าชวนะอื่น เพราะฉะนั้น จึงสามารถให้ผลได้เฉพาะในปัจจุบันชาตินั้น
เพราะฉะนั้น ชวนะดวงที่ ๑ จึงเป็นทิฏฐธัมมเวชนียกรรม คือ กรรมที่สามารถให้ผลในปัจจุบันชาติ แต่ก็ไม่มีผู้ใดสามารถรู้ได้จริงๆ ว่า ขณะที่วิบากจิตนี้กำลังเกิดขึ้นเป็นผลของกรรมใดๆ จะเป็นผลของทิฏฐธัมมเวชนียกรรม คือ ชวนจิตดวงที่ ๑ ในชาตินี้ หรือเป็นผลของอดีตกรรมในชาติก่อน หรือเป็นผลของกรรมที่ได้กระทำแล้วเนิ่นนานในสังสารวัฏฏ์ เพราะเหตุว่าชวนจิตที่เป็นกุศล ๗ ขณะ หรืออกุศล ๗ ขณะ มีกาละที่จะให้ผลต่างกัน คือ ถ้าเป็นชวนจิตดวงที่ ๑ ให้ผลในชาตินั้น ทำให้วิบากจิตเกิดขึ้นในปัจจุบันชาตินั้น ถ้าเป็นชวนะดวงที่ ๗ ก็ทำให้วิบากเกิดขึ้นในชาติต่อไป ถ้าเป็นชวนะดวงที่ ๒ – ๖ เป็นปัจจัยให้วิบากจิตในชาติหลังๆ ต่อไปอีกได้ ตราบใดที่ยังมีสังสารวัฏฏ์ เพราะฉะนั้น แต่ละกรรมที่ได้กระทำสำเร็จลง ชวนจิตเกิดอีกกี่ ๗ ครั้ง ๗ ครั้ง ๗ ครั้ง กว่ากรรมหนึ่งๆ จะสำเร็จลงไป
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
เพราะได้อาศัยพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสงไว้ จึงเข้าใจตามเรื่องของพระธรรมว่า ชวนะดวงที่ ๑ ให้ผลในปัจจุบัน ชวนะดวงที่ ๗ ให้ผลในชาติหน้า ชวนะดวงที่ ๒-๖ ให้ผลในชาติหลังๆ เป็นเรื่องยากที่จะเข้าใจอย่างแท้จริง
เรื่องกรรมและการให้ผลของกรรม เป็นเรื่องที่ละเอียดมาก สำคัญที่ความเข้าใจ ว่าไม่พ้นไปจากธรรมที่มีจริง ไม่ว่าจะเป็นกรรม หรือ ผลของกรรม ก็เป็นธรรม ชีวิตประจำวัน ไม่พ้นไปจาก ๒ อย่างนี้เลย คือ อย่างหนึ่ง เป็นส่วนที่เป็นเหตุ คือ การสะสมเหตุที่เป็นกุศลกรรม กับ อกุศลกรรม สะสมสืบต่ออยู่ในจิต ไม่สูญหายไปไหนแต่ก็เป็นคนละส่วนกันไม่ปะปนกัน นี้คือ กล่าวถึงเฉพาะในชาตินี้ แต่ในชาติที่ผ่านๆ มา ก็กระทำกรรมมาไม่น้อยเลย ทั้งกุศลกรรม และ อกุศลกรรม โดยที่ไม่สามารถที่จะล่วงรู้ได้ว่า กรรมใดจะให้ผลเมื่อใด และอีกส่วนหนึ่ง เป็นการได้รับผลของกรรมที่เป็นวิบาก ไม่พ้นไปจากขณะที่ ได้เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รู้สิ่งที่กระทบสัมผัสทางกายที่เกิดขึ้นเป็นไป เพราะมีกรรมเป็นปัจจัย โดยที่ไม่มีใครทำให้ ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น การรู้เรื่องกรรมและผลของกรรม ย่อมทำให้รู้ความจริงว่า เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับเรา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องร้าย หรือ เรื่องดีก็ตาม ไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ หรือไม่ได้เกิดขึ้นเพราะผู้อื่นเป็นผู้กระทำให้ แต่แท้ที่จริงแล้ว เกิดขึ้นเพราะตัวเราเอง เป็นผู้กระทำเหตุไว้แล้ว เหตุ ก็คือ กุศลกรรม และ อกุศลกรรม อาจจะเป็นเหตุในชาตินี้ หรือเป็นเหตุในอดีตชาติที่ผ่านๆ มา ก็ได้ ซึ่งไม่มีใครสามารถที่จะล่วงรู้ได้เลยความเป็นผู้มีปัญญาเข้าใจอย่างนี้ ย่อมจะทำให้ เป็นผู้มีความมั่นคงในเรื่อง กรรมและผลของกรรม อันจะเป็นเหตุทำให้กุศล (ความดี) ประการต่างๆ เจริญขึ้นในชีวิตประจำวันได้ กล่าวได้ว่า เป็นการสะสมเหตุใหม่ที่ดีเว้นจากเหตุ ที่จะทำให้จิตใจเดือดร้อนในภายหลัง ครับ.
ขอเชิญคลิกฟังคำบรรยายของท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ได้ที่นี่ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขอบพระคุณครับ จากที่แนะนำเพิ่มเติมของอ.สุจินต์ ที่แสดงธรรมว่า วิถีจิตเกิดขึ้น ที่เป็นชวนกุศลจิตหรืออกุศลจิต จะเกิดซ้ำกัน ๗ ขณะ ซ้ำกันหมายถึงเสพอารมณ์เดียวกัน7ครั้ง แต่ชวนจิตดวงที่1และ7มีกำลีงน้อย ผลกรรมที่เกิดจากชวนจิตดวงที่1ถึง7จะเป็นผลเดียวกันแต่ส่งผลต่างเวลากันใช่หรือไม่ครับ
ทั้ง ชวนะ ขณะที่ 1 7 และ 2-6 เป็นกรรมเดียวกัน ให้ผลก็มาจากกรรมเดียวกัน แต่มีกำลังต่างกันตามที่ผู้ร่วมสนทนากล่าวถูกต้องแล้วครับ ขออนุโมทนา