การให้ทาน

 
thilda
วันที่  1 พ.ค. 2559
หมายเลข  27738
อ่าน  20,508

เรียนถามอาจารย์ค่ะ การให้ทานที่ไม่ได้คิดในเรื่องของธรรมะ เพียงแต่คิดว่าให้ทานเพราะต้องการช่วยเหลือ เพราะเป็นประโยชน์ต่อผู้รับ เป็นคนละอย่างกับการให้ทานเพื่อละความตระหนี่หรือไม่ มีความละเอียดต่างกันอย่างไรไหมคะ ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 1 พ.ค. 2559

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ทาน คือ การให้ อันเป็นเจตนาสละ สิ่งใด สิ่งหนึ่ง ทั้งที่เป็นการสละ ที่เป็นวัตถุ รูปธรรม และเป็นการสละ ให้ สิ่งที่เป็นนามธรรม มีการให้ ปัญญา ความเข้าใจ เป็นต้น

คงต้องแยกคำว่า ให้ กับ ทาน ก่อนนะครับ คำว่า ให้ ไม่ได้หมายถึงจะต้องเป็นกุศลเสมอไป บางคนให้ เพื่อแลกเปลี่ยน ให้เพราะตั้งใจจะทำร้าย ขณะที่ให้ ไม่ใช่กุศล ไม่ได้มีเจตนาสละ ที่เป็นอโลภะ ที่เป็นกุศลจิต แต่เป็นการให้สิ่งใดสิ่งหนึ่งด้วยจิตที่เป็นอกุศลครับ แต่การให้ที่เป็นกุศลก็มี เป็นทานครับ ดังนั้น เมื่อให้ ไม่จำเป็นจะต้องเป็นกุศลเสมอไปครับ นี่พูดถึงคำว่า ให้ แต่เมื่อกล่าวถึง คำว่าทาน คือเจตนาสละวัตถุ อันเป็นอโลภะ คือ ความไม่ติดข้องในขณะนั้น ด้วยจิตที่เป็นกุศล ขณะนั้นที่เป็นทาน จะต้องเป็นกุศลเสมอครับ

-วัตถุทาน การให้ การสละวัถตุสิ่งของเพื่อประโยชน์สุขแก่ผู้อื่น เพราะบุคคลผู้ควรแก่การรับทานนั้นมีมาก ถ้ามีโอกาสที่จะสละวัตถุสิ่งของเพื่อประโยชน์สุขแก่ผู้อื่นแล้ว ก็ย่อมเป็นสิ่งที่ควรทำ เป็นการช่วยเหลือเกื้อกูลกันให้ไม่เดือดร้อนในชีวิตประจำวัน

-อภัยทาน เป็นการให้ความไม่มีภัยแก่ผู้อื่น ไม่มีวัตถุสิ่งของที่จะให้ แต่ก็ควรพิจารณาว่า จะยากกว่าการสละวัตถุทานหรือไม่? เพราะเหตุว่าอภัยทาน เป็นการสละความเห็นแก่ตัว สละความรักตัวในการที่ไม่ให้อภัยในความผิดของคนอื่น หรือในความบกพร่องของคนอื่น ขณะที่ไม่อภัยให้บุคคลอื่น ขณะนั้นเป็นเพราะรักตัวเอง ที่ทำให้ไม่สามารถจะอภัยในความผิด หรือในความบกพร่องของคนอื่นได้ ลึกลงไปจริงๆ เป็นเพราะความรักตัว ความยึดมั่นในตัวตนนั่นเอง การสละความเห็นแก่ตัวขั้นอภัยทาน ทำให้สละความคิดร้าย สละความแค้นเคือง สละความผูกโกรธ สละความไม่หวังดี สละความไม่เป็นมิตร สละความไม่เกื้อกูล สละความไม่มีน้ำใจ ต่อคนอื่น

-ธรรมทาน การให้ธรรมเป็นทาน คือ การให้ความรู้ ให้ความเข้าใจ ให้ความเห็นถูกในธรรมะ ชี้แนวทางที่ถูกต้องให้ จะเห็นได้ว่า กุศลธรรมทั้งหลายจะเจริญขึ้นได้ ก็เพราะธรรมทาน เป็นการเกื้อกูลให้ผู้อื่นได้มีความเข้าใจถูกเห็นถูก และเมื่อมีความเข้าใจถูกเห็นถูกแล้ว ความดีประการต่างๆ ก็จะเจริญขึ้นคล้อยตามความเห็นที่ถูกต้องด้วย

ดังนั้น ประเด็นที่ถาม ให้เพื่ออนุเคราะห์ ก็เป็นการให้วัตถุทาน ซึ่งไม่ประกอบด้วยปัญญาก็ได้ แต่ ให้ด้วยปัญญา คือ การสละความตระหนี่ จึงให้ ครับ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 1 พ.ค. 2559

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ทาน เป็นเรื่องของการให้ ไม่พ้นจากจิต เจตสิกที่เกิดขึ้นเป็นไปในกุศล การให้วัตถุสิ่งของเพื่อประโยชน์สุขแก่บุคคลอื่น เป็นอามิสทาน หรือ วัตถุทาน ถ้าตระหนี่ หรือ เห็นแก่ตัว การให้ทาน เกิดขึ้นไม่ได้เลย ในขณะนั้น จะรู้หรือไม่รู้ก็ตาม ความจริงเป็นอย่างนี้ ซึ่งเป็นกุศลธรรมที่เกิดขึ้นทำกิจหน้าที่ เป็นธรรมที่มีจริง ไม่ใช่เรา

การฟังพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง เป็นไปเพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูก เป็นไปเพื่อความเจริญขึ้นของกุศลธรรม แม้การให้วัตถุทานในชีวิตประจำวัน ก็สามารถที่จะเกิดขึ้นเป็นไปได้เมื่อเห็นประโยชน์ของกุศลธรรม ที่สำคัญคือควรที่จะเป็นไปเพื่อสละ ขัดเกลาละคลายกิเลสของตนเอง ไม่ใช่ด้วยความหวังความต้องการ ติดข้องในผลของทาน ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
thilda
วันที่ 1 พ.ค. 2559

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาอาจารย์ทั้งสองท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
ํํญาณินทร์
วันที่ 3 พ.ค. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
tanrat
วันที่ 3 พ.ค. 2559

กราบอนุโมทนาสาธุค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
tuijin
วันที่ 3 พ.ค. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
ZanTa
วันที่ 26 ม.ค. 2563

สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
chatchai.k
วันที่ 3 ต.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ