จิตคิด กับ จิตรู้ ต่างกันอย่างไร
มโนทวารจิตเกิดสติเจตสิก ระลึกรู้ ลักษณะปรมัตถ์ ทางอายตนะ ๕ กับ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ กระทำร่วม เกิดสังขารธรรม ทำให้คิดนึกไปเอง มีสภาพลักษณะธรรมที่ต่างกันอย่างไรครับ
มโนทวาร วาระแรก มีปรมัตถ์เป็นอารมณ์ ชวนจิตเกิด มีสติและปัญญาเกิดระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมในขณะนั้น พร้อมเจตสิกอื่นๆ คือ เวทนาเจตสิก และสัญญาเจตสิก ซึ่งขณะนั้นยังไม่คิดนึก ต่อเมื่อวาระจิต วาระหลังๆ จึงคิดนึก ดังนั้น จิตคิด ก็คือ มี บัญญัติเป็นอารมณ์ ส่วน จิตรู้ ก็คือ จิตรู้ทุกอย่าง เพราะเป็นใหญ่ในการรู้ แม้จิตคิด ก็จิตรู้ด้วย คือ รู้ บัญญัติเรื่องราว ครับ
ประโยชน์สูงสุดของการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม อบรมเจริญปัญญาในชีวิตประจำวันเพื่อความเข้าใจถูก เห็นถูก เพื่อละคลายความไม่รู้ ละคลายความเห็นผิดที่ยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นตัวตนและ เพื่อขัดเกลากิเลสของตนเองเป็นสำคัญ บุคคลผู้ที่ตั้งใจศึกษาด้วยความละเอียดรอบคอบ ย่อมจะได้ประโยชน์จากพระธรรม ธรรมเป็นเรื่องยาก จึงต้องตั้งใจฟังตั้งใจศึกษา ความรู้ความเข้าใจจึงจะค่อยๆ เจริญขึ้นไปตามลำดับ ครับ
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
คิด มีจริง สภาพรู้ ธาตุรู้ มีจริงๆ เป็นธรรมที่เกิดเพราะเหตุปัจจัย ไม่มีอะไรเลย ที่เกิดมาลอยๆ สภาพธรรมที่มีจริงๆ ที่เป็นสภาพธรรมที่เกิดเพราะเหตุปัจจัย ก็ต้องเกิดเพราะเหตุปัจจัย ไม่มีการบังคับบัญชาให้เกิดขึ้นได้ เป็นไปตามเหตุปัจจัยจริงๆ จิต ก็เช่นเดียวกัน เป็นสภาพธรรมที่มีจริง เป็นสภาพธรรมที่เป็นใหญ่เป็นประธานในการรู้แจ้งอารมณ์ ไม่ว่าจะหลับหรือตื่น ก็ไม่พ้นไปจากจิตเลย ปัญญาที่ได้อบรมแล้ว สามารถเข้าใจถูกตรงตามความเป็นจริงได้ว่าเป็นธรรม ไม่ใช่เราจึงต้องค่อยๆ ฟัง ค่อยๆ ศึกษา สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูก ไปทีละเล็กทีละน้อย จากการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมเป็นปกติในชีวิตประจำวัน ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...