การสะสมเหตุถูกย่อมได้รับผลที่ถูกตามมาอย่างแน่นอน
ส่วนใหญ่มักจะเข้าใจว่า การปฏิบัติธรรมคือต้องทำอย่างนั้นหรืออย่างนี้ เมื่อก่อนผมก็เป็นเข่นนี้เหมือนกันครับ ไปสำนักโน้นบ้าง ไปสำนักนี้บ้าง เพื่อต้องการอยากรู้ว่า สำนักนั้นๆ เขาสอนว่าอย่างไร ให้ทำอย่างไร เพราะส่วนใหญ่ที่สอนธรรมมะ ก็สอนในลักษณะอย่างนี้เกือบจะทั้งหมด จึงเกิดความยึดถือว่าถ้าจะปฏิบัติธรรมต้องทำอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งเป็นเรื่องที่เข้าใจผิดการที่จะเข้าใจพระธรรมได้ดีและถูกต้องนั้น ต้องมีความอดทนมากๆ และก็ต้องใจเย็นๆ ไม่รีบร้อน ไปตามลำดับขั้น ทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัยไม่มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดเลยที่เกิดขึ้นมาโดยไม่อาศัยเหตุปัจจัย เมื่อเหตุคือ ยังไม่เข้าใจ ผลจะให้เกิดความเข้าใจโดยไม่ได้ศึกษา ก็เป็นไปไม่ได้เลย การปฏิบัติธรรมเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ค่อยๆ ศึกษา ทำความเข้าใจไปเรื่อยๆ นะครับ การสะสมเหตุถูก ย่อมได้รับผลที่ถูกตามมาอย่างแน่นอนครับ
การปฏิบัติธรรม โดย การนั่งสมาธิ ที่เป็นความนิยมอยู่ในขณะนี้ ทั่วโลก ถ้า กระทำไปโดยเข้าใจว่าเป็น วิธีที่จะดับกิเลสได้ หรือ เข้าใจว่า ทำให้เกิดปัญญารู้แจ้งพระนิพพานก็เป็นความเห็นผิด (มิจฉาทิฎฐิ) เป็นมิจฉาสมาธิ เป็นการกระทำไปโดยความไม่รู้ เมื่อกระทำเหตุด้วย ความไม่รู้ ผล ก็คือความไม่รู้ เมื่อ เหตุคือ มิจฉาทิฏฐิ ผลของมิจฉา-ทิฏฐิ คือ การเกิดในนรก หรือ ถ้ามาเกิดมาเจอ พระพุทธเจ้า เขาเหล่า นั้น ก็จะเป็น
ฝ่ายตรงข้ามกับ พระพุทธเจ้า เช่น พรรคพวกของ ครูทั้ง 6 ที่เป็นมิจฉาทิฏฐิ ครับ